วิจารณ์หนัง Inkheart
ตอนแรกที่ได้เห็นโฆษณาของหนังเรื่องนี้บนหน้าจอทีวี ดูแล้วทำให้นึกถึงภาพยนตร์อย่างเรื่อง แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ที่มีเวทมนต์ อำนาจพิเศษต่างๆ มีการผจญภัย มีสัตว์ต่างๆและที่ขาดไม่ได้ต้องมีฝ่ายตรงข้ามคือสิ่งชั่วร้ายคอยกลั่นแกล้งและขัดขวางอยู่ตลอดเวลา คล้ายๆกัน ทำให้รู้สึกหนังเรื่องนี้จะต้องน่าดูและตื่นเต้น ไม่แพ้แฮร์รี่ พ็อตเตอร์แน่นอน ซึ่งเนื้อเรื่องบางตอนที่เอามาโฆษณา มีทั้งฉากสัตว์ในนิยายออกมาให้เห็นมากมาย และฉากการผจญภัยในการหนีพวกสิ่งชั่วร้ายที่ออกมาจากหนังสือ หรือแม้แต่นักแสดงของหนังเรื่องนี้ อย่าง เบรนแดน เฟรเชอร์ ที่ใครหลายคนเคยเห็นผลงานมานักต่อนักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง The Mummy, Journey to the Center of the Earth และ พอล เบ็ตตานี่ย์ ในเรื่อง The Da Vinci Code, A Beautiful Mind หรือ แอนดี้ เซอร์คิส ใน The Lord of the Rings Trilogy, King Kong ซึ่งแต่ละเรื่องก็ทำให้หลายคนติดอกติดใจไปตามๆกันกับความมันส์และความน่าตื่นเต้น ในการผจญภัยและการสืบค้นหา ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่จะทำให้หลายคนอยากจะติดตามผลงานของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าจะสนุกและน่าตื่นเต้น มันส์ขนาดไหน
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวผจญภัย แฟนตาซี ซึ่งต้องใช้จินตนาการอยู่บ้างเหมือนกัน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพ่อ(มอร์ติเมอร์หรือโม)และลูก(แม็กกี้)ที่มีความสามารถพิเศษคือเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาสองพ่อลูกได้อ่านหนังสือออกเสียง จะสามารถดึงเอาตัวละครออกมาจากหนังสือได้ ทำให้เกิดมีชีวิตขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่มีแต่ตัวละครอย่างเดียวยังมีสัตว์ในนิยายอีกมากมาย อย่างเช่น Unicorn และ flying monkey และสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้พวกเขาต้องกลัว เพราะเมื่อไรก็ตามที่ตัวละครในหนังสือออกมา จะมีคนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหายตัวไป รวมทั้งแม่ (ลีซ่า) ของแม็กกี้ด้วยที่หายตัวไป และหนังสือเล่มนั้นก็คือ inkheart ที่โมคอยออกค้นหาเพื่อที่จะเอามาช่วยให้ลีซ่ากลับมาอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะถูกขัดขวางโดยผู้ร้าย (แคปปริคอน) ที่ลักพาตัวแม็กกี้ และเป็นตัวที่ทำให้ โม ต้องนำตัวละครชั่วร้ายตัวอื่นๆขึ้นมามีชีวิตอีกมากมาย และนั้นก็ทำให้เกิดเรื่องราวของการผจญภัยขึ้นมา
เมื่อได้ไปสัมผัสชมหนังเรื่องนี้แล้วต้องขอบอกว่าผิดหวังกับที่คิดไว้ตอนแรกเอามากๆ เพราะการดำเนินเรื่องของหนังนั้นดูไม่สมเหตุสมผลอย่างเช่นตอนที่แม็กกี้(อีลิซ่า เบนเน็ต)ถูกผู้ร้ายอย่าง แคปปริคอน(แอนดี้ เซอร์คิส)สั่งบังคับให้อ่านหนังสือเพื่อให้ตัวละครออกมา แต่จู่ๆแม็กกี้ก็เขียนเองกำกับบทของตัวละครเอาเองลงบนแขนว่าจะให้ดำเนินเรื่องอย่างไร จะสั่งให้ใครตายก็ได้ และก็อ่านเอง ทำให้รู้สึกแปลกว่าถ้ากำกับเองได้แบบนี้แล้วจะตามหาหนังสือ inkheart ไปทำไมกันในเมื่อตัวเองกำกับเองได้ และอีกตอนที่โม(เบรนดอน เฟรเซอร์)อ่านหนังสือแล้วตัวละครผู้ร้ายออกมาและถูกแลกด้วยการดูดแม่ของแม็กกี้ลงไปในหนังสือแทน แต่จู่ๆแม่ของแม็กกี้ก็ออกมาได้อย่างไรทั้งๆที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือ ทำให้ดูแล้วต้องผิดหวังไปจริงๆ
ส่วนการแสดงของแต่ละคนอย่างเบรนดอน เฟรเซอร์ ซึ่งบทบาทของเขาจะมีแค่อ่านหนังสือให้ตัวละครออกมาแค่นั้นอย่างเดียว ทำให้บทของเขาที่แสดงนั้นด้อยลงไปด้วย ไม่เหมือนในเรื่อง The Mummy ส่วนบทของ พอล เบ็ตตานี่ย์ ซึ่งเขาจะต้องแสดงเป็น fire-eater ต้องบอกว่าบทบาทน่าจะเด่นกว่าพระเอกของเรื่องซะอีก อย่างเช่นตอนที่จะต้องแสดงการพ้นไฟ อมไฟ หรือแม้แต่จะต้องช่วยเหลือคนอื่นๆให้พ้นอันตรายแถมยังมีสัตว์คู่หูคู่กายด้วย ทำให้ดูแล้วเพลินและสนุก ส่วนการแสดงก็แสดงได้อย่างดี ส่วนฉากของหนังก็น่าผิดหวังเช่นกันดูไม่อลังการและสวยเท่าที่ควร และก็ดูไม่น่าตื่นเต้นเท่าไรในส่วนของการผจญภัยในตอนที่โมต้องไปช่วยลีซ่าออกมาจากแคปปริคอนก็วกไปวนมา และฉากตอนที่ต้องมีสัตว์ในนิยายออกมา ทั้ง unicorn, flying monkey และสัตว์อื่นๆอีกก็ดูธรรมดาไป ออกมาเร็วแล้วก็ฉายแปบเดียวและก็หายไป ซึ่งโดยรวมของหนังเรื่องนี้แล้วใครคิดว่าอยากจะดูแฟนตาซี พลังวิเศษ ก็ต้องผิดหวังเพราะแทบจะหาไม่มีเลยในเรื่องนี้ แต่ถ้าใครอยากดูเกี่ยวกับความรัก ในแบบครอบครัวที่แม่มีต่อลูก พ่อมีต่อลูก ลูกมีต่อพ่อและแม่ และคำสัญญาที่มีต่อกัน ก็สามารถไปดูได้เช่นกัน
บทวิจารณ์โดย gaiety-g