วิจารณ์หนัง Eagle Eye

วิจารณ์หนัง Eagle Eye

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ จ้า แหม่...สวัสดีครับ ผมนาย Tendama เจ้าเก่า ที่ร้องมาแต่ไกลไม่ใช่อะไรครับพี่น้องผองเพื่อนทั้งหลาย มีเหล่าแฟนๆเรียกร้องให้ผมขุดคุ้ย วิจารณ์หนัง เรื่อง Eagle Eye มานั่นเอง แหม่ อุส่าตีมึนทำลืมไปพักใหญ่ ผมจะแอบอู้ซักหน่อย ปั๊ดติโถ่..!! แต่ก็โดนทวงถามหากันมา ผมล่ะซึ้งใจจริงๆ แต่ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่นำเอาบทความวิจารณ์มาขึ้นช้า เอาล่ะครับ เข้าเรื่องกันเลย ทำตามสัญญาแล้วนะ ดีกันนะตัวเองนะ นะ มาเข้าเรื่องโลด..!! Eagle Eye เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในช่วงหลังซัมเมอร์ ที่แค่ตัวอย่างภาพยนตร์และแนวคิดไอเดียของหนัง ก็ทำให้ใครต่อใครสนใจไปตามๆกัน จนอยากดูอยากลุ้นว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องน้อมนอบ ผู้กำกับ D.J. Caruso ที่ผลงานชิ้นนี้ของเขาถือเป็นผลงานยักษ์เรื่องแรกขอย้ำว่าเป็นฟอร์มใหญ่นะครับ หลังจากที่สร้างผลงานฮิตเซอร์ไพรส์จาก Disturbia ที่มีแผนจะลงโรงภาพยนตร์ฉายให้ดู แต่แล้วก็กลายเป็น DVD VCD เสียไปซะอย่างงั้น และจากวันนั้นจนวันนี้ก็ยังไม่ได้ดูเลย สำหรับตัวผม ภาพรวมของหนัง Eagle Eye นั้น ดำเนินเรื่องเร็ว ตื่นเต้น เร้าใจ แต่ไม่ระทึกเท่าที่คาดหวังเอาไว้ แถมประเด็นในหนังและการวางประเด็นต่างๆ ออกจะซ้ำซากจำเจอยู่พอสมควร แม้จะมีประเด็นหักมุมที่แนบเนียน บทคมคาย แต่มันก็ไม่สามารถช่วยให้ภาพรวมดูเยี่ยมได้ตามฟอร์มนัก ส่วนดีที่สุดของหนังคือ การดำเนินเรื่องที่ลุ้น เร็ว และเอฟเฟกต์ที่ยิ่งใหญ่ น่าจับตา และ ที่สำคัญหนังยังแฝงแนวคิดที่ว่า สติปัญญาของมนุษย์นั้นดีเลิศกว่าปัญญาของจักรกล มนุษย์เป็นผู้สร้างเจ้าย่อมอยู่ภายเนื้อมือข้า หาจะแข็งกล้าต่อข้าไม่ ผมคิดมาแนวหนังจีนไปหน่อยไหมเนี่ย แต่เป็นการเล่นแง่ที่ดูแล้วก็ถือว่าโอเคเลยนะ เพราะสมัยนี้มนุษย์พึ่งเรื่องเทคโนโลยีมากจนเกินไปทำให้เราเหมือนเป็นคนขี้เกียจไปเสียแล้ว และ ผมยังเชื่อว่ามนุษย์มีอีกมาก ที่ยังเป็นความลับบนโลกนี้อยู่ บทในหนังนั้นมันสามารถใส่อะไรได้อีกมาก เพื่อที่จะให้เกิดความระทึกได้หลายรูปแบบมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องสั่งด้วยเสียงพูดเสียเพียงอย่างเดียว แต่ตัวหนังกลับเลือกที่จะดำเนินเรื่องปกติ หรือเอารวบรัดคือ เรื่องนี้ดำเนินตามสูตรสำเร็จทุกประการ แม้จะดัดแปลงให้ทันสมัยก็ตามที หนังแนวนี้มีอยู่เยอะในหนังฟอร์มสมัยก่อนๆ แต่สมัยก่อนนั้น ทุนทางการสร้างและเอฟเฟกต์นั้นยังไม่เจิดจรัสเท่าทุกวันนี้เท่านั้นเอง เลยทำให้ดูแล้วไม่เกิดความน่าจดจำ จากหนังที่ลุ้นตอนต้นว่าต้นเสียงคนสั่งนั้นคืออะไร มาจากไหน และเป็นใคร พอเฉลยแล้วเลยรู้ทำให้ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่นัก ทำให้จับจุดได้ เราก็จะเริ่มเฉยๆกับมัน เพราะว่า มันไม่มีความแปลกใหม่อีกแล้วจริงๆ มาถึงบทของตัวละครที่ได้รับ Shia LaBeouf ดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีพัฒนาการทางด้านการแสดงที่ดีกว่าเดิมมาก และดูเท่ห์กว่าเดิม อีกมากโข เป็นพระเอกที่ดูน่าตาปนแกมโกง ทำให้มีเสน่ห์ในแบบที่สาวๆ อาจจะหลงเลยเป็นได้ แถมแสดงได้ดี ท่าทางบวกกับอารมณ์การโดนบีบบีงคับของฉากต่างๆทำได้เยี่ยมดีจริงๆ ใครที่เป็นปลื้มหนุ่มคนนี้อยู่ รับรองเรื่องนี้จะทำให้หลงรักเขามากกว่าเดิม ฟันธง..!! ส่วน Michelle Monaghan เล่นได้ นิ่ง ซึ่งเธอช่วยให้ช่วงท้ายของหนังดูน่าตื่นเต้นขึ้นมาบ้างจะน่าเสียดายตรงที่ แต่ดูเหมือนบท จะใช้เขาไม่คุ้มเท่าไร เหมือนกับแค่มาวิ่งมาวิ่งไป ตามหาลูกพาลูกกลับบ้าน ก็ยังไงซะบทก็ยังดีกว่า ตามช้างกลับบ้าน เหมือนกับหนังฟอร์มยักษ์บ้านเราเรื่องหนึ่งก็แล้วกัน สรุปโดยรวมหนัง Eagle Eye คือผลงานความบันเทิงชั้นเยี่ยมแต่ไม่ถึงจุดที่เยี่ยมยอด มีดีที่สร้างความตื่นเต้นได้ดี ฉากแอ็คชั่นดุเดือด สไตล์หนังแอ็คชั่นสมัยใหม่หลายเรื่อง มาผสมกัน แต่ในเรื่องของบท แม้จะคมคาย แต่ยังดูธรรมดาและซ้ำซาก เปรียบได้กับอาหารจานเก่า ที่พวกเราเคยลิ้มรส แต่แค่ประดับด้วยสิ่งเร้าให้ยวนตาเท่านั้นทำให้มันดูมีค่า ก็อย่างว่าล่ะครับ ART ทำให้ของแพงขึ้น หนังเรื่องนี้ก็ทำให้แพงตามราคาของมันโดยตัวแปลไม่ใช่ว่า ART แต่เป็นเงินทุน เนื้อเรื่องวางแผนได้น่าสนใจ เล่าเรื่องเร็ว แต่ก็ยังหนีความซ้ำซากไปได้ไม่ไกลนัก เอฟเฟกต์เยี่ยม สมจริงมีข้อเสียน้อยถือว่าโอเคเลย แถมได้การแสดง Shia LaBeouf มาด้วย ทำให้ขึ้นกล้อง ทำให้เนื้อเรื่องเด่น แถมเล่นเก่งตามงานถนัดของเขา ให้ความบันเทิง ได้สมบูรณ์แบบ แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าไปนั่งชมเอามันส์เอาเพลินแบบพอเพียง เดินมาซื้อตั๋วเรื่องนี้รับรองว่าน่าจะถูกใจเป็นแน่ 4 ดาว ครับ เชื่อTendama เหอะ..!! วิจารณ์หนัง โดย Tendama

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง Eagle Eye

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook