ชมพู่ อารยา เอ. ฮาร์เกต กับหนังใหญ่เรื่องแรกในชีวิต

ชมพู่ อารยา เอ. ฮาร์เกต กับหนังใหญ่เรื่องแรกในชีวิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
Q: ถ้าเอ่ยชื่อ ชมพู่ อารยา ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมานานมาก เอางี้ดีกว่ามีอะไรที่ชมพู่ยังไม่ได้ทำบ้าง ชมพู่:(หัวเราะ) แต่อย่าถามนะว่าอยู่วงการมากี่ปีแล้ว (หัวเราะ) ก็จริงๆแล้วชมทำมาทุกอย่างแล้วละค่ะ ทั้งงานพิธีกร เดินแบบ ถ่ายแบบ ร้องเพลงในละคร ก็ทำมาหมดแล้วคะ ก็เหลือแต่เล่นหนังนี่แหละคะ Q: แล้วคิดยังไงถึงตัดสินใจเลือกเล่นหนังเรื่องแรกกับทีมงานที่ขึ้นชื่อว่า ไม่น่าไว้วางใจที่สุดในโลกคิดอย่างไรมาร่วมงานกับทีมงานที่ไม่น่าไว้วางใจมากที่สุดในโลก ชมพู่: (หัวเราะ) คิดอย่างไรเหรอคะ จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ก็มีติดต่อมาพอสมควรคะ ปีหนึ่งก็จะมีติดต่อมาเรื่องสองเรื่องสามเรื่องบ้าง แต่ก็ยังไม่โดนซักที ทำเป็นเลือกมากเหลือเกิน(หัวเราะ) จนสุดท้ายได้มาเล่นกับสาระแน ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้คิดนะค่ะว่าจะได้มาร่วมงานกันในลักษณะนี้ คือจริงๆแล้ว ส่วนตัวชมชอบสาระแนอยู่แล้ว คือรายการสาระแนเนี่ยะดูมานานมาก จนกระทั่งมี นั่งยาง บางจะเกร็ง ก็ติดตามมาโดยตลอด โดยเฉพาะบางจะเกร็งคือชอบมาก คือถ้าวันไหนไม่ได้ดู ชมต้องไปหาดูย้อนหลังใน youtube จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสเจอกับพี่หอย ชมก็เลยบอกพี่หอยว่า หนูขอไปออกรายการพี่หอยได้ไหม อยากออก พี่หอยก็ตกใจว่า นางเอกอย่างเธอเหรอจะมาออกรายการชั้น ก็ไป พอไปเสร็จปุ๊บ ก็คงจะเป็นตอนนั้นที่ทางทีมงานสาระแนได้เห็นแล้วก็พี่เป้ผู้กำกับเห็นด้วย หลังจากที่ไปออกรายการไม่นาน เขาก็เลยชวน คือพี่เปิ้ลโทรมาหาคือพี่จะชวนเล่นหนัง ลองมาฟังดูไหมว่าเรื่องเป็นอย่างไรบ้าง ในใจก็คือเล่น (หัวเราะ) คือยังไม่ได้ฟังอะไรเลย แต่ก็ลองไปฟังก่อนนะคะ แต่เท่าที่ฟังดูก็ คือจริงๆแล้วเนื้อเรื่องแทบจะไม่มีผลในการตัดสินใจอะไรเลยค่ะ พอเป็นสาระแนก็อยากจะเล่นอยู่แล้ว แต่ก็ทำเป็นเล่นตัวไปประมาณ 2-3 อาทิตย์(หัวเราะ)แต่สุดท้ายก็เล่นค่ะ Q: ดาราส่วนใหญ่เขามีแต่ปฏิเสธ กลัวที่จะไปออกรายการกัน ขนาดทีมงานเวลาติดต่อบางทีต้องไม่บอกว่าเป็นทีมสาระแน แต่นี่นางเอกระดับชมพู่เสนอตัวไปออกสาระแนถามจริงๆไม่กลัวเหรอ กิตติศัพท์ ความขี้แกล้ง ขี้อำของทีมนี้ ชมพู่: เป็นคำถามที่เจอบ่อยมาก ไม่กลัวเลยหรือไงพวกสาระแน ชมก็คิดว่าก็คงไม่ถึงจะฆ่าจะแกงกันหรอกมั้งคะ คงไม่เอากันถึงตาย คงต้องให้สู้หน้าในวงการกันต่อไปได้ คงไม่เล่นกันถึงขนาดมองหน้ากันไม่ติด อะไรขนาดนั้น ก็พอไหวค่ะ Q:จริงๆแล้วแอบหวั่นลึกๆไหมว่าทำงานๆไปจะโดนทีมงานวางแผนแกล้งอะไรรึเปล่า ชมพู่: ไม่ได้คิดอะไรเลยคะ ทำใจเป็นกลางมาก ไม่รู้สิ คนอื่นเค้ากลัวกัน แต่ไม่กลัว Q: แล้วเคยคิดไหมว่าหนังเรื่องแรกจะเป็นนางเอกหนังตลก ชมพู่: ไม่เคยคิดค่ะว่าจะมาเป็นนางเอกหนังตลกเพราะว่าก่อนหน้านั้นก็คิดแค่ว่า เราอยากเล่นหนังแบบนั้น อยากเล่นหนังแบบนี้ อยากเล่นโรแมนติคนะ ดราม่า อยากเล่นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดว่านะคะว่าจะได้มาเล่นหนังตลก Q:ว่ ากันว่าหนังเรื่องแรกของแต่ละคนเจอไม่เหมือนกันนะ แต่หนังใหญ่เรื่องแรกของคุณต้องเจอกับอะไรบ้าง ชมพู่: ต้องเจอกับอะไรบ้างเหรอคะ เออ มันก็เป็นประสบการณ์ที่งงๆหน่อยนะคะ (หัวเราะ)คือว่า ยังไงดีละ ก่อนอื่นเราก็จะมีภาพว่ากองถ่ายหนังจะต้องมีภาพอย่างนี้นะ จะต้องมีพูดแบบหนัง ก็คือเราอาจจะไม่ใช่คนในวงการภาพยนตร์ไงคะ ก็เลยจะคิดว่าถ่ายหนังก็คงจะใช้ฟิล์มนะ ก็คงต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ เขาคงจะต้องมีการซ้อมกันมาเยอะมาก เพราะมันจะเปลืองฟิล์ม เขาคงจะเอาจริงเอาจังทุกอย่าง ทุกอย่างจะต้อง blog เป๊ะๆๆๆ ก็แบบจะต้องเล่นซ้ำๆหลายๆรอบเล่นแบบเดิมๆ เวลาแสดงจะต้องเสถียรมากๆ ต้องได้มาตรฐานเดิมทุกครั้ง ปรากฏพอมาถึง ก็แบบ ซ้อมก็อื้อๆเสร็จแล้ว เอาจริงๆถ่ายเลย ก็ไม่เหมือนกับตอนซ้อมเลย คือซ้อมกี่ทีเล่นก็ทีก็ไม่เหมือนกัน ตอนถ่ายจริงส่วนมากก็จะไม่เกิน 2 เทค 2 เทคถือว่าเยอะแล้ว ส่วนมากก็คือจะเทคเดียว และก็เอาแน่เอานอนกับบทไม่ได้ อย่างพี่เปิ้ลนี่จะเข้ากันบ่อยมาก ก็เข้าด้วยกันแรกๆก็จะงงๆ เพราะเขาไม่เอาบทเลย ไม่จำบทเลย ก็เลยจะ เอ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง คืออาจจะเป็นเพราะว่าชมมาเจอกองนี้มั้งคะ เอ่อ..ก็คงเป็นประสบการณ์หนังที่แบบว่าเปลี่ยนไป จากที่เราเคยคิดเอาไว้เยอะคะ Q: แสดงว่ากับหนังเรื่องแรกเรามีการซ้อม เตรียมตัวมาเต็มที่มากๆ ชมพู่: ก็คือไม่เคยเล่นหนังนะคะ แต่ก็เล่นละครมาตามปกติ ก่อนจะมาเข้าฉาก เราก็ต้องทำความเข้าใจกับ character ทิศทางของเราว่า เราจะเล่นยังไงดีนะ ให้มันมีเสน่ห์ ให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ปรากฏว่าที่คิดมามันไม่ได้ใช้เลยคะ (หัวเราะ) เพราะว่ามันเอาสถานการณ์เฉพาะหน้าเท่านั้น Q: ต้องเล่าให้ฟังแล้วแหละเรื่องแรกในชีวิต character เป็นยังไง ชมพู่: รับบทเป็นดาวค่ะเป็นหญิงสาวที่มีอาชีพเป็นหมอนวด ก็อยู่ในโลกที่สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวค่อนข้างโหดร้ายนิดนึงสำหรับน้องดาวนะคะ ก็มีพี่หรั่ง หรือพี่วิลลี่เป็นคนคุมงานเรา ก็คอยข่มเหงรักแกเรา แต่โดยลึกๆแล้วเรียกได้ว่าจิตใจของดาวเป็นคนอ่อนโยน ลองคิดดูสิค่ะ หน้าตาก็สวย จิตใจก็ดี (หัวเราะ) จนได้มาพบกับน้าเช(รับบทโดยพี่เปิ้ล นาคร) นี่แหละค่ะซึ่งก็เหมือนกับว่าต่างคนต่างเติมโลกของกันและกัน ทำให้ดาวได้รู้จักกับความรัก ส่วนน้าเชก็ได้มารู้จักกับความสวยงาม Q: จริงไหมว่าในสาระแนสิบล้อ คาแรคเตอร์แต่ละคนล้วนเจ็บๆโดนๆทั้งนั้น และกว่าจะเข้าฉากได้แต่ละคนต้องมีการเปลี่ยนโฉมแปลงลุคส์กันพอสมควร ชมพู่: จริงค่ะ แต่อย่างชมเจอน้อยที่สุดแล้ว อย่างพี่หอย โก๊ะตี๋ ต้องแต่งหน้ากันนานพอสมควร อย่างพี่เปิ้ลต้องแปลงโฉมอะไรอย่างนี้ พี่วิลลี่อาจจะน้อยกว่าเพื่อนแต่ก็ยังนานอยู่ดี ชมก็แต่งหน้าทำผมตามปกติคะ หน้าก็แต่งตามปกติของชม สวยงามค่ะ เพราะ deal กับพี่เปิ้ลไว้เรียบร้อยไว้แล้วว่าคือเข้าใจว่าเป็นหนังตลก แต่จะให้มาบ้าๆบอๆไม่เอานะ คือเราต้องขอ keep look สวย และก็คือได้ยินมาว่าถ่ายหนังจะต้องแต่งหน้าน้อยมาก เน้นความเป็นธรรมชาติ ชมก็เลยบอกเอ่อพี่ถ้าจะให้ชมเล่นจริงๆ ชมขอติดขนตาปลอมนะ คือเค้าก็อ่ะๆ โอเคก็ได้ เค้าก็ยอมให้ แต่ปรากฏพอมาถึงกองวันแรกเค้าก็แต่งหน้าทำผมเสร็จเค้าก็เอาขาเทียมมาให้ใส่ ก็คือเป๋นั่นเอง ก็แอบเซ็ง แต่ก็โอเคเราโดนน้อยกว่าคนอื่น ตอนแรกแอบหนักใจมากว่าจะเป๋ยังไง จะต้องเป๋แบบว่าเหมือนเค้าเล่นตลกกันหรือปล่าว(หัวเราะ)แต่จริงๆก็ไม่ต้องขนาดนั้น แต่ก็คือพอตอนใส่ขาปลอมนี่มันก็เดินไม่ได้เอง Q: กว่าจะมาเป็นดาวนางเอกสาวในเวอร์ชั่นไม่ปกติของเหล่าพี่ๆสาระแน ชมพู่ช่วยเล่าขั้นตอนการทำสวยเซ็กซี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องใส่ขาเทียมให้ฟังหน่อย ชมพู่: ก็ก่อนอื่นเลย ต้องสละเวลาครึ่งวันต้องไปหล่อไอ้ขาเทียมเนี่ยะคะ ก็ต้องยืนมาราธอน ยืนนานมาก ทีมงานก็จะหล่อทีละครึ่งหน้าแล้วก็ครึ่งหลัง แล้วนำมาประกบกันคะ อันนี้ก็จะเป็นชิ้นส่วนเยอะมาก เท้านี่ก็ต่างหากจะเป็นอีกชิ้นหนึ่ง ตัวหนังข้างบนก็จะเป็นอีกชิ้นหนึ่ง ต้องเอาท่อนที่เป็นช่วงขาหรือหน้าแข้งมาประกบกันสองชิ้น แล้วก็จะต้องมีตัวยางมาใส่ (ระหว่างข้อเท้ากับเผือกตรงหน้าแข้ง) พอใส่เสร็จปั๊บ ก็เอาสีมาทาเพื่อให้มันเก่าตามสถานการณ์ อย่างเช่นตอนเปิดกล้องแรกๆ ฉากแรกๆที่ยังไม่ได้ไปผจญภัยมากขาก็จะใหม่ค่ะ พอผ่านเหตุการณ์ไป ขาก็จะเก่าขึ้นๆ อะไรอย่างนี้คะ ลักษณะนั้นคะ Q.จนถึงตอนนี้คุ้นเคยหรือยังกับการที่ต้องเดินหรือต้องใส่ขาเทียม ชมพู่: ไม่เคยคุ้นเลยคะ ไม่ชินซักที บางวันที่ใส่นานๆก็จะเจ็บเหมือนกันค่ะ มันก็จะเดินเหินไม่สะดวก บางท่าก็จะนั่งไม่ได้ จะขึ้นจะลงมันก็ไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ถอดแล้วมาเริ่มใส่ใหม่ก็ไม่เอา ขี้เกียจ Q.ตั้งแต่ถ่ายหนังมา ต้องอยู่ในสภาพนี้นานที่สุดกี่ชั่วโมง ชมพู่: ก็ส่วนใหญ่ทั้งวัน ทั้งคิวค่ะ อย่างเช้ายันดึก ประมาณ12ชม ค่ะ นานพอดูเลย Q: พี่เปิ้ลนาครนอกจากเป็นนักแสดงและยังเป็นทั้งโปรดิวเซอร์และผู้อำนวยการสร้าง สาระแนสิบล้อด้วย ออกตัวว่าทีมงานมือใหม่หัดขับ เพิ่งทำหนังเรื่องนี้เรื่องแรก ที่ว่าใหม่นี่ใหม่มากขนาดไหน ชมพู่: ถ้าพูดถึงความมือใหม่หัดขับของทีมงานสาระแนสิบล้อ ใช่ไหมคะ ก็ได้ข่าวว่าไม่เคยถ่ายหนังกันเลย ก็ทำแต่รายการกันมาก่อน ก็ไม่รู้ว่ารับเล่นไปได้ยังไงนะ (หัวเราะ)เพราะไม่เคยทำหนังกันมาเลยนะ แล้วก็ แหม หนังเรื่องแรกในชีวิตนะก็เจอทีมงานทีมนี้นะ แต่ลองคิดดูว่าขนาดไม่มืออาชีพกัน ซีนหนึ่งยังใช้กล้องถ่ายถึง 4-5 ตัว ซึ่งก็ช่วยย่นระยะเวลาไปได้เยอะเลยในการถ่ายทำแต่ละครั้ง แล้วก็จะมีน้อง starbucks กับหลังเลนส์(สาระแนห้าวเป้ง) ที่เขารับหน้าที่ตีสเลท ขานชื่อซีนจำนวนเทคที่เท่าไหร่ แล้วเขาก็จะอ่าน (หัวเราะ)คือว่าเวลาอ่านตะกุกตะกัก ผิดจนกระทั่งพี่เปิ้ลบอกว่า ไม่ต้อง ถ้ามีฉากไหนที่มีพี่เปิ้ล พี่เปิ้ลจะไม่ให้น้องเค้าตี slate เลย ก็คือว่าจะให้ไปตี slate ท้ายซีนเอา กลับหัวเอา อะไรอย่างนี้ เพราะว่า เขาจะอ่านผิดๆถูกๆ (หัวเราะ)แล้วก็ทำให้นักแสดงเสียสมาธิคะ มีอีกเคสหนึ่งค่ะสะท้อนความเป็นมืออาชีพมากๆ(หัวเราะ)ของทีมงาน อย่างมีอยู่วันหนึ่ง อันนี้เป็นประสบการณ์ที่โดนกับตัวเลยค่ะ เป็นคิวถ่ายที่สองหรือคิวที่สามนี่แหละค่ะ ก็คือวันนั้นทั้งวันเนี่ยะเป็นฉากที่ต้องถ่ายบนรถสิบล้อ แล้วก็เห็นชมแค่ครึ่งตัวเลยยังไม่ต้องใส่ขาเทียมกัน จนกระทั่งมีอยู่ฉากหนึ่งที่ต้องเห็นชมวิ่งไปกับพี่เปิ้ล ก็เลยต้องใส่ขาแล้ว เห็นเต็มตัว เลยต้องรีบใส่ขา แต่ชมก็รู้สึกว่าเอ๊ะทำไมวันนี้ขามันเจ็บ ทีมงานก็บอกว่าชมอ้วนขึ้นหรือเปล่า ชมขาโตขึ้นหรือเปล่า พี่เปิ้ลก็บอกว่าชมขาใหญ่ขึ้นหรือเปล่า ทำไมใส่ไม่ได้นี่อันเดิมนะ อะไรอย่างนี้ เขาก็ไม่ได้ไปทำอะไรกับขาเทียมชมแน่ใช่ไหม เออทำไมมันเจ็บ คือใส่ยังไงมันก็ไม่พอดี มันก็ยังมีช่องว่าง (gap) สรุปว่าถ่ายกันเสร็จเรียบร้อยนะซีนนั้น ชมก็ยังนั่งทนเจ็บ ทนทรมานอยู่ต่อไป เขาก็ไปเช็ค continue กัน ปรากฏว่าใส่ผิดขา ก็ทำยังไงต่อไป ใส่ผิดขา ก็เลยสลับขาแล้วก็ถ่ายต่อ แล้วฉากก่อนหน้านั้นที่ใส่ผิดก็ไม่ซ่อมด้วยนะ (หัวเราะ) ก็คือปล่อยไป เพราะว่าเป็นหนังตลก สถานการณ์ เราเหนือจริงอยู่แล้ว ก็เดี๋ยวถ้าได้ดู ก็ไปดูแล้วกันว่าเป็นฉากไหนที่ใส่ผิดขา (หัวเราะ) มันตลกมากก็คือวิ่งเข้าไปแล้วก็วิ่งออกมาเป็นอีกข้างหนึ่ง ต้องรอให้ท่านผู้ชมสังเกตุดูว่าฉากไหน Q. ความอึดอัดใจ ความลำบากใจหรือที่พูดได้ว่เป็นวิบากกรรมที่ชมพู่ต้องเผชิญในการเป็นนางเอกของสาระแนสิบล้อ ชมพู่: ก็คือการที่ชมพู่ต้องแสดง โดยอยู่ท่ามกลางพี่ๆแต่ละคนไม่ว่าจะเป็น พี่เปิ้ล,พี่วิลลี่,พี่หอย,พี่โก๊ะ หรือแม้แต่โอ้ คือตัวละครทุกๆตัวรอบตัวเราตลกทุกคน แต่ด้วยความที่ว่าด้วยคาแรคเตอร์ของเราไม่ใช่ตลก แล้วที่ยากก็คือเวลาเราเห็นคนอื่นเขาตลกแล้ว เราเองก็อยากจะตลก อยากเป็นตลกกับเขาด้วย แต่ว่าก็ไม่ได้ ด้วยบทที่เราได้รับก็ไม่ได้ เพราะต้องเล่นเป็นดาวหญิงสาวแสนดีที่งามทั้งกายและใจจะมานั่งตลกไม่ได้ เวลาที่คนอื่นเขาสนุกสนาน แล้วมันบางทีเราก็อยากจะหลุดแล้วมันก็อยากจะขำออกมา แต่มันก็ไม่ได้เพราะว่าซีนต้องไปต่อ ซึ่งก็จริงๆแล้วชมก็ไม่ใช่คนเส้นตื้นมากนะ ก็ได้อยู่ มีสมาธิ แต่ว่าบางทีก็หลุด ซึ่งบางทีที่เราเผลอยิ้ม พี่เป้เขาก็ไม่ได้คัทนะ เขาก็ปล่อย คือมันก็เลยงง เอ๊ะนี่เรากำลังถ่ายรายการบางจะเกร็งอยู่ หรือว่าเราถ่ายหนังอยู่ (หัวเราะ) ถ้าถามชมว่ามันต้องอั้นขนาดไหนหรอ คือถ้าใครไม่อยู่ในสถานการณ์ตรงนั้น ก็จะไม่รู้ว่าชมต้องอั้นให้ไม่ขำขนาดไหน คือหนึ่งด้วยสภาพและสารรูปของแต่ละคนเนี่ย มันก็ นะ มันก็แย่แล้ว (หัวเราะ) และด้วยสถานการณ์ของเรื่องและก็บท และโดยส่วนตัวของพี่ๆแต่ละคนเขาก็กวนประสาทอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเวลาเขาอิมโพรไวซ์ (นอกบทหรือเล่นสดๆขึ้นมาโดยไม่มีในบท)หรือว่าเวลาเค้าคิดอะไรได้ มันก็เกิดขึ้นได้ตลอด มุขหรืออะไรที่มันออกจากปากเขามันเกิดขึ้นได้ตลอด คือเวลาซ้อมมันไม่เคยมีค่ะมุขตรงนี้ คือถ้าอะไรที่ซ้อมไว้เวลาเอาจริงจะลืม จะทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าทำตอนซ้อม ขอร้องเวลาซ้อมไม่ต้องทำ เพราะว่าเอาจริงแล้วจะไม่มี (หัวเราะ)มันคือความขำที่เราไม่ได้เตรียมตัวที่จะรับมือกับมันมาก่อน Q. เห็นบอกว่าเข้าฉากวันแรกซีนแรกชมพู่ อารยา ก็เจอดีเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเข้าฉากกับพี่เปิ้ลที่แสดงความเป็นมืออาชีพมากๆ ชมพู่: อย่างฉากแรกที่ต้องเข้าด้วยกันกับพี่เปิ้ลนะคะ เขาก็ตั้งใจจะให้เราหลุดขำ เขาก็แต่งหน้าเสร็จ เขาก็มุบมิบๆไม่โชว์ ไม่ยอมให้ชมดูเขาใกล้ๆ แต่พอปรากฎว่า บรีฟ อะไรกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเค้าก็ 5 4 3 2 action ถ่าย เขาก็หันมายิ้มแล้วก็โชว์ฟันหลอเขาอย่างนี้ (ยิ้มโชว์) แล้วเขาก็กะว่าเราจะขำไงแต่เราคงไม่ขำ คือชมก็รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องเป็นลุคส์นี้ คือเราเห็นตั้งแต่ในรูป ฟิตติ้ง คือว่าลุคส์เป็นแบบนี้นะฟันหลอ ก็คือรู้อยู่แล้วว่าแต่ละคนสภาพต้องทุเรศนะดูไม่ได้ ก็ไม่ขำ ก็เล่นต่อ เล่นต่อจนจบ ก็คัท เขาก็ถามว่าไม่ขำเหรอ เนี่ยะอุตส่าห์ปิดเม้มปาก คือเค้าตั้งใจว่าเราจะต้องขำ แต่สุดท้ายก็ขำนะ เพราะว่าในฉากนี้มันเป็นฉากที่ชมเองต้องเป็นซีนอารมณ์ แต่ในขณะเดียวกันที่ต้องเล่นอยู่ข้างๆกับคนพันธ์นี้(พี่เปิ้ล) คือมันก็ยากที่จะโฟกัส เพราะว่าตอนแรกเป็นฉากที่เราต้องเล่าถึงความหลัง คือเล่าไปแล้วอยากจะร้องไห้ มันต้องแบบว่ามีสมาธิมากๆคือมีเขา แต่ไม่ต้องสนใจเขา คือต้องอยู่กับตัวเองมากๆ แต่ทางนี้เขาก็พยายามจะตลกใส่ตลอดเวลา มันก็ยาก ปรากฏว่าไปๆมาๆ ซีนนี้พี่เปิ้ลในบทเขาก็ต้องร้องไห้ ด้วยความเป็นนักแสดงมืออาชีพของพี่เปิ้ลเขาก็เอายาหม่องมาทาตา (หัวเราะ) ยาหม่อง ทาๆให้น้ำตาเขาไหล แล้วเขาก็บอกทีมงานว่าอยากได้ขี้มูกโป่ง โดยใช้ effect ที่ไม่รู้ว่าทำจากอะไรคล้ายๆหมากฝรั่ง ซึ่งน่าเกลียดมาก (หัวเราะ) ให้ทีมอาร์ทไปหามา คิดดูซิ เพราะในฉากนี้พี่เปิ้ลเขาต้องร้องไห้ขี้มูกโป่ง Q.นอกจากพี่เปิ้ลแล้ว ชมพู่ยังได้เข้าฉากกับพี่วิลลี่ด้วย ชมพู่: คือพี่วิลลี่ในเรื่องเขาเป็นคนคุมเราใช่มั๊ยคะ ส่วนพี่เปิ้ลเขาก็เป็นแฟนเราถูกมั๊ยค่ะ เขาก็อยากจะพยายามช่วยเหลือเราให้เราได้ออกจากที่สิ่งแวดล้อมสภาพแบบนี้ เขาก็แบบมีปากมีเสียงมีเรื่องราวชกต่อยกันบ่อยๆ คือพี่วิลลี่เขาก็ข่มเหงชมตลอดเวลา พี่เปิ้ลเขาก็โชว์พระเอกโชว์แมน เฮ้ย มาทำอะไรดาว ปล่อยนะ อะไรอย่างเนี้ย ลงเอยแล้วก็มีการแบบว่าต่อยตีกันทุกที คือศึกชิงนาง ซึ่งจะมีอยู่ซีนนึง พี่เปิ้ลเขาเสียเปรียบกับพี่วิลลี่ และก็จริงๆเขาควรจะเสียเปรียบพี่วิลลี่เพราะพี่วิลลี่เขาตัวใหญ่กว่ามาก ชมก็เข้าไปช่วยโดยเอากระถางปลอมไปทุ่มใส่พี่วิลลี่แล้วเขาก็สลบ ส่วนเชหรือพี่เปิ้ลก็ไปซ้ำ กระทืบกระทืบซ้ำ ประมาณว่าเขาสลบแล้วยังไปทำเขา ซึ่งเบื้องหลังในการทำงาน ก็เหมือนกันทุกซีนหละคะ (หัวเราะ)คือซ้อมมาอย่างดีและพอถึงเวลาจริงๆก็ไม่ค่อยจะเหมือนกับที่ซ้อมไว้ Q.แล้วจริงไหมที่ว่า สาระแนะสิบล้อ ไม่ได้เป็นหนังแอบถ่ายแล้ว แต่ลายเซ็นต์การชอบอำชอบแกล้งของตัวผู้กำกับเองพี่เป้ นฤบดี ตลอดจนพี่สาระแน ยังมีอยู่ในหนังเรื่องนี้ ชมพู่: อ๋อ (ตบมือ) ใช่ๆที่อื่นเค้าคงไม่ทำหรอกมั้ง (หัวเราะ) คือมีฉากหนึ่งท้ายๆเรื่องแล้ว พี่เปิ้ลเขาตามมาช่วยชม เชตามมาช่วยดาวแล้วก็รวมถึงลูกสมุนอื่นๆด้วย ก็เลยพากันมา รู้สึกว่าน้าเช กับเอก ก็คือพี่เปิ้ลกับน้องโอ้ถูกจับในโกดัง จริงๆแล้วเป็นโรงสีเก่าๆ คือถูกจับมัดกันอยู่ คือคืนนั้นมันดึกมากคือทุกคนอยู่ในสภาพแบบว่าง่วงมาก น้องโอ้ก็แบบว่าคร่อก จริงๆแล้วในฉากต้องสลบแต่แอบสลบจริง (หัวเราะ) คือแอบหลับได้เนียนมาก แล้วพี่เปิ้ลเขาโดนขึงอยู่แล้วพี่วิลลี่เขาก็ทรมานทรกรรมต่างๆนาๆ แล้วพี่เปิ้ลก็โดนดึงกางเกงจนเหลือแต่กางเกงใน ซึ่งมีอยู่ฉากหนึ่งที่ไม่ได้เตี้ยมกันไว้ (หัวเราะ) ซึ่งพี่วิลลี่เขาก็เอาปืนไปยิง พี่เปิ้ลเขาก็ไม่คิดว่าจะยิงจริงๆเพราะในบทก็ไม่ได้มีให้ยิง แล้วพี่เปิ้ลเขาก็ตกใจแบบสาวแตกมากค่ะ (หัวเราะ) แล้วรู้สึกว่าวันนั้นพี่เปิ้ลเขาจะโดน ได้แผลด้วย รู้สึกว่าจะโดน effect นิดหนึ่ง เขาทำเป็นโวยวาย ทำเป็นโกรธ ทำเป็นซีเรียส Q. เป็นที่สะใจมากของทีมงาน ผู้กำกับและนักแสดงเวลาพี่เห็นพี่เปิ้ลโดนแกล้ง ชมพู่: ชมว่าคุ้มค่ามาก เพราะถ้าจะให้เลือกแกล้งใครซักคนในสาระแน ชม happy มากถ้าจะแกล้งพี่เปิ้ล (หัวเราะ) ไม่รู้ทำไม ชอบมีความสุขเวลาเห็นพี่เปิ้ลโดนแกล้ง Q. ฟังๆดูแล้วเป็นกองถ่ายที่อารมณ์ดี ตัวหนังก็มาในทางบันเทิงสุดตัว คาแรคเตอร์ตัวละครก็ดูไม่ธรรมดา หนังเรื่องแรกของชมพู่ เห็นบอกว่ามีฉากสนุกๆน่ารักๆที่ต้องมีร้องเพลงด้วย ชมพู่: อ๋อค่ะ ก็มีฉากที่ชมต้องขึ้นไปร้องเพลงด้วย และก็ฉากนี้เป็นฉากที่แต่ละคู่ต้องได้จีบกัน แบบออกเดท น้องโอ้เค้าก็ไปเดทกับน้องอร ชมกับพี่เปิ้ลก็ไปลอยกระทงด้วยกัน ก็มีฉากแบบว่ามีเวที มีหางเครื่องเราก็เอ่อขึ้นไปร้องเพลงเพราะดาวเขาก็มีฝันว่าอยากเป็นนักร้อง แล้วพี่เปิ้ลเขาก็เอาใจสาวก็เลยไปกระซิบบอกพิธีกร ซึ่งพิธีกรก็เล่นโดยทีมงานนั่นแหละ (หัวเราะ) ไปกระซิบบอกพิธีกรว่าให้ประกาศชื่อเราขึ้นไป เราก็บอกว่าจะดีเหรอ บ้า ไม่เอาไม่อยาก พอตัดภาพอีกทีเราก็ขึ้นไปอยู่บนเวทีแล้ว ร้องเพลงอะไรนะ ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย เพลงอะไรนะอ้อ ผู้ชายในฝัน เสียดายจัง เพลงหากินไปร้องทุกวันเลย เวลาไปโชว์นะ (หัวเราะ) แล้วพี่เปิ้ลเขาก็จะมีเต้นด้วย และมีแก๊งค์แบบว่า นักเลงประจำหมู่บ้าน เด็กแว๊นหรอ ไม่เด็กแล้วละ แก่แล้วละ แว๊นรุ่นคุณลุง Q.คงต้องเล่าให้ฟังแล้วล่ะว่า สาระแนสิบล้อ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ชมพู่: สาระแนสิบล้อหรอคะ ก็ เป็นเรื่องราวการเดินทางของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นพวกคนขับสิบล้อ อาจจะเรียกว่า เป็นการเดินทางที่ไปค้นหาหรือเรียนรู้อะไรอย่างหนึ่ง ด้วยจุดประสงค์หลักก็คือน้าชายที่ชื่อว่าเชในบทที่พี่เปิ้ลเล่น เขาต้องการสอนความเป็นลูกผู้ชายให้กับหลานชายซึ่งเล่นโดยมาริโอ้ แต่ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์หรือเปล่านะคะ เพราะว่าเกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย แล้วก็ให้แง่คิดนะว่าจริงๆแล้วในโลกนี้ บางครั้งก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เราคาดไม่ถึง หรืออีกแง่มุมก็คือ บางครั้งคนที่มีสภาพอย่างพี่เปิ้ล (หัวเราะ) ในเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่มีความรัก เมื่อมาถึงจุดหนึ่งก็อาจจะเจอกับความรักหรืออะไรที่มันสวยๆงามๆก็ได้ ซึ่งบางทีมันก็เปลี่ยน mood เปลี่ยน tone ของชีวิตไปได้เลยเหมือนกัน ซื่งมันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน Q.ในเรื่องต้องนั่งรถสิบล้อไปกับแก๊งค์สิบล้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคนขับที่เป็นแชมป์เจ็ทสกีอย่างพี่เปิ้ล นาคร ประสบการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง แล้วชีวิตจริงเคยนั่งรถสิบล้อมาก่อนรึเปล่า ชมพู่: ไม่เคยนั่งสิบล้อมาก่อน ไม่เคยขับด้วย ใกล้เคียงสุดก็คือเคยขับรถทัวร์ แต่ว่ารถสิบล้อไม่เคยเลย แล้วก็ต้องมานั่งรถสิบล้อที่พี่เปิ้ลขับด้วย ทราบว่าเคยขับแต่เจ็ทสกีก็(หัวเราะ) คิดว่าหลักการทำงานคงไม่ใกล้เคียงกันเท่าไหร่ คิดว่าน่าจะยากนะ พวงมาลัยน่าจะหนัก ในเรื่องนี้มีพี่เปิ้ลเป็นคนขับมาแล้ว ก็พี่เปิ้ลก็ไม่ได้ขับเร็วเท่าไหร่นะ แต่ว่าส่วนตัวแล้วชมรู้สึกปลอดภัยนะเมื่อนั่งอยู่บนสิบล้อ แบบว่าคือมันใหญ่นะ ก็ไม่กลัวใคร คือชมเข้าใจนะว่าทำไมสิบล้อจึงชอบขับ ฟิ้วๆ มันเป็นความรู้สึกแบบว่ามันยิ่งใหญ่อย่างนี้นี่เอง รู้สึกตัวใหญ่ ไม่ต้องกลัวใคร (หัวเราะ) Q: อะไรคือเสน่ห์ของหนังเรื่องสาระแนสิบล้อ ชมพู่: เสน่ห์หรอคะ ชมว่า เราไม่เคยเห็นหนังตลก style นี้นะคะ อย่างที่ชมบอกว่า เอ๊ะนี่ชั้นกำลังอัดรายการอยู่หรือว่ากำลังเล่นหนังอยู่เนี่ย เพราะทุกๆรีแอ๊คของนักแสดงของทุกๆตัวละคร มันสดค่ะ คือไม่ว่าเราจะรีแอ๊ค ต่อผู้ร่วมซีนอย่างไร คือเขาก็ถ่ายต่ออย่างนั้นแหล่ะ คือเขาเอาธรรมชาติ หลุดก็หลุด ขำก็ขำ ซึ่งมันก็จริงนะว่าถ้าในชีวิตจริงเราเจอสถานการณ์อย่างนี้จะไม่ขำได้ยังไง จริงไหมคะ Q. มาถึงตรงนี้จากประสบการณ์หนังเรื่องแรกในชีวิต ถามจริงๆเริ่มติดใจหนังแล้วหรือยัง ชมพู่: ติดใจไหมหรอคะ ก็ติดใจนะคะเพราะว่าอย่างที่บอกเราคาดคิดเอาไว้ว่า การถ่ายหนังจะยาก ต้องยุ่งยาก จะช้า จะ step เยอะ ซึ่งจริงๆแล้วชมว่าถ้าเป็นมาตรฐานของกองอื่นมันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่พอดีว่าเรามาเจอที่นี่เรื่องแรก มันก็จะไหลลื่น และมันก็ smooth แบบเป็นไปตามธรรมชาติ สด ก็แบบว่าเอ๊ะ เอาจริงหรอ เอาอย่างนี้เลยหรอ ก็ติดใจแต่ก็คิดว่าถ้าเล่นอีกเรื่องนึงซึ่งลักษณะหนังไม่ได้เป็นอย่างนี้ มันก็คงไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก แต่ยังอยากลองอยู่คะ Q: ทิ้งท้ายแล้ว ฝากอะไรกับแฟนๆสำหรับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกในชึวิต สาระแนสิบล้อ ชมพู่: สำหรับภาพยนต์เรื่องสาระแนสิบล้อ เพราะเป็นภาพยนต์เรื่องแรกของชม ชมเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะไม่เคยเห็นชมในแบบนี้นะคะ ก็ทุ่มเทเต็มที่ อยากให้ทุกคนได้ฮา ได้สนุกกันเต็มที่นะคะ อยากให้เอาใจว่างๆ แบบว่าปล่อยตัวอิสระ ปล่อยตัวปล่อยใจแบบเต็มที่เลยนะคะ เอาสมองว่างๆมาเลยนะคะ มานั่งแล้วก็ enjoy กับหนังนะคะ แล้วก็หัวเราะกันได้เต็มที่เลย ก็อยากให้ทุกคนมีความสุขนะคะที่ได้ดู (หัวเราะ) ขอบคุณค่ะ

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ ของ ชมพู่ อารยา เอ. ฮาร์เกต กับหนังใหญ่เรื่องแรกในชีวิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook