คำสัมภาษณ์ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ

คำสัมภาษณ์ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คำสัมภาษณ์ทูลกระหม่อม

ตื่นเต้นกว่าที่เมืองคานส์หรือไม่เพคะ ตื่นเต้นกว่า คนละบรรยากาศ เมื่อกี๊นี้ดูเองก็เศร้าเอง เล่นเองเศร้าเองต้องรีบเดินออกมา เศร้ามากๆ เศร้ายิ่งขึ้นในทุกๆขั้นตอน ยิ่งตอนที่ใส่ วอยซ์โอเวอร์ ตอนที่พูดก็เศร้า ก็ร้องไห้ อันที่จริงไปฉายที่ภูเก็ตแล้ว เป็นรอบที่หนึ่งเป็นรอบพิเศษ ก็มีเอ็มวีด้วย เอ็มวีเศร้ามาก เอ็มวีนี่ถ่ายที่ภูเก็ต ก็เศร้าตลอด ดูร้อยหนก็คงเศร้า ตัวเองเล่นเองก็เศร้า ความรู้สึกแรกที่ได้ชมจบแล้วเป็นอย่างไรบ้างเพคะ ความรู้สึกลึกๆก็ภูมิใจที่เราก็เล่นได้นะ รู้สึกภูมิใจที่เราได้สร้างอะไรขึ้นมาหลังจากที่เราได้ดูจนจบ ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก คิดว่าตามความรู้สึกของตัวเองก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ใจถึงใจ เป็นอะไรที่ไม่ต้องเป็นคำพูด แต่จะรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างได้ด้วยใจ ทรงคิดว่าประชาชนที่ได้มาชมหนัง จะหลงครูพิมพ์ดาวในเรื่องของการให้มากขึ้นหรือไม่เพคะ คนที่มาชมก็น่าจะชอบ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ฉายจริงๆ ก็ยังไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง แล้วพวกเราที่ได้มาชมกันในวันนี้คิดยังไง ก็ลองคิดขยายผลไปสู่ประชาชนคนดูกันเอาเอง และเมื่อได้ดู ได้ชมภาพยนตร์หนึ่งใจ..เดียวกัน ได้สัมผัสกับเรื่องราวที่บอกเล่าทางภาพ ทางเสียง ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกๆคนก็น่าจะเกิดความรู้สึกร่วม รู้สึกซาบซึ้งใจ และมีความรู้สึกว่าในประเทศไทยของเรายังมีคนที่น่าสงสารมากกว่าตัวเรา ถ้าใครกำลังสงสารตัวเองและประสบอะไรๆที่เป็นความทุกข์ เราอยากให้มองไปนอกตัวเองเสมอว่ายังมีคนอื่นๆอีกมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือ ก็เป็นวิธีดับทุกข์อย่างหนึ่ง ที่จะไม่นึกถึงตัวเองว่าตัวเองมีความทุกข์ยังไง เศร้าระทมยังไง มองไปรอบๆตัวเราว่าเราสามารถที่จะทำอะไรดีๆเพื่อคนอื่น เพื่อสังคม เพื่อประเทศชาติ ทำอะไรดีๆที่จะทิ้งไว้เพื่อให้เกิดความรู้สึกภูมิใจ ส่วนตัวละคร พิมพ์ดาว อย่างน้อยก็ได้ทิ้งอะไรๆดีไว้แล้ว ก่อนที่จะได้เปลี่ยนทัศนคติจากพิมพ์ดาวคนเก่ามาเป็นพิมพ์ดาวคนใหม่ ที่รู้สึกได้ด้วยตัวเอง ฉากสุดท้ายที่จะต้องพูดยาวๆ แล้วต้องร้องไห้ ยากไหมเพคะ เพราะต้องพูดนานมากแล้วก็ต้องร้องไห้ เป็นฉากที่หินมาก ยากที่สุดเพราะว่าเป็นฉากที่ถ่ายทำกันนานมาก สิ่งที่ต้องพูด ต้องพูดยาวๆ อันที่จริงยาวนานมากค่ะ คืนนั้นเป็นคืนที่ยาวนานมากๆๆๆๆเลย เป็นสิ่งที่ยาก อย่างที่พูดแล้วว่าเป็นฉากที่ยากที่สุด แต่อันที่จริง ก็ไม่รู้ว่าพวกเราคิดยังไง เพราะว่าดูแล้วก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองว่าเป็นฉากที่แสดงได้ดีที่สุด เป็นฉากที่ภูมิใจที่สุด นอกจากฉากไฟไหม้ แต่ฉากนี้ยากกว่าเพราะเป็นอารมณ์และเป็นบทที่ยาวที่จะต้องพูดให้ได้จังหวะจะโคน ได้อารมณ์สำหรับคนอื่น ตัวเองต้องพูดให้เกิดอารมณ์จริงๆ เหมือนว่าเหตุการณ์นี้คือเหตุการณ์ใกล้ตัวเรา และเป็นฉากที่ยากแล้วต้องมีล้ม แล้วก็ไม่ใช่แค่ล้มแค่ที่เห็นในหนัง แต่ล้มอีกหลายสิบหน หลังจากนั้นก็เกิดเดี้ยงไปเลย เดี้ยงไปเลยหมายถึงหัวเข่าก็เดี้ยงไปหมดเลย

ประโยคหรือคำพูดไหนของพิมพ์ดาวในเรื่อง ที่จะกึกก้องอยู่ในใจคนไทยหลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้ สิ่งที่พิมพ์ดาว พูดว่า เรามัวแต่นึกถึงตัวเอง นึกถึงผลประโยชน์ตัวเอง นึกถึงตัวเอง ความทุกข์ ความสุขของตัวเอง แต่อย่างน้อยถ้าเรานึกถึงคนอื่นที่อยู่ในเมืองเล็กๆ คนอื่นที่ลำบากกว่าเรา คนตัวเล็กๆในมุมไหนมุมหนึ่งของแผนที่ประเทศไทย เออถ้าเราสนใจเขา นึกถึงเขาบ้างสักนง ก็เท่ากับเราใส่ใจเขาแล้ว เท่ากับเรารู้ว่าเขาต้องการอะไร ไม่ใช่แค่ในโลกนี้มีแต่ตัวเองที่จะต้องสนอง เราต้องสนองคนอื่นด้วย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ทรงทอดพระเนตรหนังเรื่องนี้แล้วหรือยังเพคะ ท่านยังไม่ได้ทอดพระเนตร แต่ว่าจะนำไปถวายการทอดพระเนตร ทรงแสดงกับนักแสดงเด็กยากไหมเพคะ อันที่จริงนักแสดงเด็กๆจะเป็นอะไรที่ท้าทาย ที่ยากพอสมควร เพราะเด็กๆก็เป็นเด็ก คือเขาจะอย่างนั้น อย่างนี้ เพราะเขาคงมีความอดทนน้อยกว่าเรา แต่เท่าที่ทำงานกับเด็กๆมา เป็นคนที่ทำงานกับเด็กๆเยอะ ก็จะสามารถสื่อสารกับเด็กๆได้ดีกว่าผู้ใหญ่ในบางครั้ง บางขณะ อันที่จริงเด็กๆเป็นคนที่เข้าใจได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่มีความคิดอะไรที่เรียกว่า ไม้แก่ดัดยาก ไม้แก่ดัดยากผู้ใหญ่เป็นยังไงเขาก็เป็นอย่างนั้นของเขา แต่เด็กๆเขาจะเป็นคนที่เปิดใจกว้างกว่าผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นในความคิด ของเรามองว่าเด็กๆนี้จะทำงานด้วยง่ายกว่า หมายความถึงว่าเด็กเขาสามารถที่จะสื่อสารหรือเปลี่ยนทัศนคติ เป็นคนที่ธรรมชาติ ทำงานกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถทำงานด้วยกัน ร่วมกันรู้เรื่องมากกว่า ในความคิดของหม่อมเวลาเล่นกับเด็กๆก็ไม่ได้เป็นสิ่งยาก เพราะเราสามารถสื่อสารกับเด็กเข้าใจกันได้ดีพอสมควร ดีมากเลยเพราะว่าเท่าที่ทำงานในโครงการ ทูบีนัมเบอร์วัน ที่ทำงานกับเด็กๆมาก ได้พูดคุยกับเด็กเยอะก็เลยเป็นการที่ไม่มีอะไรยากที่จะติดต่อเด็กๆ

