วิจารณ์หนัง บุปผาราตรี 3.1
หลังจากที่ต้องรอผลงานเรื่องนี้มาถึง 4 ปี เพราะว่าผู้กำกับอย่างคุณ ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค ไปทำหนังเรื่อง อีติ๋มตายแน่ กับเรื่อง รักสามเศร้า คั่นเวลาเอาไว้ ก็เลยต้องรอกันนานหน่อย แต่ผมไม่แน่ใจว่าคนที่ได้มาดู บุปผาราตรี 3.1 หลังจากที่รอมานานแสนนานแล้ว จะคุ้มกับการรอคอยหรือเปล่า!?
ในตัวหนังเรื่อง บุปผาราตรี ภาค 3 นี้ คุณยุทธเลิศได้แจ้งมาก่อนล่วงหน้าแล้วว่า ต้องแยกออกเป็น 2 ตอน เพราะว่ายิ่งเขียนบทยิ่งสนุกเมื่อยิ่งสนุกก็ยิ่งยาว เลยต้องตัดออกมาเป็น 2 ตอน คือ 3.1 และ 3.2 และทั้ง 2 ตอนนี้ ก็จะได้ดูในปีเดียวกัน ส่วนเนื้อเรื่องย่อๆ ในตอน 3.1 นี้ ก็ยังคงเกิดเรื่องที่อพาร์ตเมนต์เดิม เพียงแต่ว่าในภาคนี้มีผีเด็กเข้ามาหลอกหลอนเพิ่มอีก 1 ตัว แต่ผีเด็กจะเป็นใครนั้น ต้องเข้าไปดูกันเอาเอง
คงจะเป็นธรรมเนียมของเรื่องบุปผาราตรีไปซะแล้ว ที่จะมีดารารับเชิญในเรื่องที่แล้วของคุณต้อมเข้ามาแจมด้วย อย่างในภาคแรกก็มีคุณ เต๋า (สมชาย) ที่เล่นเป็นตัวเอกในเรื่อง มือปืนโลกพระจันทร์ มาแจมด้วย สำหรับในภาค 3.1 นี้ก็มีเช่นกัน เปิดฉากมาก็เจอเลย
ตัวหนังโดยรวมๆ แล้ว ผมว่าคุณต้อมยืดในส่วนเนื้อเรื่องมากเกินไป บางฉากบางตอนถึงแม้ไม่มีก็ไม่ได้ทำให้เนื้อเรื่องหลักๆ ของตัวหนังเสียไป อย่างเช่น เรื่องของการทายปัญหา รู้สึกว่าจะมีมากเกินไป และคำถามแต่ละคำถามก็เป็นคำถามเก่าๆ แทบทั้งสิ้น หรือเรียกว่าคำถามเด็กอนุบาล ซึ่งในส่วนตัวผมนั้นรู้คำตอบหมดแล้ว จึงไม่ค่อยขำสักเท่าไหร่นัก
แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกหลายๆ คนในรอบที่ผมไปดู ก็แสดงว่าปัญหาบางคำถามถึงแม้จะเป็นคำถามเดิมที่เราเคยได้ยินหรือได้ฟังมาแล้ว แต่ก็มีบางคนที่ยังไม่เคยได้ยินหรือได้ฟังมาเหมือนกัน มีปัญหาอยู่ข้อหนึ่งที่ผมชอบมาก คือ สีอะไรดูโง่ๆ ซึ่งผมว่าปัญหาที่คล้ายๆ ข้อนี้ก็มีอยู่มากมาย อย่างเช่น สัตว์อะไรไม่ค่อยอยู่บ้าน หรือปลาอะไรควายงง ซึ่งก็จะได้คำตอบคล้ายๆ กัน แต่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกันที่คุณต้อมใช้มุขนี้ ก็ฮาดี
ในด้านการแสดง ขอบอกว่าในภาคนี้ บุปผา (พลอย-ไลลา บุญยศักดิ์) และน้องหรั่ง (มาริโอ้ เมาเร่อ) ดูเหมือนเป็นตัวประกอบไปเลย เพราะว่ามีฉากที่ออกมาน้อยมาก ยิ่งมาริโอ้นับฉากได้เลย เมื่อออกมาน้อยการแสดงก็เลยดูแล้วยังไม่เข้าถึงคนดูเท่าไหร่นัก สำหรับน้องมาริโอ้ด้วยแล้ว เล่นหนังมา 3 เรื่องแล้วคาแร็คเตอร์ยังคงเหมือนเดิมเลย
เมื่อการแสดงของคนทั้งสองยังนิ่งๆ อยู่ แต่ที่โดดเด่นมากๆ เลยก็น่าจะเป็นบทของน้องตัวเล็กๆ (นัดตะวัน ศักดิ์ศิริ-น้องพู่กัน) ที่เล่นเป็นผีเด็ก ที่จะแย่งซีนไปซะหมด เพราะเดาไม่ได้ว่าน้องผีคนนี้จะโผล่มาตรงจุดไหน และฉากน่ากลัวๆ หรือฉากตุ้งแช่ที่ทำให้ตกใจต่างๆ ก็มาจากน้องผีเด็กแทบทั้งสิ้น เรียกว่าผีเด็กตนนี้ฆ่าคนไม่เลือกเลย เสียงเอฟเฟ็คท์ที่คอยเสริมก็ช่วยได้มากสำหรับคนขี้กลัว แต่คุณยุทะเลิศ ก็สลับความน่ากลัว การตกใจ ด้วยมุขขำๆ ก็เรียกว่าไม่ทำให้เสียสติเกินไป ก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคนดูต้องเหนื่อยแน่ๆ
มุขตลก (ถ้าไม่นับเรื่องของการทายปัญหา) ก็พอจะดูดีหน่อย เพราะมุขตลกในเรื่องของการทายปัญหาดูเหมือนจะเป็นการยัดเยียดมุขมากเกินไป ส่วนเรื่องของความน่ากลัวหรือฉากที่ทำให้เราตกใจนั้น ส่วนตัวผมคิดว่าอยู่ในระดับคงที่เหมือนภาคที่ผ่านๆ มา อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนไม่กลัวผีก็ได้ ก็เลยทำให้คิดอย่างนั้น แต่ถ้าคนที่กลัวผีมาดูก็คงคิดว่าเป็นหนังที่น่ากลัวและก็ตกใจมาก ส่วนคำหยาบนั้นยังคงมีเต็มจอเหมือนเดิม
อีกเรื่องหนึ่ง ผมเดาเอานะไม่รู้จะใช่หรือเปล่า ในตอน 3.1 นี้ตัวพระเอกมีอาชีพเป็นนักเขียนการ์ตูนผี พี่แกยังเขียนการ์ตูนไม่โดนนัก ดูจากสำนักพิมพ์ที่บอกว่า ขายไม่ค่อยดี และจากประสบการณ์ของตัวเอกที่เจอผีบ่อย เห็นผีมาตั้งแต่เด็ก ก็คงนำเรื่อง บุปผาราตรี มาเขียนเป็นการ์ตูนเป็นแน่ พอเขียนแล้วก็จะขายดี นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ (หลายคนคงทราบแล้วว่า ภาพยนตร์เรื่อง บุปผาราตรี สร้างมาจากหนังสือการ์ตูนเล่มล่ะบาท เป็นหนังสือการ์ตูนเล่มเล็กๆ สมัยก่อน นั่นเอง)
สำหรับในภาคนี้ เป็นภาคที่มีการซ้อนกันระหว่างชาติภพที่แล้วกับชาติปัจจุบัน มีการตัดสลับไปมาระหว่าง 2 ภพนี้ จึงทำให้บางคนอาจจะดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ งงๆ และอาจจะสงสัยด้วยว่า ทำไมตัวบุปผาถึงมีชาติภพซ้อนกันอยู่ในภาคนี้ (คิดว่าน่าจะมีเฉลยใน 3.2) แต่ที่เสียอารมณ์ผมสุดๆ ก็คงเป็นฉากจบนะครับ ในภาคนี้น่าจะจบได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จบดื้อๆ เลย (ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าหนังในภาคนี้ยังไม่จบสมบูรณ์ยังมีภาค 3.2 รออยู่) ตัวหนังก็ค่อนข้างสั้นไปนิด (90 นาที) นั่งยังไม่ทันเมื่อยเลยจบซะแล้ว ก็อย่างที่บอกถ้าตัดมุขยืดๆออกไปให้หมด ก็คงทำภาคเดียวได้สบายๆ เลย
อีกประมาณ 3-4 เดือน กว่าภาค 3.2 จะออกฉายเมื่อถึงตอนนั้นภาค 3.1 ก็คงออกเป็นแผ่นวีซีดีแล้ว ก็คงขายได้อีกที เพราะว่าบางคนอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า 3.1 เป็นไง เรียกว่าการตลาดใช้ได้เลยทีเดียว กินเงิน 2 ต่อ ฮ่าๆๆ สบายไป
สรุปแล้วผมว่าภาคนี้ยืดเรื่องไปสักหน่อย ส่วนความน่ากลัวสยองและตกใจ ยังคงอยู่ในระดับปกติเหมือนภาคที่ผ่านๆ มา ดูๆ แล้วเหมือนงานของคุณยุทธเลิศคงที่ไม่ได้พัฒนาขึ้น และก็ไม่ได้ดร็อปลง สำหรับใครที่ชอบหนังแนวนี้และเป็นแฟนตัวยงของคุณยุทธเลิศ ก็บอกคำเดียวว่าไม่ควรพลาด แต่ถ้าใครนึกไม่ออกว่า หนังผีที่ยืดๆ เป็นยังไง ก็ซื้อตั๋วเข้าไปดูได้เลยครับ.....แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง
บทวิจารณ์โดย TCK E-mail :TCK05@sanookcom