บทสัมภาษณ์ ชาคริต แย้มนาม
ถาม : ช่วยแนะนำตัวแล้วบอกว่ารับบทเป็นใครในภาพยนตร์เรื่องนี้
ชาคริต : ชาคริต แย้มนาม รับบทเป็นก้องเป็นคนที่คอยช่วยเหลือ ดูแลเรื่องข่าวสารต่างๆ ที่โจ คือ นิโคลัส เคจ เขาอยากรู้ก่อนที่เขาจะไปฆ่าใคร ว่าคนนั้นเป็นใคร อย่างไร แล้วก็ไปที่ไหนอะไร ยังไง
ถาม : แล้วในเรื่องนี้รับบทเป็นมือปืนต้องมีฟิตซ้อมร่างกายอย่างไรบ้างค่ะ
ชาคริต : มีเรียนคิวบู้ มีเข้า workshop คิวบู้แต่ว่าไม่หนักมาก มันจะออกไปในแนวความสัมพันธ์ของโจกับก้อง ของผมกับ นิโคลัส เคจ กับเวอร์ชั่นนี้ เขาจะทำเป็นในแนวอาจารย์กับลูกศิษฐ์ มากกว่าออกเป็นดราม่า และในตัวของ นิโคลัส เคจ จะเป็นแอคชั่นมากกว่า สำหรับตัวผมจะเป็นแบบที่คอยช่วยเหลือเขาประมาณนี้ครับ
ถาม : อย่างที่บอกในเรื่องนี้เป็นเหมือนอาจารย์กับลูกศิษฐ์ กับ นิโคลัส เคจ แล้วในชีวิตจริงนี่พอได้ร่วมงานกับเขา เขาได้สอนหรือคริตได้เรียนรู้อะไรกับเค้าบ้าง
ชาคริต : ในการร่วมงานกับนิโคลัส เคจ ดีครับ เขามีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว และก็เหมือนกับนักแสดงทั่วไปที่เวลาทำงาน ก็จะมีการปรึกษากันว่าควรทำแบบนี้แบบนี้ ค่อนข้างจะมีความเป็น team work สูงมากๆ เป็นคนที่ใจเย็นและเหมือนคนเชียมากๆ เป็นคนเรียบง่าย น่ารักครับ
ถาม : อยากให้เล่าถึงการที่ได้เข้าไปทำงานในหนังเรื่องนี้ว่าเริ่มไปแคสติ่งได้อย่างไร
ชาคริต : ตอนแรกทางฝ่ายแคสติ้งได้โทรเข้ามาให้เราลองไปออดิชั่นดู ผมก็ลองไปดูเพราะเราไม่ได้ใส่ใจกับการแคสติ้งอยู่แล้ว เราก็ไปวันนึง แล้วเขาก็ติดต่อเข้ามาอีกประมาณสองครั้ง แล้วก็กลับไปประมาณ 3 ครั้ง เขาก็บอกให้ลองเล่นแบบนี้ให้ดูซิ ลองพูดภาษาอังกฤษให้ชัดซิ ลองพูดภาษาอังกฤษให้ไม่ชัดซิ แล้วก็ได้เจอกับโปรดิวเซอร์ คือ วิลเลี่ยม ชาลาจ ได้คุยกับเขา แล้วเขาก็ส่งออดิชั่นของเราไปที่ LA รู้สึกว่านิโคลัส เคจ เขาได้ดูแล้ว เขาก็เป็นคนเลือกเอง
ถาม : พอจะทราบมั้ยค่ะว่าเค้าถูกใจเราตรงไหน
ชาคริต : ผมไม่ทราบครับ คงต้องถามทางฝ่ายแคสติ้ง หรือว่าคงต้องถาม นิโคลัส เคจ เขาเลยครับ
ถาม : รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้ร่วมงานกับนิโคลัส เคจ ซึ่งถือว่าเป็นพระเอกระดับต้นๆของฮอลลีวู้ดเลย
ชาคริต : ที่จริงพอหลังจากแคสติ่งแล้ว ตอนแรกพอรู้ว่าได้ก็ยังไม่รู้สึกอะไร หลังจากนั้นผ่านไป 2 เดือน แล้วก็กำลังจะเปิดกล้องแล้วอีก 2 อาทิตย์ พอทีมงานเค้าเริ่มเข้ามา ก็ เอ้ย! นี่ นิโคลัส เคจ นะ อยู่ดีดีเหมือนอารมณ์มาช้าความรู้สึกช้ามาก รู้สึกตื่นเต้นยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็ขำขำกับอารมณ์ของตัวเองเหมือนกัน มันเหมือนกับมันไม่จริงยังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนกับว่า นี่จริงหรอ ฝันอยู่รึเปล่าประมาณนี้นะครับ
ถาม : ฉากแรกที่ได้ร่วมเข้าฉากกับเขาเป็นฉากอะไรพอจำได้รึเปล่าค่ะ
ชาคริต : อืม!! จำไม่ได้ครับ แต่ส่วนมากจะได้เข้าฉากด้วยกันตลอดไปด้วยกันตลอดส่วนใหญ่ครับ
ถาม : ในการถ่ายทำในไทย ได้มีการพา นิโคลัส เคจ ไปเที่ยวที่ไหนบ้างมั้ยค่ะ
ชาคริต : เค้าก็ถามผมเหมือนกันว่าเขา สามารถไปเที่ยวที่ไหนได้บ้างมั้ย ผมบอกเขาว่าแค่ตัวผมเองก็แย่อยู้แล้ว แค่ผมไปไหนอยู่เฉยๆ ยังเป็นเรื่องได้เลย ถ้าไปด้วยกันคงจะแย่พิลึกนะ เขาก็บอกว่า เออ! นะ ข่าวอย่างนี้ถ้าเกิดมีคนเห็นเค้าไปเดินอยู่ในห้าง แล้วถ่ายรูปโพสไปถึงอเมริกา ก็จะมีคนเขียนข่าวถึงเราอีก ก็เลยอย่าเลย แต่ก็จะคุยเล่นกันตลอด จะสนุกในการทำงานซะมากกว่า เพราะเขาเองก็มีครอบครัวมาด้วย เขาก็คงดูแลครอบครัว เขาด้วย ซึ่งเขาเป็นแฟมมิลี่แมนมากๆ น่ารักมาก
ถาม : แล้วเราเคยได้ติดตามผลงานของเขาจากภาพยนตร์เรื่องไหนมาก่อน
ชาคริต : ผมติดตามผลงานเขามาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เขาเล่นหนังมาเยอะมากก็ได้ดูเกือบทุกเรื่องที่เขาเล่นนะครับ
ถาม : แล้วนี่ถือเป็นการเปิดตัวกับการทำงานของพี่คริตในระดับฮอลิวู๊ดครั้งแรก การทำงานของเขาแตกต่างจากการทำงานของไทยอย่างไรบ้าง
ชาคริต : ผมว่าจริงๆ แล้วเหมือนกันนะ แต่ของเขาจะมีอุปกรณ์ต่างๆ เยอะกว่ามีที่พักให้มีรถให้ คือมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้เยอะกว่า แต่ในความเป็นจริงทางด้านศิลปะมันเหมือนกันมาก มันไม่ต่างเพราะศาสตร์ของหนังก็คือหนังทั่วโลกมันก็เหมือนกัน มันอยู่ที่วินัยแล้วก็ความตั้งใจของทีมงานและนักแสดง เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกใช่ว่าจะใช้ตลอด แต่อาหารจะดีมาก มีอาหารกินได้ทั้งวัน เพราะเราจะหิวกันตลอดกองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ
ถาม : แล้วในการทำงานหละค่ะ กับนิโคลัส เคจ เวลาเขาทำงานกับเรา เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนอย่างไร
ชาคริต : ถ้าเปรียบกับคนอเมริกันทั่วไปที่เราได้สัมผัสมา พื้นฐานเค้าจะมีอะไรที่คล้ายกับคนเอเชียมาก ตัวเขาเองก็คงจะชอบอะไรที่เป็นเอเชียด้วยอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่อบอุ่นแล้วก็เป็นคนที่มีความเป็นทีม work สูงมาก แล้วก็ไม่ถือตัว จะเป็นคนที่ทำงานก็คือทำงาน เขาจะไม่มีความเป็นดารามาเกี่ยวข้องซึ่งทุกวันนี้ที่เขาเป็น นิโคลัส เคจ ได้ เพราะด้วยวินัยและความตั้งใจด้วยความเป็นมืออาชีพของเขาเอง เพราะเขาทำได้จริงๆ
ถาม : แล้วใน Bangkok dangerous คริตรับบทเป็นคนรักของเป้ยอยากให้พูดถึงเป้ยว่าการ ทำงานกับเป้ยปานวาดเป็นอย่างไรบ้างค่ะ
ชาคริต : ก็เจอกันไม่บ่อยนักในเรื่องแต่พอเจอกันก็สนุกครับ เพราะว่ากับเป้ยก็รู้จักกันอยู่แล้ว และเคยทำงานร่วมกันมาก่อน เค้าก็เป็นเด็กก๊งๆ คือสนิทกันมีหยอกล้อกัน ตามประสาเพื่อนร่วมงานมันก็สบายใจ
ถาม : แล้วสำหรับฉากกุ๊กกิ๊กอะไรมีมั้ยค่ะ กับเป้ย ปานวาด
ชาคริต : ก็มีนิดๆ ครับ แต่ไม่ได้เยอะอะไร มีที่เราไปดูที่เค้าทำงาน เขาก็จะเป็นสาวโคโยตี้ที่เต้นอยู่ พอไปก็จะมีกอดอะไรนิดหน่อยมีหยอกล้อกัน ไม่ได้รุนแรงอะไรกันมาก
ถาม : ในเรื่องนี้เป็นแนวแอคชั่น อยู่แล้วจะต้องมีเข้าฉากบู้แอคชั่นมีบาดเจ็บหรือพลาดคิวบ้างมั้ยค่ะ
ชาคริต : ส่วนใหญ่จะเป็นผมกับนิคเข้าด้วยกัน ก็มีที่จะต้องปะทะกัน เขาก็สอนศิลปะป้องกันตัวการที่แขนต้องปะทะกัน แล้วก็ตีกันแบบแรงมากคือไม่ต้องใช้เอฟเฟกต์ เสียงมันจะดังมาจากข้างนอกบ้านที่เราสร้างอยู่ในสตูดิโอ พอออกมาจำได้ว่าจะมีเก้าอี้ผมกับ นิโคลัส เคจ อยู่ พอนั่งเสร็จปุ๊บ เค้าก็จะเอาน้ำแข็งยูนิคมาให้คนละถุงแล้วก็โปะที่แขน แล้วก็นั่งหัวเราะกันอยู่อย่างนั้นนะครับ
ถาม : แล้วสำหรับ Bangkok dangerous เล่าถึงอีกมุมนึงที่น่ากลัวในกรุงเทพฯ ถ้าเกิดมีคนนิยามว่าพี่คริตเป็น dangerous guy พี่คริตจะตอบพวกเขาว่าอย่างไรบ้าง
ชาคริต : คงไม่ต้องตอบอะไร เพราะทุกวันนี้ก็โดนสารพัดแล้วครับ (หัวเราะ) ไม่รู้นิยามของผมว่าจริงๆมันคืออะไรบ้าง รู้สึกว่ามีหลายเวอร์ชั่นก็เลยปล่อยมันไปเถอะครับ เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ดีกว่าครับ
ถาม : มาถึงผู้กำกับบ้าง ให้เล่าถึงผู้กำกับทั้งออกไซค์และแดนนี่ แปงค์ ว่าการทำงานร่วมกันเป็นอย่างไรบ้าง
ชาคริต : การทำงานกับเขาเป็นอะไรที่ค่อนข้างไวมากรวมทั้งที่เค้าก็ยังเป็นทั้งตัดต่อและทำอะไรเองคือเขารู้ว่า เขาต้องการอะไร ภาพเค้าต้องการใช้แค่ไหน เขาก็เอาแค่นั้น เขาไม่ฟุ่มเฟือยฟิล์มมาก แล้วก็คือการทำงานเร็วและทีมงานเค้าก็เหมือนครอบครัว เพราะเขาทำงานมาด้วยกันไม่รู้กี่เรื่องมันก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร
ถาม : แล้วมาถึงฉากที่ประทับใจที่สุด หรือว่าอะไรที่ประทับใจมากๆจาก Bangkok dangerous นี้ค่ะ
ชาคริต : คงประทับใจวันที่ปฏิวัตินะครับ วันนั้นที่เขาห้ามเคลื่อนย้ายไปไหน เราก็อยู่ที่ท่าดินแดงจำได้ว่าเราไม่ได้ถ่ายด้วย วันนั้นคือไปนั่งรอแล้วเค้าก็กำลังถ่ายนิคอยู่ แล้วมันก็มีฟ้า ฝน สักพักรถถังก็เริ่มออกมาวิ่งแล้วทุกคนฝรั่งก็เริ่มตกใจแบบว่าอยากกลับบ้าน ทุกคนก็ไปไหนไม่ได้ ต้องนั่งอยู่กับที่ก็มามองหน้ากันคือจะทำยังไงดีกับชีวิต
ถาม : ฉากนั้นเป็นฉากอะไร พอจำได้ไหมค่ะ
ชาคริต : เป็นฉากใกล้ๆ สุดท้ายแล้ว ที่นิคเค้าต้องลุยไปช่วยผมออกมาจากโกดัง ซึ่งเขาก็ถ่ายอยู่และผมก็รอเข้าฉาก แต่ก็ดันมีการปฏิวัติเกิดขึ้น เป็นสถานะการที่เกิดขึ้นระหว่างถ่ายทำ ตื่นเต้นดีครับ
ถาม : ฉากไหนที่รู้สึกยากที่สุดในการถ่ายทำค่ะ
ชาคริต : คงเป็นเรื่องของมอเตอร์ไซค์ครับ เพราะผมขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น มีไปหัดอยู่สองวันแล้วก็ต้องมาขับ มีขับโมเป็ดเสร็จก็ขับบีเอ็มคันใหญ่เลยแต่ก็ดีครับด้วยความเป็นหนังฝรั่ง เค้าจะไม่ค่อยให้นักแสดงต้องเสี่ยงอันตราย เค้าจะมีการรักษาความปลอดภัยไว้ดีมาก
ถาม : ถ่ายทำเรื่องนี้นานมั้ยค่ะ
ชาคริต : ใช้เวลาถ่ายประมาณ 2 เดือนกว่า
ถาม : อยากให้ขยายความว่าคาแรคเตอร์ของก้องว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ชาคริต : เป็นเด็กที่ค่อนข้างจรจัดที่เอาตัวรอดโดยการหากินอยู่กับนักท่องเที่ยวกับฝรั่ง เหมือนเด็กที่อยู่ตามพัดพงษ์หรือซอยคาวบอย เหมือนเป็นเด็กที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย แล้วนิคมาเล็งเห็นว่าไอ้เด็กคนนี้พอใช้ได้ก็เลยเอามาทำงานด้วยเพราะความจริงแล้วเป้าหมายของเค้าพอใช้งานเสร็จก็จะฆ่าทิ้ง
แต่สุดท้ายก็เหมือนเรากลายเป็นลูกศิษย์เขา เรามีอะไรบางอย่างที่ไปดึงความรู้สึกเขา จากความรู้สึกของนักฆ่าคนนึง ทำให้มนุษย์ดิบๆคนนึง เค้ามีความเป็นมนุษย์มากขึ้นทำให้เค้ามีความอ่อนโยนออกมาด้วย พร้อมกับตัวนางเอกเอง ชาลี หยาง เองก็ทำให้เค้าเห็นมุมมองของความเป็นมนุษย์มากขึ้น นอกจากที่จะใช้ชีวิตอยู่แต่ด้วยการเป็นนักฆ่า ซึ่งเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ดึงตรงนั้นออกมาจากตัวของ นิโคลัส เคจ ในเรื่องครับ
ถาม : ในเรื่องเล่าถึง ชาลี หยาง นิดนึงได้เข้าฉากร่วมกับตัวนางเอกรึเปล่าค่ะ
ชาคริต : ชาลี หยาง ผมไม่ได้เข้าด้วยเลยครับ ผมจะเข้าแต่กับ นิโคลัส เคจ กับเป้ย
ถาม : ได้ดูหนังต้นฉบับมาก่อนรึเปล่าค่ะ
ชาคริต : หนังต้นฉบับ มีที่แล้วที่ไปลงเสียงที่แคนนาดา ก็มีดูอยู่นิดนึง แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนจบเป็นเช่นไร เพราะมันก็ผ่านมาปีกว่าแล้ว พวกฝรั่งก็บอกว่าชอบเขาบอกว่าสนุกดี
ถาม : อยากให้เล่าถึงฉากใหญ่ของเรื่องว่าเป็นฉากอะไรค่ะ
ชาคริต : ฉากใหญ่ของเรื่องคือฉากที่ไปถ่ายที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกที่ราชบุรี แล้วก็ต้องมีการขับเรือหางยาว ต้องไปเรียนขับเรือมา 2 วัน พอไปเจอก็มีทั้งหางยาวที่หนักหางยาวที่เบาแล้วก็ต้องควบคุม แล้วก็มีลากด้วย แต่ก็เป็นฉากไล่ล่าที่ผมกับนิค กำลังจะไปฆ่ามาเฟียคนนึง แล้วเราก็ต้องขับเรือไล่ล่ามีเรือมีมอเตอร์เรือระเบิด มีอะไรหลายๆ อย่าวก็สนุกดีครับ
ถาม : สุดท้ายอยากให้ชวนคนไทยมาดูเรื่องนี้นิดนึง ว่าเรื่องนี้สนุกยังไงและมีอะไรที่น่าสนใจบ้างในเรื่องนี้
ชาคริต : ไม่รู้ครับ (หัวเราะ) ในเรื่องนี้เราก็เล่นด้วยก็ขอให้มาดูแล้วกันครับ เป็นหนังแอคชั่นอีกเรื่องหนึ่งที่สนุกแล้วก็ระดับฮอลิวู๊ดเค้ามาถ่ายทำกันในบ้านเรา ก็อยากให้คนไทยมาอุดหนุนกันเพราะจริงๆ แล้วก็เป็นหนังลูกครึ่งก็ว่าได้ เลยอยากให้มาดูกันรับรองว่าสนุกครับ 4 กันยา นี้ เจอกันทุกโรง Bangkok dangerous ไปดูกันนะครับ