คุยกับ อั้ม แบบฉบับ โคโยตี้-ทั้งรั่ว-ทั้งฮา ใน สาระแนเห็นผี
ล้อมวงสนทนา สะบัดลีลารูดเสา กับ อั้ม-พัชราภา ในแบบฉบับ โคโยตี้-ทั้งรั่ว-ทั้งฮา ต้อนรับการกลับมาของ เซ็กซี่ตัวแม่ ใน สาระแนเห็นผี ภาพยนตร์ขนพองสยองฮา แบบ สาระแน๊ สาระแน
Q. ตลอดปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่า ภาพลักษณ์ความเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ได้รับการยอมรับว่าเซ็กซี่ที่สุดถูกตอกย้ำมากเป็นพิเศษพอๆ กับความเป็น workaholic-woman ที่พูดได้ว่าในทุกๆ อีเวนท์ซึ่งเป็นที่ฮือฮาหรือเป็นที่พูดถึงในระดับทอล์คออฟเดอะทาวน์จะต้องมีชื่อของอั้มพัชราภา ในระดับต้นๆ อยู่เสมอ
A. ก็คงต้องขอบคุณพี่ๆ ที่เป็นสื่อมวลชน รวมไปถึงบรรดาออร์แกไนเซอร์ เอเยนซี่ต่างๆ รวมไปถึงบรรดาผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ เหนืออื่นใดก็คือแฟนๆ ที่ยอมรับในผลงานของเรา รวมทั้งให้เกียรติอั้ม และรักเรามาโดยตลอด ไม่ว่าอั้มจะทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นละคร, ภาพยนตร์ รวมไปถึงงานแสดงต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือยอมรับความเป็นตัวตนของอั้ม ทำให้อั้มมีโอกาสได้ทำงานหลายๆ อย่างที่อั้มชื่นชอบ รวมไปถึงได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยได้ทำ อย่างปีนี้พูดได้เลยว่า มีงานเข้ามาเยอะมาก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อั้มไม่เคยทำมาก่อน แต่ถ้าถามว่าตัวอั้มเองเป็นผู้หญิงบ้างานไหม ก่อนหน้าอาจไม่เคยมานั่งคิด แต่จนถึงวันนี้ลองย้อนกลับไปในหลายๆปีที่เราอยู่ตรงนี้ กลายเป็นว่าเราเป็นสาวบ้างานไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่แน่ใจเลย เพราะอาทิตย์หนึ่งมี 7 วัน เท่าที่จำได้ว่าตื่นเช้าขึ้นมา สิ่งเดียวที่เรารู้ก็คือทำงาน ตื่นเข้ามาทำงาน เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว อย่างตารางชีวิตของอั้มตอนนี้ก็ยังตื่นเช้ามาทำงาน 7 วันเหมือนเดิม ส่วนใหญ่ก็จะเทคิวให้กับงานละครไปแล้วอาทิตย์ละ 4 วัน คือทุกวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ส่วนวันจันทร์ อังคาร พุธ ก็จะให้เป็นคิวของหนัง อย่างตอนนี้มีถ่ายเรื่องสาระแนเห็นผี แล้วก็อาจจะมีรับงานอีเวนท์ที่พี่ๆ ติดต่อเข้ามาบ้างเหมือนกัน
Q. แล้วอย่างนี้มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง ทั้งในส่วนของความสวยความงาม รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงการแบ่งเวลาให้กับตัวเองหรือในการพักผ่อนอย่างไร
A. ส่วนใหญ่ก็พยายามที่จะให้เวลากับตัวเองในการพักผ่อนอยู่เหมือนกัน อย่างสมมติว่าต้องถ่ายละคร ถ่ายหนังก็พยายามที่จะจัดตารางคิวให้มีช่วงเวลาของการพักผ่อนบ้าง อย่างคืนนี้ถ่ายถึงดึกๆ ดื่นๆ อีกวันก็พยายามที่จะไม่รับงาน หรือถ้ามีคิวก็จะพยายามขอไม่เช้ามาก ซึ่งพี่ๆ ที่ทำงานด้วย หรือแต่ละกองก็เข้าใจ หรือถ้าพรุ่งนี้มีคิวละคร คิวหนังที่ถ่ายทำวันนี้กองก็จะไม่ถ่ายลากเราจนดึกมาก ส่วนพวกความสวยความงาม ก็พยายามที่จะดูแลตัวเอง หรือหาอะไรบำรุงผิวภัณฑ์หรือร่างกายของเราด้วย ส่วนการพักผ่อน อั้มก็จะมีแพลนเป็นช่วงๆ เหมือนเป็นการให้รางวัลกับตัวเองมากกว่า อย่างสมมติถ่ายละคร 3 เดือนติดกัน ก็อาจมีทริปโน่นนี่ไปเติมพลัง ส่วนใหญ่อั้มจะทำงานเต็มที่ พอมีเวลาก็อาจจะขอไปพักผ่อน ไปเปิดสมองอาทิตย์หนึ่งไปเลย เหมือนชาร์จพลังแล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่
Q. ทำไมถึงไม่ค่อยได้เห็นผลงานการแสดงภาพยนตร์ของอั้มเท่าไหร่ ผ่านมา ดูเหมือนจะมีภาพยนตร์เพียง 2 เรื่องเท่านั้น คือเฟกโกหกทั้งเพ และผีเลี้ยงลูกคน เป็นเพราะอะไร หรือโดยส่วนตัวแล้วไม่ถนัดงานหนัง ไม่ชอบงานหนัง ทำให้ผลงานแสดงส่วนใหญ่ของอั้มที่แฟนๆ ได้ชมกันเลยเป็นงานละคร
A. จริงๆ แล้วงานหนังก็เป็นงานหนึ่งที่อั้มรักนะ ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบดูหนัง เพียงแต่ว่าต้องยอมรับว่าอั้มเกิดมาจากละคร ทำให้ที่ผ่านมาอั้มเลยให้ความสำคัญกับละครมากกว่า อีกอย่างแค่งานละครอย่างเดียวก็ดึงเวลาส่วนใหญ่ของเราไปหมดแล้ว พอหมดเรื่องหนึ่งก็มีอีกเรื่องหนึ่งรออยู่บางปีมีละคร 2-3 เรื่องซ้อนกัน เวลาจะไปคิดถึงงานอื่นก็หมดแล้ว จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลามากกว่า ที่ผ่านมาก็มีหลายเรื่องติดต่อมา แต่เราก็ดูคิวของเราด้วย รวมทั้งองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ทีมงาน ผู้กำกับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องดูที่บทด้วย
Q. แล้วเป็นไงมาไงถึงได้มาร่วมงานกับกลุ่มสาระแน ใน สาระแนเห็นผี
A. ส่วนตัวแล้วอั้มเป็นแฟนของสาระแนนะ ก็ชอบรายการเขา ชอบสไตล์ มีวิธีคิด การนำเสนอของเขา พอดีกับพี่เปิ้ลติดต่อมาว่ามีหนังเรื่องใหม่สาระแนเห็นผี อั้มสนใจเล่นไหม พอฟังเรื่อง ได้อ่านบท ได้คุยกับพี่เป้ผู้กำกับ ว่าบทของเราเป็นผู้หญิงที่มีอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน เหมือนมีปมในใจ แต่เป็นผู้หญิงขี้เมานะ ก็รู้สึกว่าน่าสนใจ พอถามว่าเล่นกับใคร เล่นกับน้องโอ้ ซึ่งโดยส่วนตัวก็รู้จักกันอยู่แล้ว ก็คิดว่าน่าจะสนุกดี เป็นหนังตลกด้วย ก็ยังไม่เคยลองก็เลยคิดว่าน่าจะลองดู ก็บอกพี่เปิ้ลไปว่าเล่น
Q. ไม่กลัวกิตติศัพท์ความเป็นทีมขี้แกล้งของพวกสาระแน
A. ทีแรกก็แอบหวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่า นี่เราจะโดนแกล้งรึเปล่า เข้ากองช่วงแรกๆ ก็ต้องหูตาแพรวพราวว่า คอยสังเกตุ แอบระแวงเล็กน้อยว่า เอ๊ะ พวกพี่ๆ เขาจะมาไม้ไหนรึเปล่า ถ้าเราเผลอจะมีใครมาแอบแกล้งเราหน้าแตกรึเปล่า แต่คิดว่าไม่น่ามีเพราะหนังจะปิดกล้องอยู่แล้ว แกล้งทันก็ลองดู แต่วานก่อนพี่เปิ้ลเพิ่งอำอั้มว่าที่มาเข้ากองถ่ายหนังสาระแนเห็นผีทั้งหมดหลอก จริงๆ เป็นห้าวเป้ ง 2 ก็คอยดูละกันนะ ฮึ่ม!! แต่จริงๆ อั้มว่าพี่เปิ้ลพูดเล่นมากกว่า (หัวเราะ)
Q. มาพูดถึงสาระแนเห็นผีบ้าง ได้ข่าวว่าคาแรคเตอร์ที่ได้รับไม่ธรรมดา
A. ก็จริงๆ แล้วที่รับเล่นสาระแนเห็นผี ก็มาจากว่าเป็นหนังของสาระแน กับสหมงคลฟิล์ม ซึ่งอั้มเองเคยมีหนังเรื่องเฟกโกหกทั้งเพ กับทางสหฯ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว แต่เรื่องนั้นหลายคนบอกหนังค่อนข้างอาร์ท สำหรับสาระแนเห็นผี ก็จะแตกต่างกันไปเลย แต่ที่ทำให้รู้สึกว่าอยากเล่นคือ ตัวหนังมีอะไรที่ค่อนข้างน่าสนใจ โดยเฉพาะตัวบทที่อั้มเล่น ดูมีอะไรให้เล่นเยอะ แล้วพอทำงานๆ ไป พี่เป้ ผกก.อัพเดทให้ฟังว่าลุคส์แอนโทนของหนังจะมาออกในรูปแบบของหนังผีสยองน่ากลัวเลยนะ แต่ขำ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เราไม่เคยเล่นมาก่อน ก็รู้สึกท้าทายดี
ในเรื่องสาระแนเห็นผี อั้มรับบทราตี้ ราตี้เป็นสาวโคโยตี้ที่พี่เป้บอกว่าสวย เซ็กซี่ มีเสน่ห์ที่ชวนให้หนุ่มๆ หลงใหล ดูนิ่งๆ อย่างที่พี่เป้ผู้กำกับบอกคือ เวลาราตี้เดินไปไหนก็จะเหมือนมีออร่าเปล่งประกายรอบตัวอยู่ตลอดเวลา หนุ่มๆ ทุกคนเห็นก็จะอดไม่ได้ที่จะหันมามอง ตัวคาแรคเตอร์ของ ราตี้ จะเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองสูง ดูได้จากการแต่งตัวก็จะออกเซ็กซี่นิดนึง เป็นชุดซีทรูสีดำ มินิสเกิร์ต ใส่รองเท้าส้นสูง นอกจากเสน่ห์ความสวยแล้ว ราตี้ยังมีอีกด้านหนึ่งที่หนุ่มๆ ทั้งหลายอาจจะเหวอได้ถ้าเจอคือ เมื่อใดก็ตามที่แอลกอฮอลล์ตกถึงท้องเมื่อไหร่ ราตี้ก็จะเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง คือขี้โวยวาย พูดจาเสียงดัง ห้าว ซ่าส์ เกินตัว ที่สำคัญคือเป็นผู้หญิงที่รั่ว แหลก แล้วก็แสบไม่แพ้ผู้ชายทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราตี้ต้องมาเจอ2แสบอย่างโด้กับยี ซึ่งรับบทโดยน้องโอ้ มาริโอ้ เมาเร่อ และสตาร์บัคส์ ที่ต้องร่วมเดินทางไปด้วยกัน ก็จะได้เห็นอาการรั่วของราตี้มากถึงมากที่สุด
Q. สาระแนเห็นผีเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
A. สาระแนเห็นผีเป็นเรื่องราวของสาวโคโยตี้ดวงซวยคนหนึ่งที่ขับรถอยู่ดีๆ ก็ต้องมีเหตุให้ต้องร่วมเผชิญชะตากรรมร้ายๆ อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เมื่อถูกผู้ชายแปลกหน้า 2 คน (ซึ่งรับบทโดยมาริโอ้และสตาร์บัคส์) ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนบังคับให้ร่วมเดินทางไปด้วยกันในแบบที่ไม่ได้ตั้งใจแล้วยังรู้สึกว่าไม่ได้เต็มใจเลย เพราะตลอดการเดินทางที่ไปด้วยกันนอกจากจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ 2 คนนี้ที่ทั้งแสบ กวนมากๆ แล้ว ยังทำให้ราตี้ต้องจิตตกขนาดหนักชนิดที่ว่าขับรถไปต้องดื่มเหล้าไปด้วยตลอดทาง เพราะดันไปพบไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น ไปเจอกับเรื่องที่น่ากลัวที่สุด สยองที่สุดในชีวิตด้วย
Q. พอบอกว่า "สาระแน" ลุกขึ้นมาทำหนังผี หลายคนคงนึกไม่ออก แล้วหนังจะออกมาในอารมณ์ไหน อย่างไร
A. สารภาพตามตรงว่าทีแรกอั้มเองก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ พี่ๆ เขาถนัดในเรื่องฮาๆ ไม่ใช่เหรอ แต่พอฟังจากพี่เป้ พี่เปิ้ลแล้ว ก็พอจะเห็นภาพ ว่าอารมณ์ฮาสยองที่ว่าดูไปกลัวไปดูไปขำไปจะเป็นอย่างไร เพราะจริงๆ แล้วถ้าย้อนกลับไปดูรายการสาระแนที่เขาชอบแกล้งคน เราจะเห็นว่าหลายๆ เหตุการณ์ที่พวกพี่ๆ เขาสร้างขึ้นมา แล้วมาแกล้งคน สามารถทำให้คนถูกแกล้งเชื่อไปกับสิ่งที่พวกพี่ๆ เขาสร้างสถานการณ์ขึ้นมา แล้วตลอด12ปีที่พี่ๆ เขาทำรายการมามากกว่า500เทปนี่มันมีทั้งเรื่องผี เรื่องน่ากลัว เหมือนกันนะ เหมือนกับที่ในสาระแนเห็นผีที่ตัวละครทั้ง3คนจะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและไม่รู้ตัวซึ่งมันจะมีทั้งอารมณ์สนุกสนาน ไปกับความซ่าส์ความบ้าของทั้ง 3 คนนี้ ขณะเดียวกันมันก็จะมีอารมณ์ที่วูบวาบ หลอนๆ กับบรรยากาศในการเดินทางที่จะพาคนดูไปเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่มันน่ากลัวมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เจอผีมันจะทั้งขำและน่ากลัวมากๆ
Q. เสน่ห์ความน่าสนใจของ "สาระแนเห็นผี"
A. ถ้าในแง่ตัวหนังอั้มคิดว่า นี่เลยคือความเป็นหนังผีในแบบสาระแน ที่คิดว่าไม่มีใครเหมือนแล้วก็ไม่น่าที่จะเหมือนใคร เพราะจากที่พี่เปิ้ลเล่าให้ฟังว่าตอนที่ตัดสินใจทำโปรเจ็คต์นี้กัน ระดมความคิดกันอะไรที่คนอื่นคิดหรือเคยทำ พวกเขาก็จะไม่เอาเลย แล้วเหตุการณ์หรือเรื่องที่เกี่ยวกับผีในหนังก็จะไม่เหมือนกับพวกหนังผีเอเชีย จูออนอะไรเลย แต่ก็จะไม่ใช่ผีที่เป็นตำนานแบบกระสือ หรือแม่นาก แต่จะเป็นการนำเอาประสบการณ์จริงที่ทีมงานเจอมาเล่าในแบบของภาพยนตร์ซึ่งน่าจะทำให้สาระแนเห็นผีแตกต่างจากหนังผีที่เคยดูกันมาโดยที่ยังคงเสน่ห์ของอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะในแบบสาระแนที่มีพี่วิลลี่พี่เปิ้ลพี่หอย รวมทั้งในพาร์ทของ อั้ม โอ้ สตาร์บัคส์ ยังไม่รวมกับสีสันของนักแสดงรับเชิญที่มาเป็นส่วนสำคัญในหนังด้วย ซึ่งมีเยอะมากทั้งที่ต้องเข้าฉากกับอั้มและกับพี่ๆ คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่หม่ำ, พี่เด๋อ, พี่บอล เชิญยิ้ม ฯลฯเยอะมากๆ ที่มารวมกันอยู่ในหนังเรื่องนี้ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับพี่ๆ สาระแนที่ไปหลอก เอ้ยไปชวนพี่ๆ แต่ละคนมาได้ นี่ยังไม่รวมเรื่องผีด้วยนะ
Q. ร่วมงานกับทีมสาระแนเป็นอย่างไรบ้าง
A. ก็น่ารักดี ทีมงาน ผู้กำกับ ต้องบอกว่าเป็นทีมเวิร์คกันมาก ได้ยินจากน้องๆ ทีมงานก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมทีมเขาถึงเข้าขากันดี เพราะบางคนทำงานด้วยกันมาไม่ต่ำกว่า 6-7 ปีอย่างพี่เป้ผู้กำกับเป็นเพื่อนพี่เปิ้ลตั้งแต่สมัยเรียน รู้จักกันมาเป็นสิบๆ ปี เริ่มต้นทำสาระแนด้วยกันมาตั้งแต่ทำรายการเทปแรกแล้ว เห็นบอกว่า 12 ปี เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจที่เวลาพวกพี่ๆ เขาไปแกล้งอำใคร ถึงออกมาได้ขนาดนี้ แล้วทำงานกันเร็วๆ มากๆ แต่ละซีนที่ถ่ายทำ ถึงแม้จะใช้เวลาในการเซ็ทกล้องเซ็ทอะไรนานหน่อย แต่ส่วนใหญ่หนังก็จะใช้เวลาในการจัดแสงจัดไฟ นานอยู่แล้ว แล้วรู้เลยว่าพวกพี่ๆ เขาทำการบ้านมาดีมากๆ เหมือนรู้ว่าต้องการอะไรจากนักแสดงแค่ไหน ส่วนใหญ่จะถ่ายกันไม่กี่เทค เพราะเขาจะมีหลายกล้อง ตัวนี้รับภาพกว้าง อีกตัวเจาะที่ตัวนักแสดงเลย ตัวพี่เป้เองก็มีวิธีการกำกับแบบสบายๆ จะคอยอธิบายสิ่งที่ต้องการ แล้วก็ให้นักแสดงได้ออกแบบการแสดงด้วยตัวเอง หรืออย่างอั้มอ่านบทมาจากบ้าน เตรียมตัวที่จะเข้าฉากนี้ พี่เป้ก็จะให้เราแสดงในการตีความของเราก่อน แล้วค่อยบอกว่าอยากได้อะไรเพิ่มหรือลดตรงไหน ก็จะเป็นการแชร์ความคิด เปิดโอกาสให้นักแสดงได้มีส่วนร่วมในการทำงาน แล้วตัวพี่เป้เองจบศิลปะมา แกก็จะมีวิช่วล มีมุมภาพที่อยากได้ รวมทั้งเขียนสตอรี่บอร์ดเอง เวลาสื่อสารกับนักแสดงก็จะง่าย เห็นภาพแล้วรู้เลย ส่วนทีมงานคนอื่นๆก็สนิทกันดี บรรยากาศเหมือนเพื่อนๆ กันมากกว่ามาทำงาน ส่วนพวกพี่วิลลี่พี่เปิ้ลพี่หอยจะเข้าฉากด้วยกันประมาณหนึ่ง จะไม่เหมือนกับโอ้และสตาร์บัคส์ที่จะเข้าฉากด้วยกันมากกว่า แต่ก็จะเห็นพี่ๆทำงาน อย่างวันแรกที่พี่เปิ้ลพี่หอยเข้าฉาก ยังไม่ถึงคิวอั้มๆ ก็จะมานั่งดูพี่ๆ เล่นที่หน้ามอนิเตอร์ ขนาดเห็นแค่ภาพแต่ไม่ได้ยินเสียง ก็อดขำไม่ได้ เพราะพี่ๆ เวลาเขาเล่นด้วยกัน เขาจะชอบมีมุกสด มุกเผลออะไรของเขาเนี่ยะเล่นกันเอง ขำกันเอง จนทีมงานหน้ามอนิเตอร์ อั้มพี่วิลลี่พี่เปิ้ลนั่งขำกันทุกคน โดยเฉพาะที่เปิ้ลพี่หอยเห็นแค่ชุดก็ขำแล้ว เวลาเล่นด้วยกัน ก็จะต้องพยายามไม่มองหน้าแก เพราะอดขำไม่ได้
ส่วนโอ้เองก็สนิทกันอยู่แล้ว น้องโอ้น่ารัก เราจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของโอ้ ที่แตกต่างจากที่เราเคยเห็นในหนังเรื่องก่อนๆ ของโอ้ เขากับสตาร์บัคส์จะเข้าขากัน อารมณ์แบบวัยรุ่นกวนๆ ซ่าส์ๆ โจ๋ๆ เวลาเข้าฉากด้วยกัน ดูแล้วรู้เลยว่าทั้งโอ้ทั้งสตาร์บัคส์จะตั้งใจมาก อย่างสตาร์บัคส์นอกจากเขาจะเล่นคู่กับโอ้กับอั้มแล้ว เขายังมีหน้าที่ประจำคือตีเสลทด้วย บางคิวก็มานั่งเพ้นท์รอยสักให้กับโอ้ แล้วหลังกล้อง ทั้งคู่เขาสนิทกันมาก สักพักเอาแล้วไปนั่งคุยกันอยู่สองคน เดี๋ยวคุยเรื่องรถ เรื่องรอยสัก
Q. มีเหตุการณ์ไหนสนุกๆ ที่น่าประทับใจบ้างไหม
A. ก็ส่วนใหญ่หนังเรื่องสาระแนเห็นผีก็จะมีถ่ายทำทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพราะเป็นเรื่องราวของการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ก็จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน มีถ่ายบนรถที่เราต้องขับไป บนท้องถนนต่าง และถ่ายในสถานที่ถ่ายทำที่ตอนถ่ายเราไม่รู้หรอก แต่พอถ่ายเสร็จถึงรู้ว่าที่ที่เราถ่ายมีเรื่องเล่า มีที่มาที่ไปที่น่ากลัวมาก และเป็นเรื่องจริงที่ได้ยินแล้วขนลุกเลย อย่างมีอยู่ซีนหนึ่งที่อั้มโอ้แล้วก็สตาร์บัคส์ต้องเข้าฉากกับน้าหมู (บางรักซอยเก้า) วันนั้นเป็นตอนกลางคืน ตอนแรกก็ไปถ่ายทำบนถนนก่อนฝนก็ตก แล้วพอสักสี่ทุ่มก็ย้ายไปถ่ายอีกโลเกชั่นหนึ่ง เป็นต่างจังหวัด ตอนที่อั้มกับโอ้นั่งรถผ่านที่ตรงนั้นอยู่ก็ขนลุก ยังบอกกับโอ้เลย ซึ่งก็จะมีศาลเล็กๆ ที่ทีมงานปักธูปไหว้อยู่ เลยไปนิดเดียวซึ่งเป็นตรงที่เราถ่ายทำจะมีคล้ายๆ กับเป็นเหมือนซุ้มประตูเก่าๆ มีร่องรอยของตัวตึกอยู่ มีป้ายตัวอักษรเก่าๆ แขวนอยู่ แต่รอบๆ นี่เป็นพื้นที่โล่งด้านหลังติดริมแม่น้ำ มารู้จากพี่ๆ ทีมงานว่าตรงนี้คล้ายๆ กับเป็นโรงน้ำชามาก่อน แล้วมีผู้หญิงขายบริการที่ถูกฆ่าฝังไว้อยู่50กว่าศพ พูดแล้วขนลุก กับอีกที่หนึ่งในกรุงเทพ เป็นลานจอดรถแล้วเป็นวันแรกของการถ่ายทำเรื่องสาระแนเห็นผี ที่อั้มต้องขับรถมาแล้วก็มาเจอโด้กับยีที่เล่นโดยมาริโอ้กับสตาร์บัคส์ อั้มต้องถอยรถปรากฎว่า มองๆ ไปด้านหลังทำไมจู่ๆ มีควัน อั้มก็มองๆ ไปเห็นว่ามีเสาปูนอยู่ แต่เอะใจว่าทำไมมีผ้าแพรหลากสีผูกอยู่ พอมองไปที่ตัวเสาทั้งๆ ที่เป็นปูน แต่ปรากฎว่ามีรอยคราบน้ำมัน ปรากฎว่าเป็นเสาปูนที่ตกน้ำมัน ก็กลายเป็นว่าแทนที่จะจอดรถอั้มก็เลย เหยียบปรู๊ดออกตัวไปเลย พี่ๆ ทีมงานก็งงว่าทำไมแทนที่จะจอดอั้มกลับเหยียบรถออกไป แล้ววันนั้นจริงๆ อั้มจะต้องถ่ายฉากเต้นโคโยตี้ด้วยซึ่งเป็นวันแรกของการถ่ายทำปรากฎว่าฝนตกเลยไม่ได้ถ่าย ก็เลยต้องเลื่อนวันถ่ายไปอีกทีก็ปรากฎว่าฝนตกอีกก็ไม่ได้ถ่าย จนครั้งสุดท้ายฝนก็ยังตกอีก พี่เป้ก็บอกว่าสงสัยต้องเลื่อนอีกแล้ว แต่อั้มก็บอกว่าจะรอ จนฝนซา พอจะถ่ายฝนตกอีก แต่สุดท้ายพี่ๆ เขาก็ตัดสินใจถ่ายที่ยังมีฝนตกนั่นแหละ ก็เป็นอีกซีนที่กว่าจะได้ถ่ายก็เจออุปสรรคเยอะ แล้วฉากนี้ในบทต้องเต้นโคโยตี้ แต่แทนที่จะไปเต้นในผับ พี่ๆ สาระแนก็คิดให้ไปเต้นบนโต๊ะริมถนนซะงั้น แล้วฝนก็ตก โต๊ะที่เต้นก็โคลงเคลง แล้วในบทคือกินเหล้าเมาเดินก็แทบไม่ตรงอยู่แล้ว แต่ต้องปีนขึ้นไปบนโต๊ะ ใส่ส้นสูงเต้นแบบหลุดโลกไปเลย ก็ป็นอีกซีนหนึ่งที่เป็นประสบการณ์ไม่รู้ลืมเลยที่พี่ๆ สาระแนจับอั้มมาเต้นอยู่ริมถนนตอนตี2
Q. ฟังๆ ดูแล้ว สาระแนเห็นผีน่าจะเป็นหนังผีที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสาวเซ็กซี่ตัวแม่อย่างอั้ม-พัชราภา ท้ายนี้อยากฝากอะไรกับแฟนๆ และผลงานล่าสุด
A. ก็อยากจะชวนคนที่ชื่นชอบกลุ่มสาระแน แฟนๆ ของน้องมาริโอ้ พี่วิลลี่พี่เปิ้ลพี่หอย สตาร์บัคส์ และแฟนๆ ของอั้มที่ถามว่าเมื่อไหร่อั้มจะเล่นหนัง อยากเห็นอั้มในโรงภาพยนตร์บนจอใหญ่ๆ ได้เห็นกันแล้วนะค่ะ ส่วนใครที่อยากมีความสุข อยากสนุกสนาน อยากขำ อยากหัวเราะ อยากสยอง อยากสะดุ้ง ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็อย่าลืมมาดูกันนะค่ะ สาระแนเห็นผี 30 ธ.ค.นี้นะค่ะรับรองว่าสยองฮาค่ะ
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