วิจารณ์ภาพยนตร์ Hitman
อะแฮ่มๆ แหมหายไปเยอะอยู่เลยครับ ช่วงนี้ ออกจะวุ่นวายหลายๆอย่างเลย ผมนาย Tendama กลับมาอีกครั้งหลังไปเล่นเกมส์ที่ชื่อว่า Hitman เล่นไปเล่นมา Hitman ที่ผมเล่นก็กลายเป็น ภาพยนตร์ชนโรงเปรี้ยงๆแบบยิงกัน ปังปัง กันเลยทีเดียวแตกต่างกับซึ่งหนังที่ออกมาจากเกมส์บางเรื่องก็ดังสุดโต่งบางเรื่องก็ดับไปเลย เรามาดูกันดีกว่าว่า hitman เขามีดีแค่ไหน
การกำจัดเป้าหมายด้วยการสาดกระสุนว่อนไปทั่วห้องราวกับเป็น Neo แห่ง Matrix ไม่ใช่สไตล์การฆ่าในแบบของผม สำหรับผมแล้ว การเก็บเป้าหมายให้เงียบที่สุด ทิ้งร่องรอยให้น้อยที่สุด ทำตัวเป็นจุดสังเกตุให้น้อยที่สุด และ สุดท้ายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นี่เป็นวิธีสุดปราถนาเพื่อให้ได้มาซึ่งระดับ Silent Assassin
แต่คุณก็รู้ ( หากคุณเคยลองเล่นเกม) ว่าเกมไม่ได้บังคับให้คุณเป็น Silent Assassin อย่างที่ผมทำ แม้ว่าผู้สร้างจะออกแบบ 47 ให้เป็นเพชรฆาตเงียบก็ตาม คุณสามารถเป็นฆาตกรคลั่งไล่ฆ่าไม่เลือกหน้าราวกับเล่นเกมเดินยิงทั่วไปก็ได้ เพราะเมื่อคุณสังหารเป้าหมายได้สำเร็จคุณก็ผ่านภารกิจอยู่ดี หรือหากคุณไม่เลือก แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์จนมุมถูกสงสัย มันก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเอาตัวรอด แน่นอนว่าเมื่อจบเกมคุณจะได้ระดับ Bloody Killer
สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ สำหรับเกม Hitman การที่ 47 จะเป็นไปในทิศทางใด นักฆ่าผู้สุขุมเยือกเย็น หรือ นักฆ่าปืนโหด จริงๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นนั่นเอง หลายๆ ความเห็นจากหลายๆ ที่ คิดว่า Hitman ฉบับภาพยนตร์นั้น ขาดเสน่ห์อย่างรุนแรง ขาดความสมเหตุผล เป็นแค่หนังแอคชั่นยิงกันหูดับตับไหม้ที่ไร้ค่าเรื่องหนึ่ง บทวิจารณ์นี้จะเป็นความเห็นในมุมมองที่ต่างออกไป ของคนที่เล่นเกมนี้มาอย่างโชกโชนทุกภาคอย่างผม
Hitman เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่เคารพต่อเกมต้นฉบับอย่างมากมาย เช่น นักฆ่าหัวโล้นสักบาร์โค้ดไม่ได้มีแค่ 47, วิธีการอำพรางศพและวิธีกำจัดเหยื่อ, สัญลักษณ์ต่างๆ , การปลอมตัว, ประเด็นที่ว่าด้วย 47 ถูกหักหลังโดยองค์กร, ฉากหลังและปมประเด็นคดีต่างๆ ในเกม ถูกเอาจับมายำใหม่เป็นบทภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ของ 47 ที่ใช้สำหรับการล่อหลอกและเก็บเงียบ (เนื่องจากในภาพยนตร์เน้นลั่นกระสุนเป็นหลัก เลยไม่ค่อยได้เห็นนัก)
แน่นอนว่าการแปลงเนื้อเรื่องมาเป็นภาพยนตร์มักต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด ตัดทอนสิ่งไม่จำเป็นออก และเพิ่มบางอย่างเพื่อเพิ่มอรรถรสในแบบของภาพยนตร์ สำหรับ Hitman ทำได้น่าสนใจมาก เนื่องจากดัดแปลงให้ สมจริง สมเหตุสมผลมากกว่าต้นฉบับ ทำให้ตัว 47 ในภาพยนตร์นั้นดูเป็นมนุษย์ มีมิติ และสัมผัสได้มากกว่า
บทดัดแปลงที่ผมชอบมากๆ คือ การที่ 47 เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ถูกนำมาฝึกเป็นนักฆ่าโดยองค์กรในขณะที่ต้นฉบับ 47 คือโคลนนิ่งนักฆ่าเลขที่ 47 ซึ่งมีโคลนนิ่งพิมพ์เดียวกัน อีกเป็นขโยง (แต่ฝีมือไม่ถึงขั้น) ซึ่งมันมีความเป็นไซไฟมากเกินไป ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ไฮเทคไซไฟ ก็ถูกตัดออกไปหมดด้วยเช่นกัน เช่น แผนที่ดาวเทียมแบบจับความร้อนหรืออะไรสักอย่างซึ่งทำให้รู้ตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของทุกคนในพื้นที่แบบ Real-Time มันสะดวกมากสำหรับเกม แต่มันคงพิลึกมากๆ หากมีมันในภาพยนตร์
ในส่วนของตัวละคร Nika ที่เพิ่มเข้ามาและเป็นตัวแปรทำให้ 47 หวั่นไหวได้นั้น สร้างสีสันได้เป็นอย่างดีและบุคลิกดูเหมาะกับคนแบบ 47 ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ดูหลุดออกจากบรรยากาศของเกมเลย Nika เป็นโสเภณีสาวเซ็กซี่ ซึ่งในเกมเอง ก็มีตัวละครในลักษณะนี้มากมาย ดังนั้น ตั้งแต่เริ่มจนจบทำให้คอเกมอย่างผมรู้สึกคุ้นเคยไปกับบรรยากาศ และรายละเอียดต่างๆ ที่จับใส่ไปอย่างละเล็กละน้อย
โดยที่ไม่มากเกินไปจนน่าเบื่ออีกทั้งการแสดงของ Olyphant ก็ดูดีทีเดียว แม้หน้าตาจะละอ่อนเกินไป แต่แววตา ท่าทาง การเดินการวิ่งความคล่องตัวแสดงออกมาได้ดีเยี่ยม (อาจจะดีกว่าต้นฉบับด้วยซ้ำ) บทยังขยายรายละเอียดยิบย่อยเกี่ยวกับตัว 47 มากขึ้นอีก อันได้แก่บุคลิกและสิ่งสำคัญต่างๆ ในการเป็นนักฆ่า อย่างเช่น ความช่างสังเกตุ และจดจำทุกรายละเอียด
โดยรวมแล้ว ผมคิดว่า Hitman ทำได้ดี และดีกว่าต้นฉบับในแง่ของความสมจริงสมเหตุผล ผมแอบหวังว่า ผู้สร้างเกมอาจจะอยากทำให้ Hitman ภาคต่อๆ ไป มีอิสระในการเล่นมากกว่าเดิม อย่างเช่นที่ภาพยนตร์ได้ทำไว้ ( ตัวเกมมีข้อจำกัดพอสมควร เช่น คุณไม่อาจให้ 47 ไปนั่งดินเนอร์ทำเนียนรอเหยื่อและฉกแก้วบนถาดเสิร์ฟของบริกรมาแอบใส่ยาได้หรอก ในเกม คุณต้องรอจนบริกรเผลอวางถาด หรือไม่ก็จัดการกับบริกรแล้วปลอมตัว )
และผมก็หวังว่าภาคต่อไปของภาพยนตร์ จะไม่ออกมาเละเทะตามอาถรรพ์ภาคต่อเหมือนเรื่องอื่นๆ ทุกอย่างในเรื่องนี้ถ้าคุณเล่นเกมส์อาจจะมีอรรถรสที่แตกต่างจากการที่คุณ ไปดูโดยที่ไม่ได้เล่น สำหรับผมที่ได้เล่นเกมส์มาเลยเดาว่าต้องเป็นอย่างไรต่อไปดำเนินคล้ายกับเกมส์ ซึ่งถือว่าไม่ผิดเพี้ยนมากนัก 3 ดาว คงหวือหวาดีสำหรับการเริ่มต้น ของโคลนนิ่งนักฆ่า เบอร์ 47 ที่ได้ฉายาว่า Hitman คนนี้
" บทวิจารณ์ภาพยนตร์เป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล กรุณาตัดสินจากการชมภาพยนตร์ด้วยตัวเอง "
วิจารณ์ภาพยนตร์
โดย Tendama