ในตัวของพิมพ์ดาว มีอะไรที่เหมือนและแตกต่างจากพระองค์ท่าน ตัวพิมพ์ดาวเป็นคนแข็ง สิ่งที่แตกต่างเอางี้ ในที่สุดหนังเรื่องนี้ในการแสดงเราก็ต้องเป็นพิมพ์ดาว ในส่วนที่แตกต่างก็คือ พิมพ์ดาวในตอนที่เป็นนักธุรกิจเป็นคนที่มุ่งมั่น ซึ่งความมุ่งมั่นเหมือนกัน ความมุ่งมั่น ความทะเยอทะยาน ความมั่นใจในตัวเองที่จะทำอะไร ต้องการความสำเร็จเหมือนกัน แต่พิมพ์ดาวไม่เหมือนตรงที่พิมพ์ดาวมุ่งมั่นนึกถึงตนเองมากกว่า เยอะกว่าในขณะที่ลูกของพิมพ์ดาว คือพิมพ์ดาวมีอยู่ลูกคนเดียวคือ น้องแพท พิมพ์ดาวก็ไม่สนใจที่จะเข้าใจลูกของตัวเอง เพราะฉะนั้นเมื่อลูกตายไปแล้ว พิมพ์ดาวจะมีความรู้สึกผิดมากกว่าตัวหม่อมมาก ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความผิดของพิมพ์ดาว แต่พิมพ์ดาวก็ต้องถามตัวเองว่ามันเป็นความผิดของพิมพ์ดาว ยังไม่ทันเข้าใจก็ตายจากกันไปแล้ว แล้วจะทำยังไงตรงนี้ที่ไม่เหมือนกัน คือพิมพ์ดาวอาจจะไม่สน แต่จะทำยังไงที่จะนึกถึงว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับพิมพ์ดาว ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อสังคมหรือคนอื่น พิมพ์ดาวจะซื้อโรงเรียนเอาไปสร้างคอนโด เอาไปเป็นสิ่งปลูกสร้างเพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยไม่สนอะไรไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน หรือเพื่อส่วนรวม อีกอย่างที่ไม่เหมือนกันเพราะพิมพ์ดาวไม่แข็งแรง ทรงให้ความสำคัญกับเยาวชนไทย กับโครงการทูบีนับเบอร์วัน กับเรื่องนี้ แล้วจะต่อยอดโครงการกับเยาวชนไทยในอนาคต ยังไงเพคะ ตอนนี้พยายามต่อยอดอยู่แล้ว ถามว่าหม่อมทำงานกับเยาวชนเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ ทูบีนัมเบอร์วัน ในเรื่องนี้ซึ่งจะต่อยอดเป็นโครงการ MOL ตอนนี้พยายามต่อยอดอยู่ ที่เห็นว่าเด็กๆยังขาดโอกาสอีกมาก และพอได้คุยกับเด็กๆจะรู้ถึงความนึกคิด ความรู้สึกของเด็กไทยได้ดีมาก ว่าเขาคิดยังไง เป็นยังไง ต้องต่อยอดจุดไหน อันที่จริงคนเราก็ไม่ได้ใช้ศักยภาพมากหรือได้ใช้ศักยภาพเพียงพอ เราก็พยายามต่อยอดเกี่ยวกับการให้โอกาสทางการศึกษา กับเด็กๆที่ไม่มีโอกาสที่จะได้ศึกษา ในการที่จะเรน เด็กคนไทยทุกๆคนเก่ง ทุกๆคนฉลาด ทุกๆคนต้องมุ่งมั่น เราสร้างกำลังใจ สร้างความนึกคิด สร้างกระแสใหม่ เมื่อไม่มีใครให้โอกาส คนไม่มีโอกาสก็จะไม่มีโอกาส ฉะนั้นหม่อมรู้ดี เพราะอยู่ที่เมืองนอกก็ไม่ได้อยู่อย่างสบายๆ เหมือนคนไม่มีโอกาส ไม่มีงาน เพราะไม่มีประสบการณ์ ไม่มีประสบการณ์ก็ไม่มีงาน เหมือนกับไม่มีเงินที่จะเรียน ถึงอยากเรียนก็ไม่ได้เพราะไม่มีเงิน จึงอยากให้ได้รู้จักศักยภาพของตัวเอง ความสามารถของตัวเอง รู้จักวิธีคิด สร้างกระบวนการใหม่ๆ แล้วก็ในเบื้องลึก เบื้องหลัง สิ่งที่เขาสนใจ เด็กๆที่เขาสนใจเล่นเว็บ เล่น Hi5 อะไรก็ตาม ในเรื่องคอมพิวเตอร์เป็นยังไง เราก็อยากจะสอนเรื่อง IT ต่างๆ ฝึกฝนกระบวนการให้กับเด็กๆ เด็กๆจะได้รู้จักคิดเป็น ทำเป็น ในโลกของ IT

ใกล้ถึงวันแม่ ทรงแนะนำลูกๆและแม่ๆ ใกล้ถึงวันแม่แล้ว ลูกๆแม่ๆก็ควรคุยกันให้รู้เรื่อง ธรรมดาหม่อมคุยกับเด็กๆทุกวัน เด็กๆในโครงการ ทูบีนัมเบอร์วัน ในแง่มุมของเด็กๆ เรามองเขาในแง่ของเด็กๆ เราว่าการไม่เข้าใจกันเรื่องเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ไม่เข้าใจกันทะเลาะกันอารมณ์ก็ขึ้นปรี๊ด ไม่เข้าใจกัน ก็อยากบอกเด็กๆว่าเราก็ต้องพยายามเข้าใจคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็เข้าใจปัญหาและความยุ่งยากใจของคุณพ่อคุณแม่ และทั้งคุณแม่เองก็ต้องพยายามที่ต้องเข้าใจลูกๆว่าคุณแม่เองก็ผ่านวัยรุ่นมาเช่นกัน ก็ต้องเปิดใจกว้างด้วย บางอย่างก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย ให้เห็นในแง่มุมของเด็กวัยรุ่น บางสิ่งบางอย่างมันแก้ไขกลับมาไม่ได้เอาคืนกลับไม่ได้ เหมือนน้ำหกลงไปที่พื้นก็เอากลับคืนไม่ได้ แต่ขนมตกที่พื้นยังกลับเอามาได้แต่ก็ยังสกปรก แต่บางอย่างก็ต้องคุยกันว่าสิ่งใดมันแก้ไม่ได้ สิ่งใดที่เราต้องระวังอย่างเช่น ยาเสพติดเป็นต้น ก็แก้ไม่ได้ บางอย่างเรื่องเล็กๆเราก็ต้องคุยกัน ยอมกันได้ตรงไหนก็ยอม อยากเชิญชวนประชาชนคนไทยมาดูหนัง ในการเชิญพวกเราก็ช่วยเชิญๆด้วย เชิญชวนประชาชนให้มาดูหนัง เป็นภาพยนตร์ที่มาดูแล้วจะรู้สึกด้วยหัวใจ ด้วยการได้สัมผัส ไม่ใช่หนังสือ ไม่ใช่ตัวอักษร บางอย่างเราต้องมาสัมผัสด้วยตนเอง แล้วจะรู้สึก รู้สึกดีๆเข้าใจอะไรบางอย่าง เกิดความภูมิใจในตนเอง เกิดความสุขและความทุกข์ ความเศร้า ถ้าได้ยินว่าเขาเศร้า เขาเศร้ายังไง แล้วก็ต้องมาดูต้องมาสัมผัสด้วยตนเอง ถ้าไม่ได้ดูก็ไม่ได้สัมผัส อย่างน้อยก็มีอะไรในโลกนี้ที่นอกเหนือจากตัวเราอยู่บ้าง มาสัมผัสพิมพ์ดาว ดูซิว่าพิมพ์ดาวคือหม่อมใช่หรือไม่ ถ้าดูแล้วอาจจะคิดต่อไปว่าพิมพ์ดาวมีความเป็นมายังไง คล้ายกับหม่อมหรือแตกต่างจากหม่อมยังไง ให้มาสัมผัสลึกๆด้วยหัวใจ หนึ่งใจเดียวกัน ภาพยนตร์ยิ่งใหญ่แห่งปีที่จะหลอมรวมทุกหัวใจให้เป็นหนึ่งเดียว 7 สิงหาคม ทุกโรงภาพยนตร์

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ คำสัมภาษณ์ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook