บทสัมภาษณ์ เป้ย-ปานวาด เหมมณี
Q พูดถึงบทบาทที่ได้รับใน มหาลัยสยองขวัญ
เป้ย : ในเรื่องมหาลัยสยองขวัญ เป้ยก็รับบทเป็น หมวย ดูภายนอกเป็นสาวห้าว มั่นใจในตัวเอง แต่ภายในใจเหมือนมีเรื่องราวอะไรบางอย่างเกาะกินอยู่ภายในตัวของเธอ ซึ่งอาจเกี่ยวโยงกับความน่าสะพรึงกลัวที่เธอจะต้องเจอในมหา’ลัยสุดสยองนี้ก็เป็นได้ ต้องไปหาคำตอบในหนังค่ะ
Q เรื่องนี้ถือเป็นการได้มาประเดิมเล่นหนังอย่างเต็มตัวกับทางสหมงคลฟิล์มฯ
เป้ย : ก็ถือเป็นการร่วมงานกันเป็นครั้งแรกกับทางสหมงคลฟิล์ม พอได้อ่านบทแล้วก็รู้สึกชอบแล้วก็อยากเล่นคือมีพล็อตกับไอเดียที่น่าสนใจ แบบว่าทุกคนก็เคยได้ยินเรื่องเล่า ได้ยินตำนานของมหา’ลัยต่างๆ แล้วเรื่องนี้เขาเอามาโยงเป็นหนังหนึ่งเรื่อง แล้วก็อีกอย่างถือเป็นการพลิกคาแรกเตอร์ของเป้ยให้เป็นอีกลุกส์หนึ่ง ก็เป็นการที่จะแสดงให้เห็นอีกด้านหนึ่งของเป้ย ก็เป็นเป้ยที่สวมบทเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งอยากให้มาลองดูกัน
Q ที่ว่าต่างจากทุกภาพที่เคยเห็นนี่ต่างแค่ไหน
เป้ย : คือตัวละครหมวยเป็นนักศึกษาที่เข้ามาฝึกงานในกรุงเทพ ก็เลยได้มาทำงานกับหน่วยกู้ภัย เรื่องนี้เป้ยก็มีต้องใส่ชุดหน่วยกู้ภัยด้วย แล้วหน้าผมจะดูเป็นธรรมชาติมาก พี่จงกับพี่จักรเขาบอกว่าอยากให้เป้ยฉีกจากทุกภาพที่ทุกคนเคยเห็นกัน ไม่อยากให้เป้ยมาเล่นเป็นเป้ย อย่างเรื่องการแสดงก็เหมือนกัน บางทีเป้ยจะแสดงออกมาเยอะ ก็ต้องปรับเรื่องอารมณ์ให้สื่อสารให้ออกมาทางแววตาและท่าทางแทน ในเรื่องนี้รับรองว่าจะได้เห็นเป้ยในแบบที่ทุกคนไม่เคยเห็นแน่นอนค่ะ
Q พูดถึงเรื่องราวใน มหาลัยสยองขวัญ
เป้ย : คือเป็นเรื่องราวของ หมวย ผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นนักศึกษาฝึกงาน ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ต้องมีเหตุให้ไปพบกับเรื่องราวสยองที่จะเกิดขึ้นในสถาบันต่างๆ ก็เลยทำให้เจอเรื่องราวสยองขวัญมากมายเหมือนเป็นตัวนำพาคนดูเข้าไปพบกับตำนานสยองทั้งหมด
Q ใน “มหาลัยสยองขวัญ” ได้หยิบเอาตำนานอะไรมารวมอยู่ไว้บ้าง
เป้ย : คือในเรื่องนี้จะมีตำนานที่คนพูดถึงกันมากที่สุดอยู่ เหมือนเอาตำนานต่างๆ มาเชื่อมโยงเป็นหนังเรื่องเดียว ก็จะมีตำนานผี ป๊อก ป๊อก ครืด นักศึกษาแถวภาคเหนือคงรู้จักกันดี เพราะเรื่องนี้ดังมากๆ แล้วก็มีตำนานลิฟท์แดง อันนี้หลายคนคงเคยได้ยิน เพราะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แล้วก็มีตำนานศพหายในห้องดับจิต อันนี้เด็กเรียนแพทย์ต้องเคยได้ยินมา อีกเรื่องก็คือศาลในห้องน้ำหญิงที่เฮี้ยนมาก เห็นว่าทุกวันนี้ก็ยังมีศาลนี้ตั้งอยู่ในห้องน้ำของมหา’ลัยที่นั่นนะ
Q ปกติเป็นคนกลัวผีหรือเปล่า
เป้ย : คือเรื่องผีสำหรับเป้ยเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ใครท้าหรือให้ไปเล่นอะไรที่เกี่ยวกับผีเป้ยจะไม่เอาเลย แต่เป้ยคือถ้าเป็นคนกลัวแล้วจะอยากรู้อยากฟัง อย่างถ้ามีหนังผีติดต่อมาให้เล่นเป้ยก็จะสนใจเป็นพิเศษ (หัวเราะ) คือโรคจิตไงยิ่งกลัวยิ่งอยากลอง เวลาไปกองถ่ายแต่ละครั้งเป้ยก็จะพกของไปเยอะมาก ก็จะมีพวกยันต์ พวกของแก้เคล็ดต่างๆ แล้วเวลาไปถ่ายที่ไหนก็ต้องไหว้พระตลอด ต้องซื้อพวงมาลัยไปไหว้ เพราะแต่ละสถานที่สุดยอด โรงเรียนร้างบ้างล่ะ โรงพยาบาลเก่าบ้างล่ะ คือมีวิธีแก้ไขยังไงเป้ยทำหมดเลยค่ะ อย่างดีที่สุดคือต้องมีพระติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อความอุ่นใจ (หัวเราะ)
Q เห็นว่าเวลาถ่ายทำฉากที่ต้องอยู่ในรถหน่วยกู้ภัย เป้ยจะมีอาการแปลกๆ ทุกครั้ง
เป้ย : วันนั้นจำได้เลยว่าเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวมาก คือเครียดมาก พอรู้ว่าต้องขึ้นรถของมูลนิธิจริงๆ ก็กลัวจนสมองมันตีบไปเลย ทีมงานก็มาบิ้วท์ว่าถ้าเจออะไรห้ามทักนะ ถ้าเกิดว่าเห็นอะไรก็ไม่ต้องพูดขึ้นมา ก่อนจะขึ้นรถก็ต้องมีขออนุญาต ต้องมีการบอกกล่าว เราก็ท่องไว้ในใจว่าอย่าตามกลับบ้านนะ เราก็จะพกยาดม แล้วพอถ่าย แอร์ในรถก็เสีย ก็เลยต้องปิดหน้าต่าง ก็กลัวจนเหงื่อแตกโดยอัตโนมัติ พอกลัวปุ๊ปก็เลยเริ่มซุ่มซ่าม หัวโขกนู่นนี่เต็มไปหมด คือมันกลัวจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เป็นประสบการณ์ที่เป้ยจะไม่มีวันลืมค่ะ (หัวเราะ)
Q ส่วนตัวเชื่อเรื่องตำนานที่เกิดขึ้นในสถาบันต่างๆหรือเปล่า
เป้ย : ก็ค่อนข้างเชื่อนะ เพราะแต่ละสถาบันก็จะมีตำนานที่แตกต่างกันอยู่ คือถ้าดูภายนอกมหา’ลัยจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยหน้ากลัว เราเคยถูกทิ้งอยู่ที่มหา’ลัยคนเดียวตอนที่ไม่มีใครแล้ว คือเราสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวทุกอย่าง เราจะสัมผัสได้ถึงความนิ่งเงียบ แล้วในหัวสมองเราก็จะจินตนาการไปต่างๆนาๆ เป้ยว่าในแต่ละสถาบันก็จะต้องเจอเรื่องราวอะไรแบบนี้ อย่างตัวเป้ยก็เคยมีเพื่อนเล่าให้ฟังว่าบันไดหรือห้องน้ำในมหา’ลัยที่มันปิดตาย ก็จะมีเรื่องเล่าว่ามีคนตายอยู่ในห้องน้ำ คือเป็นเรื่องของคนที่มีความรักกับพี่ชาย แต่รักกันไม่ได้ ก็เลยต้องมาผูกคอตาย ห้องน้ำนี้ก็เลยถูกปิดตายไว้ตลอด ก็เลยไม่เคยมีใครกล้าไปลบหลู่ เป้ยเชื่อว่าในแต่ละที่ย่อมมีตำนานอยู่ในนั้น
Q พูดถึงพี่จงพี่จักรสองผู้กำกับในเรื่องนี้
เป้ย : พี่จงพี่จักรน่ารักมากค่ะ คือตอนแรกจะดูดุๆ ดูไม่ค่อยเล่น แล้วเป้ยเป็นคนขี้เล่น ก็จะชอบไปแกล้งนู่นแกล้งนี่ มีทะลึ่งใส่ หลังๆพี่เขาก็เริ่มเล่นด้วย พี่จงจะเป็นคนที่ซีเรียสตลอดเวลา แต่ว่าอย่างพี่จักรจะเป็นคนที่เล่นได้หน่อย ยังเล่นมุกเล่นอะไรได้ แต่พี่จงนี่จะซีเรียสตลอดเวลา แต่พี่เขาจะเป็นคนเก่งมาก ต้องยอมรับว่าในเรื่องของการแสดงหนังเป้ยก็ยังไม่มีประสบการณ์ แต่พี่จงทำให้เป้ยเข้าใจตัวละคร แล้วก็สามารถทำให้เป้ยงัดฝีมือออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
Q อย่างเวลาที่ต้องแสดงออกว่ากลัว เป้ยมีวิธีการสื่อสารออกมาอย่างไร
เป้ย : คือด้วยตัวละครที่เป้ยเล่นจะไม่ค่อยสื่อสารถึงความกลัวออกมาให้เห็น จะค่อนข้างนิ่งๆ ถ้าเวลากลัวก็จะแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า และแววตาที่จะแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างชัดเจน ซึ่งตัวเป้ยเองถ้ากลัวผีแล้วตกใจจะเต็มที่อยู่แล้ว ก็ต้องปรับ คือต้องทำความเข้าใจเรื่องราว แล้วก็อินกับตัวละครให้ได้มากที่สุด คือบรรยากาศในการถ่ายทำทุกอย่างมันช่วยบิ้วท์ด้วย
Q กับการที่ได้มาเล่นหนังสยองขวัญแบบเต็มๆ ครั้งแรก เป้ยคิดว่าจุดที่ยากที่สุดคืออะไร
เป้ย : จุดที่ยากคือเป็นเรื่องการแสดง เพราะตัวเป้ยจะหนักไปทางแสดงละครซะส่วนใหญ่ อย่างถ้าแนวน่ากลัวจริงๆ ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แล้วก็เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะบางทีเป้ยก็เผลอเล่นออกไปเยอะเหมือนกัน ก็ต้องมีการคุยกันใหม่ ปรับกันใหม่ในเรื่องของการแสดง ซึ่งเป้ยถือว่ามันไม่ง่ายเลยนะ จากที่เคยเล่นละครมาเป็นสิบๆเรื่อง แต่พอมาเล่นหนังเรื่องเดียว เป้ยเหมือนแบบตกม้าตายไปเลย เป้ยยอมรับเลยว่าเป็นอะไรที่ยากสำหรับการเล่นหนัง แต่ก็ทุ่มเทเต็มที่ค่ะ
Q ความน่าสนใจของ มหาลัยสยองขวัญ
เป้ย : เป้ยคิดว่ามันน่าสนใจตรงการที่รวบรวมตำนาน ของแต่ละตำนานมาหลอมรวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน เป้ยคิดว่ามันน่ากลัวตรงนี้ ประเด็นก็คือว่าตัวเป้ยจะเข้ามาเกี่ยวข้องและโยงเรื่องราวทั้งหมดมาเข้ากันยังไง หมวยจะเข้าไปเจอเรื่องราวแต่ละเรื่องของแต่ละสถาบันได้อย่างไร เป้ยคิดว่ามันน่าสนใจ คือทุกอย่างที่เคยเป็นแค่เรื่องเล่า แต่ในหนังเรื่องนี้ได้เพิ่มเรื่องราวตัวละครเข้าไปอีก คือน่ากลัวกว่าเรื่องเล่าหลายเท่าตัว ก็อยากให้มาดูกัน
Q ฝากผลงาน
เป้ย : ยังไงก็ขอฝากภาพยนตร์มหา’ลัยสยองขวัญด้วยนะคะ เพราะว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เป้ยได้ร่วมงานกับทางสหมงคลฟิล์มฯ ก็ค่อนข้างเป็นงานที่ประทับใจมากมากแล้วอีกอย่าง ตำนานที่เกิดขึ้นเอามาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมหา’ลัยที่ดังๆทั้งนั้น คือเป็นการเอาตำนานมาเกี่ยวโยงเป็นเรื่องๆเดียวได้ ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ต้องมาชมกัน 22 ตุลาคม นี้นะคะ