วิจารณ์หนัง Watchmen

วิจารณ์หนัง Watchmen

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้วผมเองไม่รู้จักหรือได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ Watchmen มาก่อนเลย แม้หนังจะถูกสร้างจากนิยายกราฟฟิกที่โด่งดัง ถึงขนาดที่ว่านิตยารสาร Time ยกให้เป็น 100 นิยายภาษาอังกฤษที่เยี่ยมที่สุดนับแต่ปี 1923 จนถึงปัจจุบัน ผมก็เพิ่งจะมารู้จักหลังจากได้ชมใบปิดและตัวอย่างหนังแล้ว ภาพสไมลี่สีเหลืองเปื้อนคาบเลือดสีแดงสดทำให้ผมนึกถึงแบ็คกราวด์สีเหลืองอ๋อยมีเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วจากใบปิดหนัง Kill Bill ในใจคิดก็ว่าโทนหนังคงไม่หนีกันมาก พอได้ดูเรื่องนี้แล้วบอกได้เลยว่าเลือดกระฉูดเหมือนกันแต่เรื่องแรกเนื้อหาหนักกว่ามาก ปัญหาในเรื่องมีปมความขัดแย้งระดับชาติมาเกี่ยวข้องด้วย หน้าสไมลี่เปื้อนหยดเลือดแฝงนัยสำคัญไว้ เพราะคล้ายคลึงกับหน้าปัดนาฬิกาที่เข็มตั้งไว้ ณ เวลาห้าทุ่มหาสิบห้านาที ที่ชี้วัดความตึงเครียดระหว่างอเมริกากับสหภาพโซเวียตที่อาจก่อเกิดเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้ทุกขณะ "Who watch the Watchmen" แปลได้ประมาณว่า ''แล้วใครล่ะจะเฝ้าดู คนที่เฝ้าดูคนอื่น'' อีกหนึ่งประโยคเด็ดจากหนัง Watchmen ที่กล่าวขึ้นหลังการตายของเดอะคอมมิเดี้ยน (Jeffrey Dean Morgan) หนึ่งในอดีตกลุ่มฮีโร่ที่ถูกบุคคลลึกลับสังหาร รอร์แชค (Jackie Earle Haley) บุรุษชุดกันฝนสวมหมวกหน้ากากผ้าพื้นขาวมีรูปสีดำที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาบนใบหน้า อดีตเพื่อนร่วมงานเดอะคอมมิเดี้ยนจึงต้องการสืบหาความจริง ในขณะที่ฮีโร่คนอื่นๆต่างวางมือลาวงการ รัฐบาลระบุให้เหล่ายอดมนุษย์เป็นบุคคลนอกกฎหมาย ฮีโร่ทั้งหลายจึงต้องแฝงตัวปะปนกับคนในสังคมและเก็บงำความรู้สึกภายในใจที่อาลัยอาวรวันวานที่เคยออกปฏิบัติการผดุงยุติธรรม (ช่วงบทตรงนี้คล้ายการ์ตูนออสการ์เรื่อง The Incredible) และยิ่งรอร์แชคสืบสาวราวเรื่องลึกเข้าไปเท่าใด ก็ยิ่งบานปลายเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากขึ้นเท่านั้น หนังยังมีอารมณ์รัก 3 เศร้าของฮีโร่ 3 คนมาช่วยให้ดราม่าเข้มข้นขึ้น เมื่อคู่ของซิลค์ สเป็คเตอร์ 2 (Malin Akerman) กับดร.แมนฮัตตั้น (Billy Crudup) เกิดระหองระแหงรอมร่อจะเลิกกัน ไนท์ อาวล์ 2 (Patrick Wilson) ฮีโร่แต่งตัวคล้ายแบทแมน ที่แอบหลงรักซิลค์ สเป็คเตอร์ 2 จึงเข้ามาดูแลรักษาการทางใจแทน ขณะเดียวกันออซซี่แมนเดียส (Matthew Goode) บุคคลที่ได้การรับยกย่องว่าเป็น ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก อดีตซูเปอร์ฮีโร่ที่ปัจจุบันเปิดเผยโฉมแท้จริงแก่ชาวโลก ก็ตกเป็นเป้าหมายลอบสังหารของบุคคลลึกลับที่จ้องล้างบางเหล่าฮีโร่เช่นกัน หลายช่วงของหนังจะมีเสียงบรรยายถึงความรู้สึกนึกคิดเป็นสัญชาตญาณดิบที่แสดงออกถึงความเป็นมนุษย์ให้เห็น อย่างเช่น บทบาทของเดอะคอมมิเดี้ยนฮีโร่ที่ผดุงยุติธรรม แต่จริงๆแล้วกลับใช้กำลังปราบเหล่าร้ายเพื่อสนองความซาดิสท์ของตัวเอง หรือภาพลักษณ์และพลังวิเศษไร้ขีดจำกัดทำให้ทุกคนมองดร.แมนฮัตตั้นดุจดั่งพระเจ้า เขาจึงเกิดความรู้สึกแปลกแยกจากคนรอบข้าง ไนท์ อาวล์ 2 วีรบุรุษผู้ที่ขาดความมั่นใจในทุกเรื่อง เขาถอดใจตั้งแต่เหล่ายอดมนุษย์กลายเป็นพวกนอกกฏหมาย นานวันเข้ามันบั่นถอนความกล้าจากเขาไป แม้แต่ความรักเขาก็ยังไม่สามารถแสดงออก รอร์แชคฮีโร่ติดดิน ตัวละครขวัญใจผมเลยคนนี้ เป็นฮีโร่ที่ดูจะยุติธรรมสุดในเรื่อง เขาทำทุกอย่างที่เห็นว่าถูกต้องแม้บางครั้งอาจจะมีอารมณ์ส่วนตัวใส่ลงไปบ้าง หนึ่งในฉากดิบๆห่ามๆแต่ประทับใจ(ผม) คือตอนที่ที่รอร์แชคติดอยู่ในคุก แล้วมีเรื่องชกต่อยกับนักโทษที่เขาเป็นคนส่งมันเข้ามาเรือนจำเอง ''ฉันไม่ได้ทนอยู่กับพวกแก พวกแกต่างหากที่ต้องทนอยู่กับฉัน'' ผมจำประโยคนี้ได้เพราะมันเท่สุดๆ รอร์แชคไม่สนว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาทำทุกสิ่งเพื่อความถูกต้อง แม้ตัวต้องตายก็ตาม ถ้ามีคนแบบนี้ในประเทศเราเยอะๆปัญหาบ้านเมืองคงไม่ย่ำแย่อย่างที่เป็นอยู่ก็ได้ นอกเรื่องอีกแล้ว จะว่าไปรอร์แชคคือคนที่คอยเฝ้าดูคนที่เฝ้าดูคนอื่น งงมั้ยครับ ก็รอร์แชคเขาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของฮีโร่ทุกคน คอยระแวดระวังให้เหล่าฮีโร่ และยังตามสืบการฆาตกรรมเดอะคอมมิเดี้ยนอีกด้วย ภาพยนตร์ฮีโร่ Watchmen มีกลิ่นไอของหนังแนวสืบสวนผสมผสานดราม่าหนักๆ เนื้อหาที่ดูซีเรียสเคร่งเครียดตลอดเรื่อง พร้อมด้วยภาพต่อสู้รุนแรง ฉากเลิฟซีนโจ่งแจ้ง ตัวละครในเรื่องเยอะแยะมากมาย ซึ่งถ้าต้องการจะทำให้เกิดอารมณ์ร่วมจึงต้องลงรายละเอียดแต่ละคน เป็นเหตุให้หนังกินเวลายาวเหยียบสามชั่วโมง ช่วงย่างเข้าชั่วโมงที่สองการดำเนินเรื่องเริ่มอืด หากไม่ใช่แฟนหนังแนวนี้อาจถึงกับเผลอหลับเลยทีเดียว ส่วนที่ทนอยู่ได้ต้องขอบคุณผลพวงจากฤทธิ์คาราบาวแดงล้วนๆ ประกอบกับการดำเนินเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไปไม่กระชับรวบรัด เรื่องราวซับซ้อนยากที่เด็กจะเข้าใจ แม้จะเข้าฉายช่วงต้อนรับปิดเทอม แต่ยังไงแล้วหนังก็ไม่เหมาะที่จะฉายให้เด็กดู หากจะคาดหวังว่าหนังคงบู๊ระห่ำมันส์ระเบิดสมชื่อแซค ชไนเดอร์ผู้กำกับหนังพีเรียดภาพวิชวลเอ็ฟเฟ็คสุดบรรเจิดเลือดสาดอย่าง 300 และหนังซอมบี้ที่รีเมคได้สยองไม่แพ้ต้นฉบับเรื่อง Down of the Dead คงผิดจากความตั้งใจไปหลายขุม หนังเน้นการเล่าเรื่องที่สลับระหว่างอดีตและปัจจุบันพร้อมทั้งวิเคราะห์ตัวเอกแต่ละคน โดยแทรกฉากแอ็คชั่นดุเดือดฉาบไว้เป็นแบ็คกราวด์บางๆ Watchmen หนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ทุนสูงเรื่องแรกของปีนี้ มีหลายส่วนคล้ายคลึงหนังฮิตที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆอย่าง The Dark Knight ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่ายหนัง ค่ายการ์ตูน ความยาวเรื่อง อารมณ์ดราม่าหนักๆหม่นหมอง กระทั่งบทสรุปสุดท้าย การมีตัวเปรียบเทียบทำให้ Watchmen ดูด้อยลงถนัดตา แต่หนังก็ยังคงคุณค่าสาระและความสนุก เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แนวฮีโร่ที่ให้ความสำคัญกับบทหนัง ขณะเดียวกันเมื่อถึงฉากบู๊เอาใจตลาด ก็ทำออกมาดุเด็ดเผ็ดมันส์สมจริงสมจังสมราคาทุนสร้างกว่า 120 ล้านเหรียญ และก็สมควรเข้าไปดูที่โรงภาพยนตร์ไม่น้อยกว่าเรื่องใดๆในช่วงนี้

บทวิจารณ์โดย มานะศุกร์ ผลประเสริฐ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง Watchmen

วิจารณ์หนัง Watchmen
วิจารณ์หนัง Watchmen
วิจารณ์หนัง Watchmen
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook