ถามมา ตอบไป กับแฮร์ริสัน ฟอร์ด ใน Cowboys and Aliens
พูดคุยกับพระเอกรุ่นใหญ่ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ผู้รับบท ผู้พันโดลาร์ไฮด์ใน COWBOYS AND ALIENS
แฮร์ริสัน ฟอร์ด หลงใหลในเสน่ห์ภาพยนตร์เวสเทิร์นมาโดยตลอด เขาโตมากับการดูภาพยนตร์คาวบอยคลาสสิก ที่นำแสดงโดยดาราดังอย่างยีน ออทรีและรอย โรเจอร์ส และพวกเขาก็สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับเด็กหนุ่มที่ชะตากำหนดมาให้เป็นหนึ่งในนักแสดงที่เป็นที่รักของผู้ชมมากที่สุดในรุ่นของเขา
เขากล่าวว่า เวสเทิร์นเป็นภาพยนตร์อเมริกันที่คลาสสิก "ผมชอบความเรียบง่ายของการเล่าเรื่องและผมก็ชอบธรรมชาติที่ให้ความสำคัญกับภาพของหนังแนวนี้ ผมชอบประเภทของตัวละครและสถานการณ์ที่คุณจะได้เจอในหนังเวสเทิร์นครับ"
ดังนั้น พอผู้กำกับจอน แฟฟโร (Iron Man) ถามเขาว่า เขาสนใจที่จะแสดงใน Cowboys and Aliens รึเปล่า เขาก็สนใจในทันทีและเขาก็ตกปากรับคำที่จะมารับบทผู้พันโดลาร์ไฮด์ นายใหญ่แห่งเมืองทะเลทรายที่มีชื่อว่าแอ็บโซลูชัน
Q: คุณเป็นแฟนภาพยนตร์แนวเวสเทิร์นรึเปล่า
A: ผมโตขึ้นมากับการดูซีรีส์วันเสาร์ที่นำแสดงโดยยีน ออทรีกับรอย โรเจอร์ส ผมก็เลยสนใจพวกหนังคาวบอยมาโดยตลอด แต่ผมก็ไม่เคยมีโอกาสได้เล่นหนังพวกนั้นเลย หนังเวสเทิร์นเรื่องเดียวที่ผมได้เล่นคือ The Frisco Kid ซึ่งก็ตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้วโน่น ผมอยากจะเล่นหนังเวสเทิร์นมาโดยตลอดแต่ในระหว่างที่ผมแสดงหนัง ก็ไม่ค่อยมีคนสร้างหนังเวสเทิร์นขึ้นมาเลย ผมก็เลยตื่นเต้นมากที่มีโอกาสได้เล่นหนังเรื่องนี้ แต่จอน (แฟฟโร) บอกผมเมื่อวันก่อนว่า ตัวละครหลายตัวที่ผมเคยเล่นถูกหล่อหลอมด้วยแบบฉบับเวสเทิร์น เช่นฮัน โซโลก็เป็นมือปืน อินเดียนา โจนส์ก็มีความเป็นเวสเทิร์นอยู่ ดังนั้น มันก็เหมือนกับผมโตมากับการแสดงบทบาทพวกนี้ครับ
Q: คุณรับบทเป็นตัวละครที่แข็งกร้าว ใจอำมหิตใน Cowboys and Aliens ทั้งๆ ที่เราคุ้นเคยกับการเห็นภาพคุณในบทวีรบุรุษ นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณสนใจบทนี้รึเปล่า
A: สำหรับผมแล้ว ตัวละครตัวนี้เป็นโอกาสให้ผมได้เล่นในสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่ผมเคยแสดงมาทั้งชีวิต" เขากล่าว "การได้เล่นเป็นตัวละครที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นที่รักหรือชื่นชมของผู้ชมหมายถึงผมมีหน้าที่ที่ต่างออกไปในหนังเรื่องนี้ จอนพูดถึงการไถ่บาป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหนังเวสเทิร์นทุกเรื่อง และนี่คือตัวละครที่ได้พบการไถ่บาประหว่างการเดินทางเพื่อแย่งชิงเหยื่อของเหล่าเอเลียนพวกนี้กลับคืนมาครับ เขากลายเป็นคนที่อ่อนโยน มีเมตตามากขึ้นก็จริง แต่เขาเริ่มต้นจากการเป็นคนที่หยาบกระด้างมากๆ และผมคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องผิดพลาดที่จะพยายามเรียกร้องความเห็นใจจากผู้ชม พยายามทำให้เขาน่าสงสารมากขึ้น และพยายามทำให้เขาเป็นที่ยอมรับมากขึ้นน่ะครับ มันเป็นหน้าที่ที่คุณมักจะต้องแบกรับในตอนที่คุณเป็นพระเอกของเรื่องเพราะคุณจะต้องพาผู้ชมไปกับคุณด้วย แต่ (กับ Cowboys and Aliens) ผมไม่รู้สึกอย่างนั้น มันก็เลยทำให้ผมมีอิสระที่จะตีแผ่ความขี้โกงของตัวละครตัวนี้ออกมาครับ รู้อะไรมั้ย มันสนุกกว่าเยอะเลย และผมก็ชอบทำงานกับคนพวกนี้ มันเป็นประสบการณ์ชั้นยอดอย่างแท้จริง
Q: การร่วมงานกับจอน แฟฟโรเป็นอย่างไรบ้าง
A: จอนเป็นคนที่ยินดีให้ความร่วมมืออย่างยิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมตั้งแต่เริ่มต้นเลย ผมเข้ามาตั้งแต่ช่วงเริ่มแรก ในตอนที่ยังมีปัญหาให้ต้องแก้ไขอยู่ เช่นเรื่องเกี่ยวกับตัวละครหรือตัวหนังโดยรวม และเขาก็ให้ความร่วมมืออย่างดีครับ แต่ผมควรจะบอกไว้ก่อนว่า ผมกลัวการต้องร่วมงานกับผู้กำกับที่เป็นนักแสดงด้วยมาโดยตลอด (หัวเราะ) ผมเคยเห็นผลงานของเขาที่เป็นนักแสดงมาแล้วในหนังช่วงแรกๆ ที่ตลกกว่านี้ของเขา ซึ่งเขาเป็นนักแสดงที่เก่งมากเลยนะครับ แต่สิ่งที่ผมกลัวก็คือผู้กำกับที่เป็นนักแสดงด้วยจะมองหนังจากมุมมองด้านการแสดงแล้วจะมาบอกคุณว่าต้องแสดงยังไง ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย สิ่งที่คุณต้องการคือการเห็นพ้องต้องกันถึงความต้องการในแต่ละซีน และถ้าความต้องการนั้นชัดเจนพอ นักแสดงที่เก่งพอก็จะจดจำได้ถึงประสบการณ์ความเป็นมนุษย์และก็จะใส่มันลงไปในเรื่องได้ ผมพบว่าจอนเป็นผู้กำกับที่ใส่ใจและอ่อนไหวมากๆ ผมชื่นชอบโอกาสในการได้ร่วมงานกับเขาจริงๆ
Q: ก่อนหน้านี้ คุณบอกว่านี่เป็นหนังที่ถ่ายทำแล้วสนุก องค์ประกอบอะไรที่ทำให้มันสนุก อะไรเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างเสริมประสบการณ์ที่ดีล่ะ
A: ความต้องการที่ชัดเจน เรื่องราวที่ดี เพื่อนร่วมงานที่เข้ากันได้ สภาพอากาศเป็นใจ ม้าที่ดีและสิ่งทั้งหมดนี้ก็มีอยู่ครบ มันก็เลยเป็นงานที่ดีครับ คุณไม่มีทางรู้หรอกครับว่าคุณจะพึงพอใจระดับไหน คุณจะเปลี่ยนจากการพูดถึงมันไม่หยุดไปเป็นการแสดงในนั้นภายในระยะเวลาสั้นๆ และคุณก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะออกมาดีแค่ไหน ผมคิดว่ามันไปได้สวยทีเดียวนะ จอนเป็นผู้จัดการจราจรและเวลาที่ดีมากๆ และเขาก็มีทั้งความอดทนและความเฉลียวฉลาดที่จะทดลองเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากแต่ละซีน ผมคิดว่าเขาทำได้ดีในห้องตัดต่อ และผมก็คิดว่าหนังแต่ละเรื่องต่างก็มีชะตากรรมของตัวเอง ผู้ชมของตัวเอง ซึ่งผมก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะไปได้สวยนะครับ
Q: สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ การคุมให้ได้โทนที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญขนาดไหน
A: กับหนังแบบนี้ โทนเป็นเรื่องสำคัญมากและมันก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้กำกับ ในฐานะนักแสดง คุณจะใส่ความเข้าใจและความนึกคิดของคุณลงไป แต่ผู้กำกับจะต้องคุมโทนโดยรวมให้เหมาะสมผ่านทางนักแสดงหลากหลายประเภทที่มีความต้องการแตกต่างกันไปน่ะครับ แต่จุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้คือเวสเทิร์น แล้วเอเลียนค่อยเข้ามา ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายตามมา ถ้าจู่ๆ มันจะกลายเป็นหนังอีกประเภทหนึ่ง ผมคิดว่ามันคงเป็นความผิดพลาดแล้วล่ะครับ ในหนังเรื่องนี้ ประสบการณ์แบบมนุษย์จะอยู่ภายในบริบทของหนังเวสเทิร์น แม้กระทั่งหลังจากเอเลียนเข้ามาและแสดงให้เห็นว่าพวกมันสามารถทำให้หนังสนุกมากขึ้นแค่ไหน มันก็ยังต้องเป็นเวสเทิร์นอยู่ดีครับ
Q: คุณบอกว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณเล่นเป็นตัวละครอีกประเภทหนึ่ง มันให้ความรู้สึกอิสระรึเปล่า
A: เขาเป็นตัวละครแบบที่ผมไม่เคยเล่นมาก่อน เขาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง เขาไม่อธิบาย แก้ตัวหรือขอโทษอะไรทั้งนั้น เพราะเขาเป็นคนเลว และนั่นก็คือประโยชน์ของเขาในหนังเรื่องนี้ครับ แต่บทแบบนั้นก็อาจเป็นอิสระมากเกินไป และคุณก็จะต้องคอยระวังตัวไม่ให้ปล่อยตัวมากเกินไป เพราะอันตรายของเรื่องนี้ก็คือคุณจะเริ่มเสริมแต่งธีมเองและจะคิดเรื่องของคุณเองขึ้นมา ยิ่งคุณสามารถรีดเอาความสนุกของมันออกมาเพื่อหนังได้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้นครับ
Q: คุณต้องขี่ม้าในดินแดนทุรกันดาร คุณสนุกกับแง่มุมที่ต้องใช้พลกำลังของบทนี้รึเปล่า
A: ผมรักมันเลยล่ะ ผมชอบงานกลางแจ้ง มันสนุกกว่าการอยู่ในร่มหรือในซาวน์สเตจ นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้กำกับ ในหนังเรื่องนี้ เราอยู่กลางแจ้งเกือบทั้งเรื่อง และอากาศก็เป็นแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่คุณได้จากหนังเวสเทิร์น เป็นส่วนหนึ่งของมันครับ ในตอนเราเริ่มถ่ายทำ มีการถกเถียงกันว่าจะถ่ายทำหนังเรื่องนี้แบบ 3D รึเปล่า ซึ่งผมก็ต่อต้านสุดตัวเลย
Q: ทำไมล่ะ
