บทสัมภาษณ์น้องพลอย ใน ความสุขของกะทิ

บทสัมภาษณ์น้องพลอย ใน ความสุขของกะทิ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นับแต่มีการประกาศสร้างภาพยนตร์ที่มาจากวรรณกรรมซีไรต์เรื่อง ความสุขของกะทิ แฟนหนังสือและแฟนภาพยนตร์ต่างก็จับตามองโปรเจ็กต์นี้ทันทีว่า เด็กคนไหนจะได้มารับบทเด่นในคาแร็คเตอร์ของ กะทิ เด็กน้อยที่ต้องตัดสินใจในการก้าวเดินต่อไปของชีวิตตนเองอย่างกล้าหาญ

และแล้ว เมื่อภาพของ น้องพลอย-ภัสสร คงมีสุข ได้รับการเผยโฉมหน้าอันสวยใส ตากลมโต กับผมทรงม้าเต่อ เพียงเท่านี้ก็ โดนใจ และเรียกคะแนนทั้งจากแฟนหนังสือและแฟนภาพยนตร์ไทยมาตุนไว้เป็นทุนแทบจะในทันทีทันใด จากนี้ไปอีกไม่กี่วัน การแสดงของน้องพลอยก็จะถูกเปิดเผยบนจอภาพยนตร์ เมื่อนั้นตำแหน่ง นักแสดงเด็กน่าจับตามอง คงไม่หนีไปไหน และ ทรงผมหน้าม้าเต่อ คงจะ อิน กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง...เป็นแน่ แนะนำตัวให้รู้จักกันหน่อย สวัสดีค่ะหนูชื่อ เด็กหญิงภัสสร คงมีสุข ในเรื่อง ความสุขของกะทิ หนูรับบทเป็น กะทิ ค่ะตอนนี้อยู่ชั้น ม. 1 โรงเรียนชลกันยานุกูลแสนสุขค่ะ ชอบเรียนศิลปะเพราะวาดรูปพอได้ แต่ตอนเล่นยังอยู่ชั้น ป. 6 อยู่เลยค่ะ เข้ามาเล่นเรื่อง ความสุขของกะทิ นี้ได้อย่างไร น้องพลอย : คุณแม่เขาอ่านหนังสือพิมพ์เจอประกาศรับสมัครค่ะ ก็เลยลองสมัครมาดู และก็ได้มาลองแคสดูค่ะ ตอนแคสพี่เขาก็ให้เล่นเหมือนคุยกับพี่ทองน่ะค่ะที่ร้านกาแฟ

พอจำได้ไหม คุยว่ายังไงกันบ้าง น้องพลอย : หนูก็จำได้แต่บทของหนูค่ะ ประมาณว่า ตาตั้งชื่อร้านกาแฟว่า สภากาแฟ แล้วก็คุยกับพี่ทองเรื่องตากับยาย คุยว่ายายหวงยิ้มเอาไว้อัดกระป๋องส่งนอก อะไรอย่างงี้ค่ะ บทของกะทิมีนิสัยยังไง เป็นเด็กยังไงบ้าง น้องพลอย : กะทิจะเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งค่ะ เป็นเหมือนคนที่รักครอบครัว แล้วก็อยู่กับทุกคนได้ หนูชอบนิสัยกะทิตรงที่เขาอดทนน่ะค่ะ คือเขาไม่อยากจะร้องไห้ให้คนอื่นเห็นค่ะ เหมือนกับคิดว่าคนอื่นเขาเสียใจไปด้วย ในเรื่อง ทำไมกะทิจึงต้องมาอยู่กับตากับยาย น้องพลอย : เพราะว่าคุณแม่เขาป่วยก็เลยฝากให้มาอยู่กับคุณตาคุณยาย อยู่กับคุณตาคุณยายกะทิเขาก็มีความสุขค่ะ ตอนแรกไม่รู้ด้วยว่าแม่ตัวเองป่วย แล้วตอนหลังก็มารู้ ตอนที่อยู่กับคุณตาคุณยาย คุณตาคุณยายก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง พอหลัง ๆ ตาเขาอยากให้ไปเยี่ยมแม่ค่ะ เพราะว่าแม่เขาใกล้จะหมดชีวิตแล้ว ก็เลยพากันไปเยี่ยมแม่ กะทิก็ดีใจค่ะที่ได้ไปเยี่ยมแม่เพราะว่าแม่กำลังใกล้ตายแล้ว แต่ก็เสียใจลึก ๆ นะคะ แต่เก็บอารมณ์ไม่ให้คนอื่นรู้ค่ะ คาแร็คเตอร์ของกะทิ กับนิสัยของน้องพลอยมีอะไรที่ตรงกันบ้างมั้ย น้องพลอย : ก็เก็บอารมณ์เก่งค่ะ ไม่ร้องไห้ง่าย ๆ น้องพลอยจะไม่ค่อยร้องไห้ค่ะ จะชอบแหย่คนอื่นเรื่อย สนุกดีค่ะ แต่ต้องเป็นคนที่สนิทกันหน่อยแล้วนะคะ ถ้าไม่รู้จักกันก็ไม่กล้าค่ะ พอรู้ว่าได้มาเล่นเป็น กะทิ ในเรื่องนี้ รู้สึกยังไงบ้าง น้องพลอย : ก็รู้สึกดีใจค่ะ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ ตอนแรก ๆ ที่ไปแคสตัวเองผมยาวก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ แล้วพี่เค้าบอกว่าเทปที่ไปแคสมันไม่มีเสียง ก็เลยต้องกลับไปแคสอีกรอบค่ะ แล้วก็ตกลงเรื่องตัดผมด้วย ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองจะได้หรือเปล่า แต่คิดว่าตัวเองไม่ได้แน่ ๆ ก็เลยตกลง (หัวเราะ) แต่พอรู้ว่าได้ ก็ดีใจค่ะ ก็เลยต้องตัดผมด้วย ตอนแรก ๆ ที่เห็นทรงผมใหม่ก็หัวเราะตัวเองค่ะ เพราะว่ามันตลก มันไม่เคยตัดหน้าม้าเต่อน่ะค่ะ แต่ตัดไปตัดมาก็เข้ากับหน้าตัวเองเหมือนกันค่ะ (ยิ้ม) รู้สึกกดดันไหมที่ได้รับบทนำเป็นเรื่องแรก น้องพลอย : ก็ตอนแรกก็กดดันค่ะ แล้วพอจริง ๆ พวกพี่เขาก็ใจดี คอยบอกหนูบอกว่าให้ใจเย็น ๆ นะคือเหมือนเราก็มีกำลังใจ แล้วเขาก็คอยบอก คือไม่ให้เราตื่นเต้นหรือแบบคิดอะไรกดดันอะไรอย่างงี้

เรื่องของทรงผมใหม่แบบนี้มีเพื่อนๆ ล้อมั้ย น้องพลอย : มีค่ะ ล้อว่ายัยเอ๋อ เพราะว่าหน้ามันเป็นหน้าม้าเต่อ เพื่อนหนูถามว่าทำไมถึงต้องตัด หนูบอกว่าได้เล่นหนัง มันเป็นคาแร็คเตอร์ของกะทิ แล้วพอนาน ๆ เข้าเพื่อนเขาอยู่กับหนูบ่อยขึ้นเขาก็บอกว่า พลอยผมยาวขึ้นหรือเปล่า ทำไมน่ารักขึ้น เขาคงชินกันแล้วค่ะ เห็นมีใครตัดผมเหมือนกันกับพลอยหรือยัง น้องพลอย : ยังไม่มีนะคะ แต่ว่าคล้าย ๆ กันก็มีบ้างค่ะ คือตัดหน้าม้าเหมือนกันแต่ยาวกว่า ไม่สั้นเต่อเท่านี้ค่ะ (หัวเราะ) แล้วในหนังในเรื่องนี้มีใครเป็นเพื่อนของกะทิบ้าง น้องพลอย : ที่สนิทกันก็มี ชมนาด แล้วก็ พิราวรรณ ค่ะ ชมนาดจะเป็นลูกแม่ค้าก็เลยพูดเก่ง ชอบพูดแบบตลก ๆ เป็นคนที่พูดมากจะโดนคนอื่นเขาว่าบ่อย ๆ แต่พิราวรรณเขาก็จะเป็นคนเงียบ ๆ เรียบร้อย มักจะไม่ค่อยพูดแล้วก็ไม่ค่อยเล่นกับใครค่ะ ในเรื่องมีรุ่นพี่ที่กะทิค่อนข้างกลัวด้วย น้องพลอย : ค่ะ พี่เค้าชื่อ ป้อมยักษ์ ในเรื่องค่ะ จะเป็นคนตัวใหญ่กว่าคนอื่น แล้วก็จะเป็นคนเกเร และเป็นคนเหมือนขี้เกียจด้วย ตอนเวลาจะทำอะไรก็ชอบให้รุ่นน้องทำ ไม่ชอบทำเอง ตอนเวลากินก็ถือปิ่นโต 2 ปิ่นโตมากิน ไม่ค่อยเรียบร้อย ก่อนมาเล่นในเรื่องนี้ น้องพลอยได้อ่านหนังสือเรื่อง ความสุขของกะทิ มาก่อนหรือเปล่า น้องพลอย : ก็อ่านมาแล้วเหมือนกันค่ะ ตอนแรก ๆ อ่านแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะตอนแรก ๆ หนูไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือค่ะ (หัวเราะ) แต่พออ่านไปอ่านมาแล้วก็รู้สึกสนุก อ่านแล้วรู้สึกประทับใจ สนุกน่ะค่ะ หนูว่ามันมีเศร้าแล้วก็มีสนุกด้วย แต่ละวันของกะทิ ต้องทำอะไรบ้าง น้องพลอย : ตื่นเช้ามาก็จะได้เสียงคุณยายทำอาหาร ได้กลิ่นอาหาร ก็เลยตื่นมาอาบน้ำ แล้วก็ต้องตักบาตร นำอาหารไปโรงเรียน แล้วก็กลับมา แล้วก็ดูละคร บางครั้งก็ไม่ได้ดูก็ต้องรีบขึ้นไปหายาย แล้วก็ไปทานข้าวแล้วก็ไปส่งผ้า แต่ยายชอบดุกะทิเพราะยายอยากให้เป็นเด็กดี เวลากะทิกลับมาจากโรงเรียนแล้วกะทิไม่ยอมเปลี่ยนชุด ยายก็จะดุ ก็เลยต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ

แล้วตัวจริงของน้องพลอยเป็นแบบนี้หรือเปล่า น้องพลอย : ไม่เป็นนะคะ น้องพลอยก็คือถ้ากลับบ้านมาจะเปลี่ยนชุดก่อนทุกครั้ง แล้วค่อยอาบน้ำ นิสัยชีวิตความเป็นอยู่ในเรื่องต่างจากชีวิตจริงมั้ย น้องพลอย : ก็ต่างกับเราเยอะค่ะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้กรุงเทพฯ เขาจะฟังเพลงดูละครกันเยอะ แต่กะทิเขาแบบไม่ค่อยฟังเพลง กะทิจะอยู่กับธรรมชาติที่คนในเมืองไม่มีก็จะเป็นพวกคลอง กะทิอยู่ที่บ้านคลองป่า มีบ้านทรงไทย ถ้าให้ย้อนกลับไปอยู่แบบกะทิน้องพลอยจะอยู่มั้ย น้องพลอย : ก็อยู่ค่ะ เพราะว่าพลอยชอบธรรมชาติ ชอบต้นไม้ เพราะบ้านน้องพลอยก็ปลูกต้นไม้เต็มเลย จะปลูกต้นทับทิม กุหลาบ มีพวกต้นเข็มดอกเข็ม แล้วก็มีต้นมะยม น้องพลอยคิดว่ากะทิชอบอยู่บ้านไหนมากกว่ากัน น้องพลอย : น้องพลอยคิดว่ากะทิน่าจะชอบอยู่บ้านทรงไทยมากกว่า เพราะมันดูเป็นธรรมชาติกว่า เหมือนอยู่มาตั้งแต่เด็กจนโตด้วย ถ้าเป็นน้องพลอย น้องพลอยเลือกอยู่ที่ไหน น้องพลอย : ชอบบ้านทรงไทย แต่น้องหนูจริง ๆ เขาไม่ค่อยชอบ (หัวเราะ) น้องพลอยเล่าเรื่องย่อให้ฟังได้มั้ยว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร น้องพลอย : ก็เหมือนกะทิอยู่กับคุณตาคุณยายมานานแล้ว ตากับยายก็จะให้ไปเยี่ยมแม่ กลัวแม่อยู่ได้อีกไม่นาน ก็ให้กะทิตัดสินใจเอง กะทิเขาก็อยากไปเจอแม่ด้วย เขาก็เลยตัดสินใจไปเยี่ยมแม่ หลังจากเจอแม่แล้วก็รู้สึกดีใจ แต่พอรู้ว่าอยู่กับแม่ได้อีกไม่นานก็รู้สึกเสียใจมาก หลังจากนั้นทุกคนก็รู้สึกเศร้าที่รู้ว่าแม่จะอยู่ได้อีกไม่นาน คุณแม่ก็จะคอยปลอบใจทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วง คุณแม่เค้าก็จะเตรียมของต่าง ๆ เยอะแยะไว้ในห้องที่มีลิ้นชักอะไรพวกนี้ที่แม่จะให้กะทิรู้ว่าแม่รักกะทิแค่ไหนค่ะ เข้าฉากวันแรกเป็นยังไงบ้าง น้องพลอย : เข้าฉากวันแรกเป็นฉากเปิดไปเข้าห้องของแม่ค่ะ ฉากนั้นเขาจะให้เราเปิดเข้าไปห้องของแม่ แล้วก็ให้ดูของสะสมเรื่องวันเก่า ๆ ของแม่น่ะค่ะ แล้วลุงตองจะเป็นคนเล่าให้ฟัง ตอนแรกก็ตื่นเต้นเพราะไม่เคยเล่นเป็นตัวนำของเรื่อง แต่พอไป ๆ มา ๆ พี่ ๆ เขาก็ใจดีกับหนู ทั้งพี่ทีมงานแล้วก็พี่ ๆ นักแสดง เขาใจดีแล้วเขาก็คอยสอนหนูตลอดเวลา ก่อนที่จะมาเล่นเรื่องนี้ได้ไปเรียนการแสดงมาบ้างไหม น้องพลอย : ก็เคยเรียนนะคะ เค้าก็ให้สมมติว่าต้องทำอย่างนี้ ๆ ก็พอทำได้นิดหน่อย แต่ตอนมาเล่นเรื่องนี้ พี่ ๆ เค้าก็สอนว่าหนูจะเล่นยังไงค่ะ ก็สนุกดีค่ะ แล้วพี่ทีมงานเขาก็เป็นคนที่หัวเราะเก่ง แล้วก็เป็นคนที่ร่าเริง พี่เจนกับพี่เชอร์รี่ แล้วก็พี่นักแสดงทุกคนก็จะบอกบทหนูด้วย แล้วก็คอยสอนแอ็คติ้งด้วยค่ะ พี่เจน (ผู้กำกับ) เป็นยังไง ดุมั้ย น้องพลอย : พี่เจนเป็นคนที่ไม่ดุค่ะ ใจดี ตอนแรกหนูก็คิดว่าพี่เจนเป็นคนดุ เพราะว่าเขาเหมือนน่ากลัว แต่ร่วมงานไป ๆ มา ๆ เขาก็สนุก ตลกแล้วก็คอยสอนแอ็คติ้ง บอกว่าหนูควรทำยังไง ๆ น้องพลอยมีวิธีการทำอารมณ์กับการแสดงยังไงบ้าง น้องพลอย : ตอนแรก ตอนเช้า ๆ น้องพลอยจะสวดมนต์ทุกเช้าแล้วก็ทุกเย็นเลย ก่อนนอนด้วย แม่บอกว่าให้นั่งสมาธิ แม่บอกว่าจะได้มีสมาธิจำบท น้องพลอยจะเป็นคนอ่านบทเอง เพราะแม่เขาบอกว่า ถ้าไม่อ่านเองแล้วกลัวจำไม่ได้ แต่ก็มีทั้งจำได้กับจำไม่ได้ด้วยค่ะ ในกองถ่ายน้องพลอยสนิทกับใครมากที่สุด น้องพลอย : ก็มีพี่นักแสดง ลุงตอง พี่เชอร์รี่ แล้วก็มีชมนาด พิราวรรณ แล้วก็มีทีมงานคนอื่น ๆ และก็นักแสดงคนอื่น ๆ ด้วย เพราะเล่นกับทุกคน ชอบแหย่คนอื่นค่ะ

คุณตาสะอาดเป็นยังไงบ้าง น้องพลอย : คุณตาจะเป็นคนเคร่งขรึม เป็นคนที่ดูเหมือนน่ากลัว แต่เขาใจดีคอยบอกบทหนู เห็นหนูพูดไม่ได้เขาก็คอยตัดบทหนูให้มันง่ายขึ้นน่ะค่ะ เขาบอกว่าสงสารเด็ก แล้วคาแร็คเตอร์ของคุณตาในเรื่องนี้เป็นคนยังไง น้องพลอย : คุณตาในเรื่องเขาเป็นคนใจดี แล้วก็เป็นคนที่ฉลาดรอบรู้ มีคนพึ่งพาเยอะ ในเรื่องกะทิจะสนิทกับคุณตามากที่สุด คุณตาจะพาไปพายเรือเล่นแล้วก็ชอบเล่าเรื่องยายให้กะทิฟังอยู่เรื่อย คุณยายจะเป็นคนยังไง น้องพลอย : คุณยายจะเป็นคนที่เงียบ ๆ แล้วก็เหมือนดุกะทิอยู่บ่อย ๆ แต่ที่จริงเขาก็เป็นคนใจดีค่ะ ตัวจริงของคุณตาคุณยายนอกเรื่องเป็นคนยังไง น้องพลอย : เป็นคนใจดีค่ะ เขาก็สอนเรื่องการแสดงด้วย นักแสดงทุกคนเขาก็สอนเรื่องการแสดงแอ็คติ้งหนูหมดเลย แล้วเขาก็บอกว่าจะทำได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร ให้ทำสมาธิก่อน ให้พักก่อนได้ พูดถึงคุณแม่ในเรื่องเป็นคนยังไง น้องพลอย : เป็นคนที่รักลูกมาก ไม่อยากจะจากกับลูก แต่ว่าเวลาที่อยู่กับลูกชอบทำให้ลูกบาดเจ็บ เพราะแม่ไม่สบายมากค่ะ ก็เลยต้องแยกจากลูก แต่จริง ๆ ก็รักลูกมาก ๆ ค่ะ

แล้วพอกะทิได้เจอกันกับแม่แล้วรู้สึกยังไงบ้าง น้องพลอย : เหมือนอยากจะร้องไห้ เพราะว่าตอนเวลาแม่เขาจากกับลูกนาน ๆ แล้วเขารักลูกมาก เขาจะคิดถึงลูกมากค่ะ พอเจอกันก็ทั้งดีใจที่ได้เจอ แต่ก็เศร้าที่เจอกันได้แป๊บเดียว แล้วก็ต้องจากกันแล้วค่ะ แล้วน้าฎาในเรื่องล่ะเป็นคนยังไง น้องพลอย : น้าฎาเป็นคนที่ใจดีแล้วก็ถ้าพูดถึงน้าฎาจะเป็นเพื่อนของแม่ จะเป็นเพื่อนของแม่ทุกคนเลยทั้งน้าฎา น้ากันต์ ลุงตอง แล้วทุกคนก็จะเป็นคนที่คอยดูแลกะทิ พามาห้องของคุณแม่น่ะค่ะ พี่ทองในเรื่องเป็นยังไง น้องพลอย : พี่ทองเป็นคนเงียบ ๆ แล้วก็ชอบอยู่กับกะทิ คือชอบมาคุยด้วย ช่วยเหลือกัน เป็นเหมือนพี่ชายจริง ๆ เลยค่ะ พี่ไอซ์ที่เล่นเป็นพี่ทอง เป็นคนยังไง น้องพลอย : พี่ไอซ์เป็นคนตลกค่ะ แล้วเขาก็เงียบๆ ถ้าหนูคุยเขาถึงจะคุยด้วย แต่ส่วนมากหนูจะชอบไปแหย่เขามากกว่า ไปล้อเขาว่าพี่ไอซ์พุงป่อง แล้วเขาก็งอนไปเลยค่ะ (หัวเราะ) ในเรื่องนี้ได้เพื่อนใหม่ๆ เยอะเลย เพื่อนใหม่ๆ ที่ได้รู้จักเป็นคนยังไง น้องพลอย : ตอนไม่รู้จักกัน ตอนเวลาเจอครั้งแรกๆ ก็เห็นแพรเขาจะเงียบ ๆ ตอนแรกคิดว่าน่ากลัว ก็หนูเจอใครครั้งแรกหนูก็จะกลัวก่อน แล้วพอเล่นกันไปเล่นกันมาก็สนิทกัน เพราะเขาก็เป็นคนนิสัยดี แล้วก็แบบบอกว่าพลอยได้หรือเปล่า หรือไม่เขาก็หาเรื่องช่วยหนูอยู่เรื่อย แพรนี่คือคนที่เล่นเป็นชมนาดค่ะ คนอื่น ๆ ก็เล่นกันได้สนุกสนานค่ะ หนูชอบเล่นกับเพื่อน ๆ ค่ะ วันที่ต้องแยกกัน น้องพลอยมีร้องไห้ด้วยหรือ น้องพลอย : ก็มีค่ะ เพราะว่าเราสนิทกัน ไม่อยากจะจากกันเพราะเล่นกันบ่อย ก็เลยสนิทกันแล้วค่ะ

ฉากสุดท้ายที่เล่นด้วยกันคือฉากไหน น้องพลอย : ฉากที่แปลงผักค่ะ ก็สนุกดีค่ะ เวลาที่ขุดดินก็ชอบขุดดินไปแหย่กันไปเล่น ๆ ค่ะ ในฉากครูสั่งให้ปลูกผักค่ะ แล้วก็ให้กลุ่มเราปลูกพริกขี้หนู เพราะว่ากลุ่มอื่นเขาเลือกไปหมดแล้ว ในเรื่องก็จะมีพี่ป้อมยักษ์รุ่นพี่เขาก็มาปลูกเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่อยากรดน้ำเอง เขาไม่เคยมารดแปลงผักของตัวเอง ชอบให้รุ่นน้องมารดให้ แล้วเขาก็ชอบมารังแกคนอื่น เขาบอกว่ามีน้ำใจรดให้แปลงของเขาบ้าง แต่ชมนาดเขาก็จะวีนค่ะบอกว่า ครูบอกว่าให้ต่างคนต่างทำ แล้วป้อมยักษ์เขาก็จะเดินเข้ามา แล้วหนูก็จะไปซ่อนอยู่ข้างหลังกับเพื่อน แต่ตอนหลังพี่ป้อมยักษ์เขาก็โดนลูกบอลค่ะ ลูกบอลลอยมาโดนหัวเลยค่ะ เขาโกรธค่ะ แล้วก็จะมีพี่ทองชวนไปเล่นบอล ทุกคนก็เลยวิ่งไปเล่นบอลกันหมด ไม่มีใครสนใจพี่ป้อมยักษ์เลยค่ะ ฉากที่เล่นฟุตบอลเป็นยังไงบ้าง น้องพลอย : สนุกค่ะ แต่ก็ร้อนด้วยเพราะถ่ายกลางแดดด้วย ฉากนั้นกะทิต้องเป็นโกลค่ะ ซึ่งโกลคนเดิมคือเชิงรบค่ะ เขาหกล้มเป็นแผลก็เลยให้กะทิเป็นแทน เพราะว่ากะทิเป็นคนอาสาเอง สนุกค่ะ เพราะว่าเขาไม่ได้เตะจริง ๆ ถ้าเตะจริง ๆ หนูก็คงเตะไม่ได้ แล้วหนูก็เป็นคนกลัวลูกบอลด้วย ตอนที่เป็นโกล ชอบหันไปทางเพื่อนแล้วก็หัวเราะ แล้วเพื่อนบางคนเขาจะตกเก้าอี้ ชมนาดเขาก็บอกว่าเหมือนทอมเลย ที่เล่นมามีฉากไหนที่เล่นยากที่สุด น้องพลอย : ฉากที่ยากที่สุด หนูว่าไม่มีเลย เพราะว่าทุกคนร่วมมือกันหมดเลย คอยสอนหนูตลอดเวลาหนูก็เลยคิดว่าไม่มีอันไหนยาก มีฉากร้องไห้มั้ย น้องพลอย : ก็นิดหน่อยค่ะ ฉากที่อยู่บนชายหาด คือกะทิเขาร้องไห้แบบว่าเสียใจเรื่องเกี่ยวกับคุณแม่ แต่ไม่อยากให้คนอื่นเขาเห็น กะทิก็เลยวิ่ง คือไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองร้องไห้ พยายามเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ให้มากที่สุดค่ะ แล้วคือทนไม่ได้แล้วจริง ๆ เป็นครั้งแรกที่กะทิเขาร้องไห้ได้เยอะขนาดนี้ คือตอนร้องไห้แล้ววิ่ง พี่เจนเขาให้ปล่อยอารมณ์ ให้ปล่อยเสียงดัง ปล่อยอย่างที่หนูเคยทำ พี่เจนเป็นคนสอน พี่เจนเขาเป็นคนตะโกนเสียงดังเลยร้องเลย เพราะเขาบอกว่าให้ร้องไห้ดัง ๆ กว่านี้อีก (หัวเราะ) ตอนนั้นทำอารมณ์อยู่นานไหม น้องพลอย : ไม่นานค่ะ ตอนนั้นคิดถึงเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ของเรา คิดว่าถ้าคุณแม่เราในเรื่องเป็นอย่างนี้จริง ๆ ก็คงจะเสียใจ ก็คิดอย่างงี้ค่ะ ก็เลยร้องไห้ แล้วมีพี่ทีมงานทุกคนเขาก็ช่วยด้วย เขาบอกว่าน้องพลอยทำได้หรือ ก็ค่อย ๆ นะใจเย็น ๆ เขาก็ทำให้หนูร้องไห้ได้เร็วกว่าเดิมด้วย ไม่ได้เร่งด้วยค่ะ เพราะว่าถ้ารีบร้อนจะไม่เป็นธรรมชาติค่ะ

ฉากนี้เล่นอยู่กี่เทค น้องพลอย : เล่นอยู่ 3-4 เทคค่ะ มีปัญหาก็คือเทคแรกตอนที่ก้มหน้าแล้วร้องไห้ เทค 2 วิ่งผิดเกือบเลยเพราะวิ่งแล้วไปสะดุดทรายเพราะมันเป็นหลุมน่ะค่ะ เทค 3 ก็ไปถึงแล้วมองม้าแล้วเราก็มองผิด แต่อีกเทคหนึ่งก็ได้พอดีค่ะ วิ่งเหนื่อยมั้ยฉากนั้น น้องพลอย : ไม่เหนื่อยค่ะ ก็ได้ออกกำลังกายด้วย ฉากนี้กะทิขี่คอพี่น้อยด้วย น้องพลอย : ค่ะ เป็นฉากที่พี่น้อยเหมือนให้วิ่งแข่งกันว่าใครถึงโรงแรมก่อน แล้วหนูก็วิ่งเลย เขาก็เลยปลอบหนูเพราะว่าเขาเห็นหนูร้องไห้ ได้ขี่คอพี่น้อยด้วย รู้สึกยังไงบ้าง น้องพลอย : เสียว ๆ เสียวตกค่ะ (หัวเราะ) ได้คุยกับพี่น้อยมั้ย เขาเป็นคนยังไงบ้าง น้องพลอย : พี่น้อยเขาก็เป็นตนใจดีค่ะ ชอบบอกให้หนูใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ทำ เคยฟังเพลงของพี่น้อยมั้ย แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นนักร้อง น้องพลอย : ไม่เคยฟังค่ะ ไม่รู้ว่าเขาเป็นนักร้อง เพิ่งมารู้ตอนที่มากองกะทินี่แหละค่ะ ในเรื่องฉากยากไม่มี แล้วมีฉากไหนที่สบายๆ บ้าง น้องพลอย : ฉากนอนค่ะ สบายที่สุด (หัวเราะ) พูดถึงฉากพายเรือที่ต้องนั่งเรือไปกับคุณตา น้องพลอย : ตอนนั่งเรือไปกับคุณตาหนูรู้สึกเสียว ๆ ตอนแรก ๆ ที่หนูลงเรือ หนูไม่เคยกลัวเรือ แต่ว่าเรือที่นั่งไปแล้วมันจมเหมือนน้ำจะเข้ามา ก็เลยกลัว เพราะไม่เคยนั่งไม่เคยนั่งแบบที่น้ำมันสูงขนาดนี้ ตอนพายเรือกันไปก็คุยเรื่องบท คุณตาเขาบอกว่าจะได้ทำให้จำได้ค่ะ (ยิ้ม) ฉากนี้ก็ไม่ยาก คุณตาจะพายเรือพากะทิเที่ยว แล้วกะทิก็จะดึงดอกบัวขึ้นมา บางทีคุณตาก็พายเรือเลยไป หนูก็ต้องไปเก็บจากด้านหน้าแทน ฉากนั้นก็ประมาณ 4-5 เทค เพราะมีดึงไม่หลุดด้วย แล้วก็พายเรือไม่ตรงด้วยค่ะ ฉากที่คุณยายถามกะทิว่าอยากไปหาแม่ไหม ฉากนั้นเป็นยังไงบ้าง น้องพลอย : รู้สึกว่าอยากเจอแม่ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง พูดไม่ถูกค่ะ ก็เลยนิ่ง ๆ แต่ก็รู้สึกดีใจด้วย เศร้าด้วย หลายอารมณ์ค่ะ มีฉากหนึ่งกับลุงตอง ฉากนั้นเป็นยังไงบ้างช่วยเล่าให้ฟังหน่อย น้องพลอย : ลุงตองเขาก็จะแนะนำเก๊ะที่เป็นของสะสมของคุณแม่ให้กะทิฟัง เพราะเก๊ะแต่ละเก๊ะก็จะเขียน พ.ศ.ไว้ ใลุงตองก็หยิบผ้า มี 2 ผืนของแม่ที่ถักเองกับให้ยายถัก มันเหมือนเป็นของ ๆ แม่ที่อยากให้กะทิดูค่ะ ก็เปิดไป 3 ช่อง ก็มีรูป มีผ้า แล้วก็มีเอกสาร ตัวผ้าเหมือนแบบว่าตอนแม่เขาถักเหมือนถักไม่สวยมันจะเบี้ยว ๆ พอยายถักเอาไว้ส่งให้ครู...จะถักเรียบร้อย ฉากที่หัวหิน ที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นยังไงบ้าง น้องพลอย : ฉากนั้นเหมือนกินอาหารตอนเย็นพร้อมครอบครัวที่มีแม่อยู่ด้วยแล้วทุกคนก็พูดเกี่ยวกุบแม่ บางคนก็รู้สึกเสียใจ กะทิตอนแรกก็ไม่รู้เรื่อง แต่ทุกคนก็พยายามยิ้มไม่ให้กะทิคิดอะไรมากค่ะ แล้วฉากที่แม่เปิดอัลบั้มรูปให้กะทิดู แล้วกะทิก็เปิดให้แม่ดูด้วย เป็นยังไงบ้างฉากนี้ น้องพลอย : ก็เหมือนกับเล่าที่ไปโรงเรียนมาให้แม่ฟัง เพราะว่าแม่ไม่เคยไปโรงเรียนของเรา ไม่เคยเจอเพื่อน ๆ ของเรา ก็เลยเล่าให้แม่ฟัง เล่าให้แม่ได้รู้จัก เพราะว่าก่อนหน้านี้แม่ก็เล่าให้กะทิฟังเกี่ยวกับลุงตอง, น้าฎา แล้วก็น้ากันต์ด้วยค่ะ เล่าว่าตอนกะทิเกิดก็ไปเที่ยวน้ำตกกันทุกคนจะสนิทกัน แต่ตอนกะทิเกิด ลุงตองเขาซื้อดอกกุหลาบไว้เต็มห้องเลย ยายเขากลัวหลานแพ้เกสรดอกไม้ ก็เลยทะเลาะกัน เขม่นกันมาตลอดค่ะ

ฉากซ้อนจักรยานคุณตา เป็นอย่างไรบ้าง น้องพลอย : รู้สึกกลัว เพราะกลัวคุณตาขี่ไม่ถนัด เพราะหนู่นั่งซ้อนหลังกลัวตัวเองตัวหนัก แล้วคุณตาเขาขับเหมือนแย่เล่นด้วยแกล้ง บางครั้งก็เลยต้องให้พี่เจนมาขี่จักรยาน (หัวเราะ) เล่นหนังเรื่องนี้ประทับใจอะไรบ้าง น้องพลอย : พี่ ๆ ทีมงาน แล้วก็นักแสดงทุกคนค่ะ เขาเป็นคนดีคอยสอนแอ็คติ้งแล้วก็คอยบอกบท คอยให้หนูทำได้ แล้วก็คอยเป็นกำลังใจให้หนูค่ะเป็นเหมือนพี่ ๆ น้อง ๆ ครอบครัวเดียวกันเลย เล่นหนังเรื่องนี้ได้เดินทางไปหลายที่ด้วย ไปไหนมาบ้าง น้องพลอย : ไปหัวหิน แล้วก็อยุธยา แล้วก็กรุงเทพฯ ค่ะ ชอบจังหวัดไหนมากกว่ากัน น้องพลอย : ชอบหัวหินค่ะ ชอบตรงวิวของทะเลค่ะ ได้เล่นน้ำทะเลหรือเปล่า น้องพลอย : ได้ค่ะ แต่พี่เจนเขาไม่อยากให้เล่น เค้ากลัวหนูดำค่ะ มีปัญหาในการแสดงบ้างมั้ย น้องพลอย : ไม่มีค่ะ แต่ก็มีเกรงนิดหน่อยเพราะตื่นเต้น เพราะไม่เคยเป็นตัวนำเรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย แต่เล่น ๆ ไปก็ไม่มีปัญหานะคะ เพราะพี่ ๆ ทุกคนก็สอนหนูกันหมดเลย น้องพลอยคิดว่าหนังเรื่องกะทิมีความน่าสนใจตรงไหนทำไมคนถึงต้องเข้ามาดู น้องพลอย : หนูว่าหนังเรื่องอื่นเขาก็แบบว่า ส่วนมากเขาก็คือ มีพวกสนุกสนานไม่ค่อยมีเกี่ยวกับครอบครัวน่ะค่ะ เพราะเรื่อง ความสุขของกะทิ มันเกี่ยวกับกะทิแล้วก็ครอบครัวที่เหมือนแบบว่าตายายก็เป็นครอบครัวของเราเหมือนกับรักกันน่ะค่ะ คือไม่ต้องเป็นพ่อแม่หรือใคร ก็เป็นครอบครัวเดียวกันได้ แม้กระทั่งญาติด้วย จะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับความรักที่ไม่จำเป็นต้องได้กับพ่อแม่ก็ได้ ที่ได้จากย่าหรือคุณตาคุณยาย เพราะในบางครั้งคุณแม่ของบางคนต้องไปทำงาน แล้วกลับมาเย็นก็ต้องอยู่กับคุณตาคุณยาย คุณตาคุณยายบางคนก็ใจดี คอยดูแลหลานรักหลาน คือเราสามารถเลือกความรักความสุขได้ด้วยค่ะ น้องพลอยก็อยากให้เพื่อน ๆ ได้มาดูหนัง ความสุขของกะทิ กันนะคะ เพราะหนังเรื่องนี้เขาจะสอนเกี่ยวกับความรัก ความสุขของกะทิ จะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับความรักกับความสุขให้เพื่อน ๆ ได้รู้ อย่าลืมมาดูกันนะคะ ช่วงปีใหม่และวันเด็กที่จะถึงนี้น้องพลอยอยากให้เพื่อน ๆ มอบความสุขด้วยหนังเรื่อง ความสุขของกะทิ กันค่ะ (ยิ้ม) ประวัติ น้องพลอย-ภัสสร คงมีสุข (รับบทเป็น กะทิ ในเรื่อง ความสุขของกะทิ) ชื่อ ด.ญ. ภัสสร คงมีสุข (พลอย) อายุ 12 ปี น้ำหนัก 33 กก. สูง 152 ซม. การศึกษา ม.1 โรงเรียน ชลกันยานุกูลแสนสุข จ.ชลบุรี ความสามารถพิเศษ ไอซ์สเก๊ตช์, เต้นห่วงฮูลาฮูป กีฬาที่ชอบ แบดมินตัน, ว่ายน้ำ, เต้นห่วงฮูลาฮูป สีโปรด สีม่วง งานอดิเรกยามว่าง อ่านหนังสือการ์ตูนความรู้ อาหารจานโปรด สเต๊กหมู, ไอศกรีม ผลไม้ที่ชอบ แอปเปิ้ลลูกเล็ก สัตว์เลี้ยงตัวโปรด หมากระเป๋า สไตล์การแต่งตัว เสื้อยืดกางเกงเอี๊ยมขาสั้น สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไป (ในประเทศ) หัวหิน ประเทศที่อยากไป ญี่ปุ่น ดาราที่ชื่นชอบ แพนเค้ก, นุ่น วรนุช, เชอรี่ เข็มอัปสร นักร้องที่ชื่นชอบ บี้ เดอะสตาร์ ผลงานการแสดง ความสุขของกะทิ อธิบายความเป็นตัวเอง เป็นคนร่าเริง ชอบสนุก จริงใจ สดใส คติประจำใจ รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ ของ บทสัมภาษณ์น้องพลอย ใน ความสุขของกะทิ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook