เปิดใจ ผู้กำกับมือรางวัล จากโคตรเท่ห์ DRIVE

ถาม-ตอบ พูดคุยกับ นิโคลัส วินดิง เรเฟิน ผู้กำกับมือรางวัลในผลงาน DRIVE ขับดิบ-ขับเดือด-ขับดุ

ได้ยินมาว่าบทหนังเรื่อง Drive อยู่ในมือของยูนิเวอร์แซลมานานมากแล้ว และทีแรกสตูดิโอตั้งใจจะทำให้ ฮิวจ์ แจ็คแมน เล่น - ใช่แล้ว ในตอนนั้นสตูดิโอต้องการหนังอีกแบบ เป็นหนังแอ๊คชั่น-อาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับนักแข่งรถ และขายฉากแอ๊คชั่นแบบที่ฮิวจ์ แจ็คแมนเล่นในหนังเรื่องก่อนๆ ของเขา แต่โปรเจคต์ก็ยังไม่ลงเอยเสียที จนกระทั่งไรอัน กอสลิ่ง เข้ามาเกี่ยวข้องกับโปรเจคต์นี้และลากผมมาด้วย

อันที่จริงแล้วหนังเรื่องนี้สร้างมาจากนิยาย - มาจากนิยายขนาดสั้นของ เจมส์ ซัลลิส ซึ่งเป็นนิยายว่าด้วยอาชญากรรมในวงการฮอลลีวู้ดที่แปลกมาก ฉากหลังเกิดขึ้นในฮอลลีวู้ด และบทภาพยนตร์ที่เขียนโดย ฮุสเซน อามินี ก็ซื่อตรงต่อต้นฉบับเดิมมาก แต่ทันทีที่ผมกับไรอัน กอสลิ่งเข้ามาทำโปรเจคต์นี้ เราทอนบางอย่างให้มันสั้นลง และเติมในส่วนที่เราอยากเล่าลงไป บทที่ใช้ตอนถ่ายทำหนาแค่ 80 หน้าแค่นั้นเอง ทุกคนกังวลใจกันมากว่าหนังจะไปไม่รอด เพราะบทมันหนาเท่าๆ กับหนังฉายทางทีวี

หนังมีกลิ่นของหนังแอ๊คชั่นยุค 80 เยอะมาก ตอนคุณทำ คุณได้รับอิทธิพลหรือแรงบันดาลใจมาจากใคร หรือหนังเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า- ตอนผมตัดสินใจทำหนังเรื่อง Drive ผมไม่ได้คิดถึงหนังเรื่องใดเลย แต่แรงบันดาลใจสำคัญคือ เทพนิยายกริมม์ ที่ผมอ่านให้ลูกฟังก่อนนอนทุกคืน ผมอยากให้ Drive เป็นเรื่องราวกึ่งนิทาน มีฮีโร่ มีผู้ร้าย มีเจ้าหญิง ผมอยากให้ลอสแองเจลิสเป็นดินแดนในเทพนิยายที่มีมนต์เสน่ห์บางอย่างอยู่ และที่สำคัญคือจวบจนถึงปัจจุบันนี้ลอสแองเจลิสก็ยังคงอุดมไปด้วยกลิ่นอายของยุค 80 อยู่นั่นเอง ส่วนถ้าจะให้บอกว่าหนังเรื่องไหนเป็นแรงบันดาลใจให้ผม ผมก็จะบอกว่า Texas Chainsaw Massacre (สิงหาสับ)

ทำไมหนังของคุณถึงมีความรุนแรงในระดับที่เกินกว่าปกติ - ผมชอบความรุนแรงที่มันสุดขั้ว ผมคลั่งไคล้มัน ผมเป็นคนทำหนังที่ลุ่มหลงกับความรุนแรง (เรเฟินนิยามตนเองว่า เขาเป็น Fetish filmmaker) ซึ่งผมก็หยิบจับความรุนแรงที่อยู่รอบๆตัวผมนี่แหละมาทำ และผมคิดว่า งานศิลปะแท้จริงแล้วคือความรุนแรง

คุณดูเข้าขากับพระเอกไรอัน กอสลิ่งมากทีเดียว คุณกำลังจะทำหนังกับเขาอีก 2 เรื่อง - ผมเข้ามาทำงานในฮอลลีวู้ด เพราะตกลงว่าจะต้องมากำกับหนังเรื่อง Logan's Run โดยมีไรอันนำแสดง แต่ไปๆ มาๆ ไรอันกับผมก็มาเจอบทเรื่อง Drive ก่อน เราเลยเลื่อน Logan's Run ออกไป และพอจบ Drive ผมก็มีหนังอีกเรื่องที่ผมอยากทำก่อน แล้วไรอันก็อยากเล่นหนังผมอีก ส่วน Logan's Run ก็เลื่อนไปอีก

หนังเรื่องใหม่ของคุณจะมาถ่ายที่เมืองไทย (ชื่อเรื่อง Only God Forgives) หนังต่างประเทศแทบทุกเรื่องที่มาถ่ายที่นี่แทบไม่มีเรื่องไหนน่าสนใจเลย ผู้กำกับต่างชาติมักจะมองประเทศไทยในแง่มุมซ้ำๆ ทั้งเรื่องวัฒนธรรมพื้นๆ อาชญากรรม การค้าประเวณี หรือบาร์เกย์ อะไรทำให้คุณสนใจเมืองไทย - อันที่จริงผมมาเมืองไทยครั้งแรกตอนเอาหนังมาฉายที่เทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพฯ เมื่อหลายปีก่อน และระยะ 4-5 ปีให้หลังมานี้ ผมก็แวะมาเมืองไทยบ้าง และคิดว่ามันน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ ผมมีเรื่องที่จะเล่าโดยต้องการฉากหลังที่มีเสน่ห์แบบประเทศไทย ซึ่งก็อาจจะไม่ต่างจากที่พวกคุณตั้งข้อสังเกตก็ได้ คือมันเป็นเมืองที่มีอาชญากรรมและการค้าประเวณี

คุณเลือกใช้เพลงประกอบได้น่าสนใจมากทีเดียวในหนังเรื่อง Drive มันไม่เหมือนเพลงประกอบหนังแอ๊คชั่นทั่วไป - โดยปกติหนังแอ๊คชั่นนั้นมันเป็นหนังที่มีลักษณะเพศชายสูงมาก และผมอยากลดทอดมัน จึงใส่เพลงประกอบที่ร้องโดย- ผู้หญิง และมีความเป็น "หญิง" สูง เพื่อปรับสมดุลให้กับหนัง

ตอนนี้มีข่าวที่ดังมากเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งในสหรัฐฯ ฟ้องร้องบริษัทจัดจำหน่ายและโรงหนังว่า ตัวอย่างหนังเรื่อง Drive ทำให้หล่อนเสียเงินและเวลาเข้าไปดู เพราะคิดว่าจะต้องมีฉากขับรถกันอย่างเอาเป็นเอาตายแบบใน Fast and Furious แต่มันน่าหงุดหงิดที่กลับไม่มีฉากเหล่านั้น - ผมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงสับสนในตัวเอง พอๆ กับตอนที่รัฐบาลสหรัฐฯ รู้สึกสับสนว่าทำไมพวกเขาถึงหาอาวุธนิวเคลียร์ไม่เจอในอิรัก

ตอนคุณเอา Drive ไปฉายที่เมืองคานส์ แล้วได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม คุณกับไรอัน กอสลิ่งถึงกับจูบปากกันเลยทีเดียว - ไม่นะ ไรอัน กอสลิ่ง จูบปากผมต่างหาก

คุณรู้สึกอย่างไรกับภาพจูบปากที่ฮือฮาไปทั้งงานครั้งนั้น - คุณลองถามภรรยาผมสิ