A: มันเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้ในที่สุดจอนก็ตัดสินใจคัดค้านมัน คุณอยากจะใส่บริบทที่มีเนื้อมีหนังเข้าไปในเวสเทิร์นครับ เราจะเป็นฝ่ายที่รอรับการกระทำของดินฟ้าอากาศในโลกเวสเทิร์น ในยุคประวัติศาสตร์นั้น ผมคิดว่าเราต้องได้เห็นเรื่องราวพวกนั้นในสถานที่แห่งนั้น และรู้ว่ามันเป็นที่ที่คุณยังชีพอยู่ได้ด้วยสติปัญญา นี่เป็นที่ที่ธรรมชาติสามารถกำหราบคุณได้ นี่เป็นที่ที่คุณไม่มีอะไรเลยนอกจากสิ่งที่คุณนำติดตัวมาด้วย ซึ่งรวมถึงสติปัญญาของคุณและอะไรก็ตามที่คุณแพ็คไว้บนหลังม้าได้น่ะครับ นั่นเป็นโทนและความเป็นจริงของดินแดนชายขอบครับ และคุณก็จะสัมผัสได้จากเลนส์อนามอร์ฟิค ภูมิประเทศจะกลายเป็นตัวละครตัวหนึ่งของเรื่องครับ
Q: แล้วการใช้ 3D จะนำคุณออกจากโลกใบนั้นงั้นหรือ
A: ใช่ครับ มันจะบีบคุณให้อยู่ในกล่อง และหนึ่งในข้อจำกัดของเทคโนโลยีนี้คือคุณจะต้องจัดฉากแอ็กชันสำหรับกล้อง และท้ายที่สุดแล้ว คุณก็จะลงเอยด้วยการสร้างฉากที่คุณดันมันสู่โฟร์กราวน์ ซึ่งเป็นเรื่องจอมปลอมและห่วยแตกครับ
Q: คุณเรียนขี่ม้าตั้งแต่ที่คุณเริ่มแสดงใหม่ๆ รึเปล่า
A: เปล่าครับ มันเป็นสิ่งที่ผมเรียนนอกงาน เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตขึ้น ในช่วงวันหยุดของครอบครัว เราจะไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ และการขี่ม้าก็เป็นสิ่งที่เด็กๆ สมัยนั้นทำกันน่ะครับ มีอยู่ตอนหนึ่ง ผมซื้อที่ดินในแจ็คสัน, ไวโอมิง และเริ่มใช้ม้าในการเดินทางไปไหนมาไหน มันเป็นบ้านไร่ที่ใช้งานได้จริง แม้ว่าเราจะไม่ได้เลี้ยงวัวก็ตาม แต่การขี่ม้าไปที่ดินผืนนั้นสะดวกกว่ากันเยอะครับ ผมก็เลยเลี้ยงม้ามา 25 ปีและการขี่ม้าก็ทำให้ผมมีความสุขมาก จนถึงทุกวันนี้ สำหรับหนังเรื่องนี้ ผมได้ขี่ม้าสี่หรือห้าตัว และได้เจอกับม้าที่ผมคิดว่าเราสามารถเข้าใจกันและกันได้ด้วยครับ เขามีท่าเดินที่สบายๆ ตอบสนองดีและตัวใหญ่ แข็งแรงดี เขาเป็นคู่หูที่ดีครับ
Q: เล่าให้เราฟังถึงการร่วมงานกับแดเนียล เคร็กหน่อยสิ มันเป็นอย่างไรบ้าง
A: แดเนียลเก่งมากและเขาก็เป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วย" เขาบอก "ผมไม่ใช่กูรูหนังก็จริง แต่ผมรู้จักผลงานของเขาและเขาก็เป็นคนมีความสามารถสูง เขาเป็นคนมีความรู้แต่ไม่โอ้อวด เขารู้จักธรรมชาติของการแสดงอย่างถ่องแท้ เขาเป็นคนเอื้อเฟื้อ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ผมมีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับเขาครับ
Q: คุณเคยบอกว่าคุณเคยแสดงภาพยนตร์เวสเทิร์นมาแค่เรื่องเดียว ซึ่งก็คือ The Frisco Kid ก่อนหน้าเรื่องนี้ แต่ก่อนหน้านี้ คุณก็เคยแสดงซีรีส์แนวนี้มาก่อนนี่...
A: ตลอด 40 ปีที่ผมเป็นนักแสดงมา หนังเวสเทิร์นทำรายได้ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ ดูเหมือนมันจะไม่ใช่หนังทำเงินเลย แต่ในตอนที่ผมเป็นนักแสดงใหม่ๆ ผมได้แสดงซีรีส์โทรทัศน์หลายเรื่องเช่น The Virginian และ Gunsmoke หรืออะไรทำนองนั้น ผมสนุกกับมันนะ และผมก็อยากจะแสดงหนังเวสเทิร์นเต็มรูปแบบซักวันหนึ่ง
Q: คุณชอบอะไรในภาพยนตร์เวสเทิร์น
A: ผมชอบความเรียบง่ายของการเล่าเรื่องและผมก็ชอบธรรมชาติที่ให้ความสำคัญกับภาพของหนังแนวนี้ ผมชอบประเภทของตัวละครและสถานการณ์ที่คุณจะได้เจอในหนังเวสเทิร์นครับ แต่อย่างที่ผมบอก ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา พวกมันมักจะไม่ใช่หนังทำเงินครับ
Q: มันเป็นหนังอเมริกันคลาสสิก
A: ใช่ครับเพราะมันสะท้อนถึงช่วงเวลาที่เจิดจรัสในประวัติศาสตร์อเมริกัน และอเมริกาก็เป็นประเทศที่ไม่ค่อยจะเปิดเผยประวัติศาสตร์ของตัวเองซักเท่าไหร่ และมันก็มีท่าทีด้านศีลธรรมที่ซับซ้อนมากๆ และถึงแม้ว่าเวสเทิร์นจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเผชิญหน้าดินแดนชายขอบของมนุษย์และโอกาสที่ดินแดนนั้นมอบให้ แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการผลักดันพวกอินเดียนแดงให้พ้นจากแผ่นดินด้วย และมันก็ยังรวมถึงความคิดของ "ชะตากรรมลิขิต" ที่พระเจ้าประสงค์ให้อเมริกาโผล่จากทะเลมาสู่ทะเลที่สว่างไสวน่ะครับ ดังนั้น มันก็เลยมีการขยายขอบเขตทางด้านศีลธรรม ด้วยความที่มันมาจากพระเจ้าโดยตรง ก็เลยไม่มีใครตั้งคำถามกับมันครับ
Q: แล้ว Cowboys and Aliens ยกย่องรูปแบบนั้นอย่างไร
A: หนังเรื่องนี้ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับองค์ประกอบที่ซับซ้อนพวกนั้นโดยตรงแต่ธรรมชาติของชีวิตที่นั่นเป็นส่วนสำคัญของเรื่องนี้ คนพวกนี้ไม่มีบริบทในการทำความเข้าใจกับพวกเอเลียน สมัยนั้นยังไม่มีคำว่า 'เอเลียน' เลย มันไม่ได้หมายถึงคนที่ข้ามพรมแดนเข้ามาโดยผิดกฎหมายด้วยซ้ำ พวกเขายังไม่เข้าใจเรื่องการเดินทางในอวกาศ จรวดหรืออะไรพวกนั้นเลย พวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นบริบทเดียวที่พวกเขามีสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ ของพวกเขาคือบริบทที่นักบวชมอบให้พวกเขา ว่าบางทีพวกมันอาจจะเป็นปีศาจก็ได้ มันเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเข้าใจได้ในแง่ของคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น ดังนั้นมันก็เลยเป็นบริบทดรามาที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติทีเดียวครับ
Q: ทั้งสตีเวน สปีลเบิร์กและรอน โฮเวิร์ดต่างก็เข้ามามีส่วนร่วมกับโปรเจ็กต์นี้ในฐานะผู้ควบคุมงานสร้าง นั่นเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณตัดสินใจรับบทนี้รึเปล่า
A: ในทุกครั้ง มันเป็นแค่คำถามที่ว่า 'งานคืออะไร' มันเป็นสิ่งที่ผมมีอารมณ์ตอบสนองด้วยรึเปล่า ผมชอบทีมงานที่เกี่ยวข้องรึเปล่า ผมชอบรอนและสตีเวนก็จริง แต่ไม่เคยร่วมงานกับพวกเขามาก่อน แต่ผมเคยร่วมงานกับอเล็กซ์ และบ็อบ ออร์ซีและจอนด้วย แล้วมันเป็นหนังอย่างที่ผมคิดว่ามันเป็นรึเปล่า มันใช้ประโยชน์จากงบประมาณอย่างคุ้มค่ารึเปล่า ผมไม่ชอบเห็นคนใช้เงินโดยสูญเปล่าน่ะครับ ปัจจุบันนี้ การสร้างอะไรต่อมิอะไรต้องใช้เงินมหาศาลและคุณก็อยากจะทุ่มเทพลังงานของคุณและเงินของพวกเขาไปกับสิ่งที่คุณคิดว่าน่าจะมีผลตอบแทนกลับมา มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีหรอกนะครับถ้าหนังที่คุณใช้เวลาสร้างระยะหนึ่งทำเงินไม่ได้ ผมเลยอยากให้หนังประสบความสำเร็จ อยากให้มันมีผู้ชมเพราะมันไม่สนุกเลยซักนิดที่ทำงานแล้วมาพบว่าคนไม่แคร์กับสิ่งที่คุณทำลงไปซักนิดน่ะครับ
Q: เทคโนโลยีในการถ่ายทำได้พัฒนาขึ้นเยอะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่หน้าที่ของนักแสดงยังคงเหมือนกับตอนที่คุณเริ่มต้นอาชีพนักแสดงรึเปล่า
A: ใช่ครับ หน้าที่ของเราคือการถ่ายทอดอารมณ์ของเรื่องราวความเป็นมนุษย์ และไม่ว่าหนังเรื่องนั้นจะเป็นแนวไหนหรือผู้ชมจะมีรสนิยมอย่างไร ผมก็ยังคิดว่าภาษาหนังคืออารมณ์และผมก็ต้องมีอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์และในตัวละครที่ผมเล่น สำหรับตัวละครของผมใน Cowboys and Aliens เขามีพัฒนาการครับ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดและนั่นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผม
Q: คุณคาดหวังให้ผู้กำกับของคุณเป็นผู้ที่ให้ความร่วมมืออย่างดีรึเปล่า
A: มันคงไม่สนุกสำหรับผมถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น มันจะสนุกในตอนที่คุณได้มีส่วนร่วม แต่มันจะไม่สนุกเท่าไหร่ถ้ามันเป็นแบบ 'ยืนตรงนี้นะ พูดแบบนี้ แล้วขยับไปตรงนั้น แล้วพูดแบบนั้น' น่ะครับ ผมคิดว่าความสนุกใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำงาน ความยินดีที่คุณมีต่องานของคุณจะทำให้คุณเกิดความสนใจใหม่ๆ ในงานของคุณและความสามารถในการสื่อสารเกี่ยวกับงานของคุณ ดังนั้นความสนุกก็จะเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการนั้น และการร่วมงานกับคนอื่นก็เป็นเรื่องน่ายินดีเสมอครับ การทำงานต่อต้านคนอื่นนี่สิไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่
Q: หลังจากนี้ คุณมีงานอะไรรออยู่รึเปล่า
A: ไม่เลยครับ ผมยังมีหลายงานที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งมันยังไม่พร้อม แต่ผมก็ยินดีที่จะรอครับ
ตัวอย่างหนัง + เรื่องย่อ "Cowboys & Aliens"
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