Interview with Peter Chan
Interview with Peter Chan
Q : ทุนสร้าง 1400 ล้านบาทถือเป็นทุนสร้างที่เยอะมากสำหรับภาพยนตร์ฮ่องกง เรียกได้ว่า The Warlords คือภาพยนตร์ที่ ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดของเกาะฮ่องกงได้ไหม Peter : น่าจะได้ครับ เพราะถึง The Warlords จะได้รับเงินทุนจากหลาย ๆ ประเทศแต่มันก็ยังคงเป็นหนังฮ่องกง ซึ่งผมตั้งใจที่จะทำให้ The Warlords เป็นหนังแอคชั่น เอพิคเรื่องแรกที่ไปเปิดประตูสู่เวทีโลก Q : เป็นครั้งแรกที่คุณปีเตอร์ ทำหนังแอคชั่น ใช่ไหมครับเพราะที่ผ่านมา เราจะรู้จักคุณจากหนังอย่าง เถียนมีมี่ ,หรือ Perhaps Love ที่จะพูดถึงความรักเป็นส่วนใหญ่ อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณตัดสินใจสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Warlords Peter : คงเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น และโดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ชอบดูหนังรักและหนัง Gangster มาก ผมเลยคิดว่าถ้ามีโอกาสผมอยากเปลี่ยนแนวคิดที่ผมจะทำบ้าง อาจเป็นเพราะตัวเองเริ่มอิ่มกับแนวทางในการทำหนังรักเลยเริ่มหาแนวทางใหม่ ๆ ในการสร้างภาพยนตร์ออกมา สำหรับการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The warlords ผมได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง Blood Brother ของชอร์บราเธอร์ ที่พูดถึงเรื่องราวของพี่น้องร่วมสาบาน 3 คน ที่ต่างทรยศหักหลังกันจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น แต่เรื่องราวใน The Warlords ต่างออกไปตรงที่ ตัวละครทั้ง 3 จะมีความชัดเจนในคาแรกเตอร์มากขึ้นเพราะตัวละครทั้ง 3 ตัว ต่างก็มีเหตุผลในสิ่งที่พวกเขาทำไม่ใครที่เป็นตัวละครที่ร้ายสุด ๆ และใครเป็นตัวละครที่ดีสุด ๆ Q : เพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่หนังเรื่อง The Warlords จึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่ดึงดูดนักแสดงชั้นนำอย่าง เจท ลี หลิวเตอร์หัว และ ทาเคชิ คาเนชิโระ มาแสดงในเรื่องเดียวกันได้ Peter : เจท ลี สนใจบทของ หม่าซิงยี่ พี่ชายคนโตทันทีที่ผมเอาบทที่เขียนเสร็จแล้วไปให้เขาดู เขาใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นในการตัดสินใจ ซึ่งถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์สำหรับผมที่ดาราใหญ่ ๆ อย่างเขาตัดสินใจรับบทนี้แทบจะในทันที ส่วน หลิวเต่อหัว นั้น ถึงเราจะไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่โดยส่วนตัวผมกับเขาก็สนิทกันมากในหนัง หลิวเต๋อหัว ต้องรับบทเป็น เฉาอี้หู พี่ชายคนกลาง ที่เป็นคนที่ซื่อสัตย์และรักพวกพ้องมาที่สุดในหนังเรียกได้ว่าเขาเป็นพระเอกของหนังเรื่อง The Warlords ก็ว่าได้ ส่วน ทาเคชิ นั้นผมคิดหนักมากตอนที่ตัดสินใจเลือกเขามาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะนายทุนอยากได้เจย์ โชว มากกว่า แต่ผมกลับคิดว่าถ้า ทาเคชิ รับบท จังเหวินเฉียง เขาจะสามารถทำให้ผมอินไปกับตัวละครตัวนี้ได้มากกว่า เขาคงทให้ผมร้องไห้ไปกับตัวละครตัวนี้ได้มากกว่า Q : ยากไหม ในการถ่ายทำ เมื่อคุณต้องถ่ายทำฉากใหญ่ ๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน Peter : ยากเหมือนกัน โชคดีที่ผมได้ เฉินเสียวตง มาช่วยเรื่องออกแบบคิวบู๊ และถ่ายทำฉากต่าง ๆ เนื่องจากเขาเคยมีประสบการณ์ในภาพยนตร์แนวนี้มามากมายทั้งจาก Hero และ Crouching Tiger , Hidden Dragon และ Curse of the Golden Flower ...เขาช่วยผมได้เยอะ เพราะเราต้องควบคุมงานสร้าง ทีมงานกว่า 800 คน ตัวประกอบในฉากรบครั้งหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่า 1500 คนแล้ว ไหนยังมีพวกม้าศึกที่เข้าฉากครั้งหนึ่งอีกไม่ต่ำกว่าครั้งละ 500 ตัว คิดเอาเองแล้วกันว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน Q : งานสร้างอลังการขนาดนี้ คุณคิดว่าหนังมีโอกาสเป็นตัวแทนเข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมไหม Peter : ผมไม่คิดเลย และปฏิเสธไปเรียบร้อยแล้วเนื่องจากว่า การที่จะผลักดันให้หนังได้เข้าชิงออสการ์ทำให้ผมต้องรีบตัดต่อเพื่อให้หนังเข้าฉายที่อเมริกาทันช่วงปลายปี ซึ่งมันไม่จำเป็นที่ผมจะต้องรีบทำงานขนาดนั้น ผมอยากใช้เวลากับหนังเรื่องนี้ให้มากที่สุดเพราะมีรายละเอียดในเรื่องมากมายที่เราต้องนำมาใช้ในหนัง Q : ใน The Warlords ตัวละครทุกตัวล้วนมีตัวตนจริง ๆ ทางประวัติศาสตร์ใช่ไหม Peter : ตัวละครในหนังทุกคนล้วนมีตัวตนจริง ๆ ทางประวัติศาสตร์ แต่หนังเรื่อง The Warlords ไม่ใช่หนังประวัติศาสตร์ แต่เน้นไปที่เรื่องราวทางอารมณ์ในเรื่องราวความรักระหว่างตัวละคร ของพี่น้องร่วมสาบาน 3 คน ที่ต่างนับถือกันและกันมาก หม่าซินยี่ (เจท ลี ) เป็นแม่ทัพ ในช่วงกบฏไท่ปิง เขาชักนำน้องร่วมสาบาน 2 คน เฉาอี้หู ( หลิวเต๋อหัว ) และ จังเหวินเฉียง ( ทาเคชิ คาเนชิโระ ) ที่เป็นหัวหน้ากองโจรเข้าร่วมกองทัพ แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของพวกเขาก็มาถึงจุดจบเมื่อ หม่าซินยี่ ตกหลุมรัก ภรรยาของเฉาอี้หู ซึ่งนำพาความล่มสลายด้านความสัมพันธ์ของพวกเขาให้เกิดขึ้น Q : ฉากที่เรียกน้ำตาที่สุดในภาพยนตร์เรือ่งนี้คือฉากไหน Peter : ฉากที่สะเทือนใจผมมากที่สุดในหนังคือฉากที่ หม่าซินยี่ สั่งฆ่าเฉลยศึกจำนวน 4000 คน ซึ่งเฉาอี้หูสัญญาว่าจะปล่อยพวกเขาไป ฉากนี้เป็นโศกนาฎกรรมของทั้งคนที่ถูกสั่งให้ฆ่า และคนที่ถูกฆ่า พวกเขาฝ่ายหนึ่งต้องหลั่งเลือดในขณะที่ฝ่ายที่ถูกสั่งให้ฆ่าต้องหลั่งน้ำตาออกมา Q : คุณกดดันไหมที่ต้องสร้างภาพยนตร์โปรดักชั่นใหญ่ ๆ ขนาดนี้ Peter : ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงรู้สึกกดดันแต่ตอนนี้คงไม่เป็นแบบนั้นแล้ว ผมแค่อยากทำหนังที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกและชอบมันถ้าเป็นหนังรักก็เป็นหนังรักที่คนดูจะรู้สึกถึงความรัก ถ้าเป็นหนังเพลงก็ต้องเป็นหนังเพลงที่จะทำให้คนดูสนุกไปกับมันได้ และถ้าเป็นหนังแอคชั่นก็คง ต้องทำให้คนดูรู้สึกว่ามันเป็นของจริง 13 มกราคม นี้ พบภาพยนตร์มหากาพย์แอคชั่นทุนสร้างสูงสุดจากฮ่องกง พร้อมกันทั่วโลก