วิจารณ์หนัง Super แหบ แสบ สะบัด

เมื่อ Superแหบ แสบสะบัด รอบสื่อมวลชนจบลง ผมนั่งรอเพื่อนที่หน้าโรงหนังเพลิดเพลินไปกับการดูเหล่าดาราของเรื่องทยอยออกมาทักทายแฟนๆ ทันใดนั้น สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ฟิล์ม รัฐภูมิ พระเอกของเรื่องจะเดินมาถามผมว่า ''หนังสนุกมั้ยครับ'' แล้วเดินจากไปเมื่อผมตอบคำถามเสร็จ Superแหบ แสบสะบัด พอได้ยินชื่อแล้วกลับนึกย้อนไปถึงหนังอีกเรื่องที่บางอย่างละม้ายคล้ายคลึงกัน ที่เล่นเอาความผิดปกติทางร่างกายบวกความบ้าบิ่นระห่ำเกินคนยิ่งกว่าบรู๊ซ วิลลิสมาเป็นจุดขาย ที่พูดนี้คือเรื่องเหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ หนังตลกไทยมุกแพง (ขำไป 2 ที มุกละ 60 บาท)เลยทีเดียว ความที่หนังตลกทยอยออกมาติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง แต่ละเรื่องก็ไม่สู้จะดีนักในแง่ศิลปะ ก่อเกิดความชินชาเมื่อมีหนังแนวๆนี้ออกมาอีก แต่ผมก็ไม่วายที่จะเจียดเวลาไปดูจนได้ ด้วยหวังลึกๆว่าอาจเจอเซอร์ไพร์สเข้าสักครั้งหนึ่ง ถ้ามีคนมาเถียงว่า นี่คือหนังตลก จะเอาความปราณีตอะไรมากมายก็คงจะไม่ถูกซะทีเดียว หนังตลกใช่ว่าจะต้องไร้คุณภาพ เน้นขายเสียงหัวเราะเสมอไป ลองดูหนังอย่าง'' Some Like it Hot'', ''Singin' in the Rain'' หรือ ''ฮันนะซัง สวยสั่งได้'' ที่ตัวเอกทุกเรื่องล้วนเป็นคนดนตรีไม่ต่างจาก Superแหบ แสบสะบัด โดยเฉพาะหนังฮันนะซัง สวยสั่งได้ ที่มีความคล้ายคลึงกันกับSuperแหบ แสบสะบัดในส่วนของเนื้อเรื่อง ที่ให้ฮันนาห์ (คิม อาห์จุง) สาวร่างท้วมน้ำหนักกว่า 200 ปอน์ด ผู้มีเสียงร้องเป็นเลิศ คอยลิปซิงค์ให้กับซูเปอร์สตาร์ที่ดีเพียงหน้าตา ส่วนSuperแหบฯ ให้ ตึ๋ง (หอย- เกียรติศักดิ์) เสียงหล่อร้องแทนต้อม (ฟิล์ม รัฐภูมิ) หนุ่มหล่อเหลาหน้าใสเสียงแหบ สองคนนี้รวมตัวกันเป็น ''ตงลีเฮ'' นักร้องไทยสไตล์เกาหลี เสียงไพเราะเสนาะหู โดยมีเจ๊เง๊ก (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) และเลขาเธอ สาลี่ (อ้น-ศรีพรรณ)ทำให้ฝันทั้งคู่เป็นจริงและช่วยกันปกปิดความลับสุดฉาวหลบบรรดาสื่อมวลชนโดยเฉพาะ อ้อย (ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด) ปาปารัสซี่จอมแฉ และลูซี่ เลเซอร์เจท (อาภาพร นครสวรรค์)นักร้องดาวจรัสฟ้าที่คอยจ้องทำลายหลังตกเป็นเบอร์สองเมื่อตงลีเฮแจ้งเกิดขึ้นมา เรื่องแรกทำออกมาได้สนุกและขำแบบมีที่มาที่ไป ส่วนเรื่องหลังอารมณ์ดราม่าและความตลกยังขาดความต่อเนื่องไม่เป็นเนื้อเดียวกัน บางตอนดูขาดๆเกินๆ อย่างช่วงต้นเรื่องที่มีฮิพฮอพมาทวงหนี้ เริ่มแรกก็สร้างเสียงหัวเราะอันกึกก้องในใจทุกคนอย่างชัดเจน หรือการพยายามประดิษฐ์ประดอยความลึกซึ้งแก่คาแร็กเตอร์ของแก้ว (มด คุณัชญา ชัยรัตน์)เด็กฝึกงานผู้มีบุคลิกลึกลับจากปมด้อยที่พ่อไม่สมชายชาตรี แล้วมาเปลี่ยนบุคคลิกเป็นคนหวานแหวว สดใส เปิดเผย เพราะความรัก ที่พัฒนาสัมพันธภาพแบบก้าวกระโดด ไวยิ่งกว่าจรวดติดเทอร์โบ ดูไม่น่าเชื่อถือในตัวละคร ผู้ชมอาจจะรู้สึกไม่อินตามไปด้วย

