วิจารณ์หนัง PUBLIC ENEMIES
นานๆทีจะมีคนหบิบยกเอาผู้ร้ายมาเป็นตัวเด่นในหนัง เพื่อให้ผู้คนได้เห็นใจและชื่นชมมากกว่าบรรดาผู้พิทักษ์ต่างๆที่พอจะนึกถึงได้ และทุกคนรู้จักดีก็คงจะหนีไม่พ้น โรบินฮู้ด จอมโจรใจดีที่ปล่นเงินจากคนรวยแล้วมาแจกจ่ายให้ชาวบ้านไปทั่ว จะต่างกันก็ตรงที่ใน Public Enemiesจอมโจรหน้าหยกคนนี้ไม่ได้นำเงินมาแจกจ่ายก็เท่านั้น
Public Enemies ผลงานเรื่องล่าของผู้กำกับ ไมเคิล มานส์ หยิบยกเอาหนึ่งในบรรดาคดีปล้นธนาคารในช่วงปี 1933 (ที่เป็นเสมือนปีทองของการปล้นธนาคาร) ซึ่งเคยถูกบันทึกเป็นเรื่องราวไว้ในหนังสือที่เขียนโดย ไบรอัน เบอร์โรห์ มาก่อนแล้ว หนังเล่าเรื่องของ จอห์น ดิลลินเจอร์ (จอนนี่ เดปป์) จอมโจรมาดเท่ที่มีความสามารถโดเด่นในการแหกคุกเป็นที่ตื่นตาของชาวบ้านชาวช่องในชิคาโกมากๆ รวมถึง บิลลี่ เฟรชเช็ต (มาริยง โกติยาร์ด) แฟนสาวของเขาเองอีกด้วย ดิลลินเจอร์ ยังเป็นโจรที่ได้รับความเห็นใจ และชาวบ้านจะเข้าข้างเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกันว่าธนาคารเหล่านี้แหละที่เป็นต้นเหตุทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ชื่อเสียงในการปล้นของ ดิลลินเจอร์ ทำให้เอฟบีไอสนใจที่จะตามล่าและสยบเขาลงให้ได้ จนตกเป็นเป้าในการตามล่าของเอฟบีไอมือใหม่อย่าง เจ เอ็ดการ์ฮูเวอร์ (บิลลี่ ครูดรัฟ) และเจ้าหน้าที่มือเก๋าของชิคาโก เมลวิน เพอร์วิส (คริสเตียน เบล) ที่ต้องการหยุดการกระทำของดิลลินเจอร์ที่ใครๆก็รู้ว่าไม่มีใครหยุดเขาได้ และไม่มีคุกที่ใดจะคุมขังเขาได้เช่นกัน
ด้วยความอหังการของจอมโจรดิลลินเจอร์ผู้นี้ ฮูเวอร์ได้ประกาศว่าเขาคือศัตรูหมายเลขหนึ่งของรัฐ เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ต่อการยกระดับหน่วยงานของเขา ให้มีฐานะเทียบเท่ากับเอฟบีไอให้ได้ แม่การไล่ล่าจะไม่สามารถทำให้ภารกิจครั้งนี้ประสบความสำเร็จ แต่การหักเหลื่ยมกลโกงระหว่างกันเองภายในแก๊งค์ต่างหากที่ทำให้ดิลลินเจอร์ ต้องสิ้นลายและถูกโค่นลงได้เป็นการปิดคดีจอมโจรผู้นี้ไปในที่สุด
Public Enemies เป็นสุดยอดภาพยนตร์แอ๊คชั่น ทริลเลอร์อีกเรื่องหนึ่งของ ไมเคิล มานน์ ที่อยู่ในระดับหนังฟอร์มยักษ์เรื่องหนึ่งแห่งปี แถมยังได้ดารามากความสามารถที่ใครๆก็ชื่นชมบทบาทการแสดงอย่าง จอห์นนี่ เดปป์, คริวเตียน เบล และ ดาราเจ้าของรางวัลออสการ์ มาริง โกติยาร์ด มาร่วมงานด้วยแล้ว ก็ยิ่งสร้างเสน่ห์ให้หนังขึ้นมากทีเดียว แม้แต่บทรองๆอย่าง ฮูเวอร์ ที่บิลลี่ ครูดรัฟ เป็นผู้รับบทบาท ก็ยังถือได้ว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้นักแสดงนำคนอื่นๆ เลยเช่นกัน
จะว่าไปแล้วเนื้อเรื่องหลักของหนังกลับไม่ใช่เรื่องของการปล้นธนาคารหรืออาชญากรรม แต่ไมเคิล มานน์ มุ่งจะนำเสนอในประเด็นของความรักและเสน่ห์เย้ายวนของผู้หญิงอย่างเฟรชเช็ตที่มีอิทธิพล ต่อ ดิลลินเจอร์ เสียมากกว่า แถมยังใช้สถานที่จริงที่เป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวเมื่อ 75 ปีที่แล้วเป็นสถานที่ถ่ายทำตลอดทั้งเรื่อง สไตล์การใช้กล้องแบบแฮนด์เฮลของมานน์ ที่มุมกล้องจะดูเป็นอิสระและเป็นธรรมชาติมากกว่าการตั้งกล้องถ่าย ก็ยิ่งทำให้กลิ่นอายของความเป้นจริงเพิ่มมากขึ้นอีก แม้สไตล์การใช้กล้องแบบนี้อาจจะทำให้คนดูเวียนหัวไปบ้าง แต่าถ้าไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว โครงเรื่องที่ดูสนุกสนานน่าติดตามและตื่นเต้นไปตลอด ก็ทำให้เวลา 140 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้รู้ตัวไปเหมือนกัน
หากใครเป็นแฟนของพระเอกหนุ่ม จอนห์นี่ เดปป์ ก็ไม่ควรพลาดมาดเท่ๆ ของผู้ร้ายคนนี้ที่จะกลับมากระชากหัวใจสาวๆ ไปกับการปฏิบัติการระทึกในอดีตที่ได้กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอีกครั้งที่น่าจับตามองมิใช่น้อบ
ขอบคุณเนื้อหาจาก