การแสดงโดยรวมเป็นแนวโอเวอร์แอ็กติ้ง ที่ดูเข้าตาไม่พ้นนักแสดงเก๋าอย่างพี่จ๊ก เนาวรัตน์ในบทเจ๊เง๊ก ที่ดูแล้วอมยิ้มได้ หนึ่งในฉากตลกสุดของเรื่องคือตอนที่ตึ๋งลิปซิงค์เป็นเสียงต้อมแสดงความสามารถให้เจ๊เง็กเจ้าของค่ายเพลงเห็น แม้มุขนี้จะโปรโมทให้ชมกันแล้วหลายต่อหลายรอบ แต่ด้วยการแสดงของพี่จิ๊กจริงๆก็ทำให้ฉากนี้ดูขำขึ้นมาได้อีก ส่วนบทของพี่หอยมีโอกาสได้แสดงอารมณ์มากกว่าบทของฟิล์ม พี่หอยบิลด์เสียงหัวเราะ สร้างอารมณ์น้อยใจ แสดงให้เห็นความเสียสละ และความเศร้าสร้อยดูเป็นธรรมชาติ ในขณะที่บทต้อมเหมือนกับเป็นเพียงบทเสริมให้ตึ๋งดูสมบูรณ์ขึ้น และที่เสียดายคือบทของอิ๋ว (อิม อชิตะ ) น้อยไปหน่อย ทั้งที่พี่อิมก็เป็นคนบุคลิกเฮฮา น่าจะมีอะไรมากกว่านี้ และไม่อยากจะบอกเลยว่า ได้นั่งรถไฟฟ้ากลับกับพี่อิม นั่งเกือบจะติดกันเลย ว้า เผลอบอกเลย อิอิ !! Superแหบ แสบสะบัด กลายเป็นภายนตร์อีกเรื่องที่ไม่ได้สร้างความแปลกใหม่และความประหลาดใจแก่วงการภาพยนตร์อย่างที่ผมคาดหวังไว้ทีแรก คำตอบที่ผมบอกฟิล์มไปที่หน้าโรงหนัง ทำให้ผมกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปโดยปริยาย อย่างน้อยก็ได้ถนอมน้ำใจกัน

แต่ Superแหบ แสบสะบัด ไม่ได้ตลกไร้สาระเรื่อยเปื่อยหรือย่ำแย่ซะทีเดียว หนังฝากแง่คิดดีๆในเรื่องของจิตใจ การมองให้ทะลุปรุโปร่งถึงภายในที่งดงามกว่าเปลือกนอก การเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน จนเกิดความเข้าใจ และมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่แนบแน่น ขอบอกว่าเพลง เธอเป็น...แรงบันดาลใจ เพราะมาก มาเพื่อแก้ปัญหาที่หนังผูกปมไว้ออกได้ดี ทำให้ผมแอบซึ้งช่วงท้ายด้วย หากคุณไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องของการแสดง หรือบทหนังมากมายจนไมเกรนรับประทานแบบผม ยังไงบทวิจารณ์นี้ก็เป็นความเห็นส่วนบุคคล ท่านควรไปดูด้วยตนเอง บางทีภาพยนตร์ Superแหบ แสบสะบัด อาจเป็นความตลกส่งท้ายปี สร้างเสียงหัวเราะ อมยิ้ม ผ่อนคลายสบายใจ ให้ท่านลืมภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำและเหตุการณ์บ้านเมืองอันร้อนระอุที่ผ่านพ้นมาก็เป็นได้ บทวิจารณ์โดย Manasuk monato_society@sanook.com