บทสัมภาษณ์ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง

บทสัมภาษณ์ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บทสัมภาษณ์ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ผู้รับบท กัปตัน ฤทธิ์ หรือ สลัดตาเดียว โจรสลัดแห่งท้องทะเลอันดามัน ออกเดินทางบนผืนน้ำพร้อมพวกพ้องโจรสลัด และน้องสาวนักบู๊นานนับ10 ปี เพื่อแก้ปริศนาลายแทงขุมทรัพย์ตามตำนาน เป้าหมายคือเกาะมหาสมบัติจนกระทั่งการมาถึงของกลุ่มเด็กๆทั้ง 9 คน ที่ส่งผลให้จินตนาการแห่งการผจญภัยและความฝันแห่งวัยเยาว์ได้ถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้ง Q.ก่อนอื่นอยากให้พี่ตั้วช่วยแนะนำบทบาทและคาแรคเตอร์ที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่อง สลัดตาเดียวกับเด็ก200 ตา A.สวัสดีครับ ผม ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ในภาพยนตร์เรื่อง สลัดตาเดียวกับเด็ก200 ตา ผมรับบท เป็น กัปตันฤทธิ์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ โจรสลัดตาเดียว เป็นทายาทผู้สืบทอดมาจากต้นตระกูลที่เป็นโจรสลัดในตำนาน โดยมีเรือสายลมเป็นพาหนะ เป็นบ้านเป็นทุกอย่าง แล้วก็ล่องเรือไปตามน่านน้ำต่างๆ เพื่อตามค้นหาขุมทรัพย์มหาสมบัติตามลายแทงปริศนา ในขณะเดียวกันก็ยังชีพด้วยการเป็นเสมือนโจรที่คอยปล้นสินค้าทางทะเล ซึ่งก็จะมีเหล่าลูกน้องที่เป็นกลุ่มพวกพ้องโจรสลัดที่อยู่ร่วมกันแล่นเรือมาด้วยกันนานนับ10 ปี และก็มีน้องสาวที่ชื่อว่าดาว (รับบทโดยนุ้ย เกศริน)โดยทั้งหมดก็คือภาพรวมของกลุ่มโจรสลัดที่ต้องมาเกี่ยวพันกับกลุ่มเด็กๆทั้ง9คนที่ต่างเป็นแรงบันดาลใจแก่กันทั้งตัวเด็กและกลุ่มโจรสลัด จนนำไปสู่เรื่องราวผจญภัยแฟนตาซี Q. ความแตกต่างระหว่าง สลัดตาเดียวฯ กับหนังเรื่องโจรสลัดอื่นๆ ที่เราเคยได้ดูกัน A.พูดได้ว่าที่ผ่านมา เราไม่ค่อยได้มีโอกาสเห็นเรื่องราวของโจรสลัดไทย เพราะส่วนใหญ่จะถูกนำเสนอในโลกภาพยนตร์ที่เป็นโจรสลัดต่างชาติมากกว่า สำหรับสลัดตาเดียว มันเป็นเรื่องราวแฟนตาซีที่เป็นเรื่องราวความฝันของเด็กๆซึ่งสนใจใคร่รู้ในเรื่องราวตำนานความเป็นมาของโจรสลัดที่เป็นเรื่องเล่าซึ่งถูกถ่ายทอดต่อๆกันมา โดยโจรสลัดในเรื่องนี้จะเป็นเหมือนกับสิ่งที่สะท้อนถึงความคาดหวังของเด็กๆมากกว่า เพราะฉะนั้นภายใต้เรื่องราวหรือตำนานที่ถูกถ่ายทอดจะเป็นการนำเสนอผ่านมุมมองความคิด ความเชื่อของตัวเด็กๆ เกิดเป็นภาพเหล่านี้ขึ้นมา นั่นหมายความว่าถ้าเราเคยเห็นโจรสลัดในหนังเรื่องต่างๆ มันจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวโจรสลัดโดยตรง อาจเป็นเรื่องของชาติกำเนิดหรือการผจญภัยของเขา แต่สำหรับหนังเรื่องนี้จะถูกสะท้อนผ่านความเข้าใจและมุมมองของเด็กๆ เพราะฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องของภาพลักษณ์ที่เด็กมองว่าโจรสลัดนี้ควรจะเป็นอย่างไร นั่นเป็นจุดหลัก ส่วนวิถีทางของโจรสลัดในเรื่องนี้มันก็ถูกดึงไปในความเป็นแฟนตาซีของเด็กๆ เรียกได้ว่าเป็นจินตนิยายซึ่งเทียบเคียงได้กับปีเตอร์แพน มีเรื่องของความฝัน ความรุนแรงของโจรสลัดแต่มันก็จะรุนแรงอยู่ในดีกรีที่เป็นหนังของเด็ก ดูแล้วสนุกสนานเฮฮาได้ ซึ่งน่าจะเป็นความแตกต่างที่ สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา เป็นเมื่อเทียบกับหนังโจรสลัดเรื่องอื่นๆ

Q.ทราบมาว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ตั้ว ศรัณยูทำงานร่วมกับเด็กๆ A.จริงๆ ก็ไม่ใช่ครั้งแรกนะ เมื่อย้อนการทำงานของตัวเองกลับไปตั้งแต่สมัยที่ทำละครเวทีมา พูดได้ว่าก็จะผูกพันกับเรื่องของเด็กๆเป็นส่วนใหญ่ โดยส่วนตัวแล้ว ชอบนะ ชอบที่จะทำงานกับเด็ก ทำงานให้เด็ก ชอบ ที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องความฝันของเด็กๆ อยู่แล้ว มันก็เลยยิ่งทำให้เราสนุกเมื่อรู้ว่าได้ทำเรื่องเหล่านี้ ต้องบอกว่าการทำงานกับเด็กๆ ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไรอย่างที่หลายคนกังวลว่าอะไรก็ตามที่มี สัตว์เด็ก เอฟเฟ็คต์ สลิง แล้วจะเป็นปัญหา เพราะเอาเข้าจริงๆ ยิ่งเป็นการทำงานในลักษณะของสเกลที่เป็นภาพยนตร์ไทย การถ่ายทำหรือการเตรียมงาน ทางทีมงานสร้างเขาก็พยายามที่จะหาทางหนีทีไล่หรือ เอื้อต่อกระบวนการทำงานที่สุดอยู่แล้ว คือพอเราเล่นกับเด็กแล้วมันไม่ใช่ว่าจะต้องล้อมรอบกับเด็กยี่สิบสี่ชั่วโมงตลอดเวลามันก็ไม่ใช่ มันมีกาจัดการว่าเด็กถ่ายตรงนี้ ผู้ใหญ่ก็พัก พอผู้ใหญ่ถ่ายเด็กก็พัก ซึ่งช่วงเวลาที่ทำงานกับเด็กจริงๆ หน้ากล้องไม่ค่อยมากเท่าไหร่ มันเป็นไปตามจังหวะของบทไปสนุกกับการยกกองไปต่างจังหวัดกับการที่เราเดินทางกว่าจะไปถึงเรือที่เราถ่ายทำได้ ตรงนั้นต่างหากที่เรามีชีวิตร่วมกับเด็กๆ สนุกบ้าง รำคาญบ้างก็ว่ากันไป

Q.สำหรับภาพยนตร์เรื่อง สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา ต้องทำงานร่วมกับด็กๆถึง 9 คนเป็นอย่างไรบ้างเห็นบอกว่าบางคนก็หน้าใหม่ A.เด็กทั้งเก้าคนเขาโชคดีที่ได้มีโอกาสเจอกันก่อนตั้งแต่แคสติ้งแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกันด้วยการไปฝึกซ้อมหรือว่าทำความรู้จักกันมาก่อน ถามว่าเด็กทั้งเก้าคนถ้าไม่นับน้องเกรซที่ผ่านงานมากมายคือบอกไม่ได้บอกว่าเด็กเหล่านี้เป็นนักแสดงมืออาชีพ มันก็ไม่ใช่ แต่จุดดีคือเขาไม่ได้เป็นนักแสดงแต่เป็นเด็กอย่างที่เป็น เขาคุ้นเคย สนุกกันและแสดงความเป็นเด็กออกมาจริงๆ ที่ไม่ใช่การเสแสร้งหรือแอ็คติ้งให้เป็นเด็ก ซึ่งตรงนี้เป็นเหตุผลให้หนังเรื่อง สลัดตาเดียวกับเด็ก 200ตาได้บันทึกเอาความสดใสของเด็กแต่ละคนถูกผลักดันออกมาในหนังเรื่องนี้ได้ตามวัยของเขา

Q.พูดถึงเรื่องสัตว์เด็กเอฟเฟ็คต์สลิง พี่ตั้วเองต้องรับมือกับการแสดงที่มีงานซีจีและนักแสดงเด็ก เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยส่วนตัวรู้สึกหนักใจกับอย่างไหนมากกว่ากัน A.จริงๆ มันเป็นความหนักใจด้วยกันทั้งคู่ (หัวเราะ) แต่มันเป็นความหนักใจที่เราสนุกกับมัน ถ้ามองในแง่การทำงานเราว่ามันยุ่งแน่ๆ ต้องเจอกับเด็กเยอะ ถ้าเป็นซีจีก็ต้องลำบากมากแน่ที่ต้องเล่นกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่ว่าสิ่งที่มันเป็นปัญหา กลับกันมันก็น่าสนุกเหมือนกันนะที่เราจะได้ทำ สนุกตั้งแต่ฟังชื่อเรื่องสลัดตาเดียวกับเด็กสองร้อยตาแล้วพอรู้เรื่องจากพี่ปื๊ดว่าเป็นประมาณนี้ ก่อนที่ จะนึกถึงความลำบาก เราก็จะนึกถึงความสนุกตรงนี้เป็นสิ่งที่ดึงให้เรารู้สึกสนใจที่จะลอง น่าเล่นมากกว่าที่จะไปนึกถึงความยุ่งยากในการทำงาน เพราะพูดได้ว่าเราไม่ค่อยได้ทำงาน หรือได้ดูอะไรที่มันเป็นความบันเี่เป็นแฟนตาซีสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะแฟนตาซีที่มีเรื่องของเด็กเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องของสลัดตัวโตๆที่มีเรื่องของจินตนาการ และความเยาว์วัยที่อัดแน่นอยู่ในจิตใจ Q.เป็นอีกหนึ่งแง่มุมที่เราไม่ค่อยได้เห็น ไม่ค่อยได้สัมผัสกันในภาพยนตร์ไทย A. จะว่าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ เป็นอีกแง่มุมในหนังไทยที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก ว่าด้วยเรื่องความฝันของเด็กมันก็จะมีสูตรหลักๆอยู่ มันเป็นการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายของกันและกัน คือผู้ใหญ่ขาดความฝันบางอย่างที่เด็กมีและเด็กขาดพละกำลังแบบผู้ใหญ่ เมื่อทั้งสองส่วนมาเจอกัน มันเอื้อกัน ภารกิจบางอย่างมันก็สำเร็จลุล่วงซึ่งมันก็อยู่ในสูตรเหล่านี้ ส่วนรายละเอียดก็ว่ากันไป อย่างเรื่องนี้กัปตันเป็นโจรสลัดก็ควรจะดุดัน น่าเกรงขามแต่กลับกลายเป็นโจรสลัดอยู่กับความผิดหวัง ฝังใจเก่า ไม่ทำอะไรแล้วก็ได้แรงกระตุ้นจากเด็ก สิ่งเหล่านี้มันเป็นการเติมให้กันและกัน ซึ่งถามว่าใหม่ไหม โครงนี้มันอยู่ในเรื่องไหนๆ ก็ได้ แต่ว่าส่วนที่ต่างออกไปจากเรื่องอื่นก็คือรายละเอียดของมันมากกว่าว่ามันมาเจอกันอย่างไร คาแรคเตอร์เป็นอย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไร แล้วก็ฉากหรือแบล็คกราวด์ของเรื่องมันเล่าเรื่องแบบไหน เกิดขึ้นที่ไหน บนฝั่ง บนเกาะ บนเรือ ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ต่างไปจากเรื่องอื่นแน่นอน ก็ตรงนี้ที่จะเป็นความแปลกใหม่ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆ ที่เคยทำงานมา ภายใต้โครงเรื่องความฝันที่สวยงามของเด็กๆ มันก็เล่าเรื่องผ่านรายละเอียดที่ต่างกันออกไป

Q.ย้อนกลับไปในอดีตพี่ตั้วเคยร่วมงานกับพี่ปื๊ดมาก่อนใน อย่าบอกว่าเธอบาป แต่พอกลับมาร่วมงานกันอีกในครั้งนี้พลิกอารมณ์ไปเลยจากหนังดราม่าทริลเลอร์ กลายมาเป็นหนังผจญภัยแฟนตาซี ที่มีเรื่องราวของจินตนาการและแฟนตาซี 10ปีผ่านไปทำงานกับพี่ปื๊ดในครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง A. (หัวเราะ) พี่ปื๊ดก็ยังติดอ่างเหมือนเดิม พี่ปื๊ดเป็นคนอารมณ์ดี สนุกสนานเหมือนเดิม ทำงานเร็วในแบบฉบับของพี่ปื๊ด อย่างเรื่องนี้ก็สามารถทำสิ่งที่ไม่คาดฝันว่าจะทำได้ถึงสองวาระด้วยกัน เพราะตอนแรกไม่นึกว่าพี่ปื๊ดจะเอาคนมามากมายหลากหลายที่เป็น นักแสดง ตัวเราเอง นักแสดงตลกอาชีพ และนักแสดงเด็กๆ เยอะแยะไปหมดเลยมาถ่ายทอดเรื่องราวจินตนาการแฟนตาซีของตำนานโจรสลัดและการผจญภัยของเด็กมาอยู่ในเรื่องเดียวกันได้ โดยขนนักแสดงและทีมงานเป็นร้อยๆขึ้นเขา เข้าถ้ำ ลงเรือ ไปรวมกันถ่ายหนังอยู่ต่างจังหวัด บนกลางทะเลถึงจังหวัดกระบี่ด้วยกัน ท่ามกลางหน้ามรสุม คิดดูซิ ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์ในวาระแรก วาระที่สองก็คือสามารถเติมจินตนาการเรื่องราวเพิ่มเติมให้นักแสดงออกไปผจญภัยกับความสนุกสนานของเด็กทั้ง9คนกับโจรสลัดตาเดียวได้อีก คือไอเดียบรรเจิด คือพร้อมที่จะทุ่มเทแรงกาย แรงใจทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้มัน ถึงจุดที่ดีที่สุดภายใต้องค์ประกอบการทำหนังที่มีทั้ง สลัด เด็ก เอฟเฟ็คต์ สลิง ถือได้ว่าพี่ปื๊ดเป็นผู้กำกับไม่กี่คนที่สามารถถ่ายทอดจินตนาการเหล่านี้ให้ออกมาเป็นภาพได้

Q. ฟังๆดูแล้วเป็นกองถ่าย เป็นการทำงานที่น่าจะสนุกสนานแฟนตาซีไม่แพ้ชื่อเรื่องอย่าง สลัดตาเดียวกับเด็ก200ตา A.พอเป็นเรื่องที่ยกกองไปอยู่รวมกัน ไม่ว่าเป็นเรื่องแบบไหนมันเป็นต้นเหตุของความสนุกได้เสมอ ถ้าในงานภาพยนตร์ไทยซึ่งจะต้องคุมงบอยู่ประมาณหนึ่ง ถ้าต้องทำการถ่ายประมาณยี่สิบ สามสิบคิว แล้วก็วันนี้ถ่ายบ้านนี้ พรุ่งนี้ถ่ายถนนนั้น แล้วก็แยกย้ายกันไป มันก็จะเป็นบรรยากาศการทำงานคือช่วงเวลาที่ทำงานแล้วก็แยกย้ายกันไป มันก็จะเป็นงานแบบหนึ่ง แต่พองานที่ต้องยกกองไปอยู่รวมกันนานๆ มันเป็นต้นเหตุของความคุ้นเคยและการใช้ชีวิตร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่กระบี่ร่วมกันอยู่หลายวันแล้วก็อยู่กันทียาวๆ มันทำให้ความคุ้นเคยของการทำงานด้วยกัน การได้ตื่นเช้ามากินกาแฟแล้วคุยกันแล้วทำความเข้าใจกัน นั่งรอเข้าฉากด้วยกัน ไปเล่นกลับมาแล้วมาคอมเม้นท์กันการคุยหรือแซวกันอะไรก็ตาม ทำให้เกิดความกลมกลืนในทีมงาน นักแสดง ความเป็นกันเองเหล่านั้นมันส่งผงให้การแสดงร่วมกันมันลื่น มันคล่อง และไปถึงจุดที่สมบูรณ์ที่สุดที่ผู้กำกับต้องการได้ง่าย มันก็พูดได้ว่าเป็นการทำงานที่มีบรรยากาศสนุกมากๆ เด็กๆถึง 9 คน พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กแต่ละคน นักแสดงตลก ทีมงาน ทีมออกแบบคิวบู๊ นึกภาพแค่ลงไปถ่ายบนเรือก็มีนักแสดงและทีมงานลอยอยู่กลางทะเลร่วมเป็นร้อยแล้ว บางคนก็เมาเรือไปก็มี หรือลงมาจากเรือแล้วยังโคลงเคลงกันก็มี

Q.จริงไหมที่ว่า พอมีเด็กเยอะๆ ผู้กำกับถึงกับต้องมีการเซ็ททีมเฉพาะเพื่อดูแล เด็กๆโดยเฉพาะเลย A.โอ้โห พี่ปิ๊ดมีทีมรับผิดชอบเด็ก มีการ์ดสำหรับเด็กซึ่งทำงานหนักมาก น่าสงสารคนเหล่านี้จะสะพายย่ามหรือในกระเป๋าก็จะมีของเล่น ของกิน ของเด็กเป็นตัวล่ออยู่ ซึ่งถ้าไม่มีคนพวกนี้ก็คงจะวุ่นวายแน่ๆ ความที่มันไปไกลแล้วจะต้องนั่งเรือเล็กไปขึ้นเรือใหญ่ มันมีจุดที่เสี่ยงได้ในหลายๆจุด จุดเสี่ยงเหล่านี้ในวัยเด็กก็คงไม่กลัวอะไรหรอก ความกลัวในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันมีน้อย คนที่กลัวมากกว่าคงจะเป็นผู้ปกครอง พ่อแม่ที่ตามไปด้วย ก็รู้ว่าความยุ่งยากคือต้องสร้างความมั่นใจว่าผู้ปกครองสามารถที่จะรออยู่ที่ฝั่งนะ เพื่อที่จะเอาเฉพาะเด็กลงเรือไป แล้วส่วนหนึ่งก็ต้องดูแลเด็กให้มีวินัย ไม่ซนจนอาจจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งตลอดการถ่ายทำจะเต็มไปด้วยเสียงที่เชื่อว่ากองถ่ายเรื่องอื่นๆคงไม่มีคือ เสียงฉีกห่อขนม พอสักพักมีการจับกลุ่มคนโน้นแซวคนนี้ เด็กแกล้งกันตลอดเวลา เพราะฉะนั้นนักแสดงที่อาวุโสทั้งหลายก็จะไปรวมกลุ่มกันอยู่ท้ายเรือบ้าง หัวเรือบ้าง เพื่อให้ห่างจากเด็กๆ มากที่สุด ให้เขาได้อยู่กับการ์ดเขาไป มันก็จะเป็นแบบนี้พออารมณ์ดีๆ หายเบื่อก็จะเข้าไปนั่งคุยเล่นบ้าง มันก็เป็นการทำงานที่เด็กกับผู้ใหญ่สามารถเรียนรู้ที่จะแยกกันอยู่คนละมุมได้ในเวลาที่ไม่ไหวแล้วก็เวลาที่สบายๆ ก็มารวมกันได้ แต่ว่าต้องชมเด็กๆ เหล่านี้ตรงที่ในระหว่างการทำงานบางทีมันมลายครั้งที่มันต้องเร่งกับเวลาแล้วพอถึงเวลาที่ต้องเอาให้ได้ ต้องมาทำตรงนี้ให้ทัน เด็กๆ เขาก็สามารถจะอยู่ภายใต้คำสั่ง การทำงานที่เร่งรัดกับเวลาได้โดยมีขนม นม เนย เป็นตัวล่อ บางวันถ่ายเสร็จต้องยอมให้ไปเล่นน้ำในสระน้ำ ก็จะมีบรรยากาศแบบนี้ซึ่งเราจะไม่ค่อยได้เห็นในหนังเรื่องอื่นๆ

Q.หนุกหนาน หนิดหนม กันแค่ไหนไม่รู้ แต่งานนี้พี่ตั้วไม่ให้เด็กๆแต่ละคนเรียกลุงเด็ดขาด A.อันนี้ไม่ใช่พี่เป็นคนแรก แต่ทุกคนพากันพูดแบบนี้หมด เริ่มต้นรู้สึกเด็กตัวเล็กๆ ที่สุดเรียกพี่แล้วทั้งหมดก็เลยหันมองว่าทำไมเรียกพี่ พี่ก็เลยยิ้ม เออดี เขาก็เรียกมาตลอดเพราะเรียกง่ายยังพอได้เรียกลุงมันดูไม่ไหว สุดท้ายถึงเรียกพี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเด็กๆ ทำถูกแล้ว ( หัวเราะ) Q.โดยส่วนตัวพี่ตั้วปลื้มการทำงานของเด็กคนไหนเป็นพิเศษไหม A.(หัวเราะ) เด็กๆ แต่ละคนก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป มันก็ตรงตามคาแรคเตอร์ อย่างที่เขาเลือกอยู่แล้ว เขาก็พยายามเลือกเด็กที่มีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไปตามนั้น อย่างคู่แฝดก็น่ารักเหลือเกิน เหลือเกิ้น เหลือเกิน เวลาที่ต้องการเสียงหัวเราะจากเขามันก็ได้ ไอ้ตัวเล็กน้องฟลุทก็เก่ง เก๊ง เก่ง น้องบางคนเขาก็จะแก่แด๊ด แก่แดด ก็ว่ากันไปตามตรง ตามคาแรคเตอร์ของบท เพราะว่าเขาสามารถเป็นไปตามนั้นได้ น้องผู้ชายเขาก็จะทำตัวเป็นพระเอ๊ก พระเอก มันก็ครบถ้วนเขา แล้วก็มีน้องเกรซที่จะเป็นหัวเรือใหญ่ที่จะบงการว่าเด็กๆ ควรจะเรียกร้องอย่างไร เราถ่ายหนักเกินไปแล้ว เราควรจะพักอะไรแบบนี้ เรามองไปเราก็เห็นสังคมย่อยๆ หนึ่ง มันก็ดี มันก็คงเป็นไปตามความต้องการของผู้กำกับที่ต้องการแบบหลากหลายอยู่แล้ว จริงๆ จะไปคอมเม้นท์อะไรตรงนั้นมันก็ยากเพราะว่ามันเป็นกลุ่มก้อนของเด็ก คือถ้าเรื่องนี้มีเด็กอยู่เดียวอาจจะพูดได้ชัดว่าคนนี้ทำงานเป็นอย่างไร แต่ว่าตรงนี้มันกลายเป็นกลุ่มเขาผลัดกันเป็นหัวเรือใหญ่ ผลัดกันมีเรื่องราวของเขาไป เราก็จะมองเขาเป็นภาพรวมมากกว่า

Q.นอกเหนือจากการเป็น 1ในนักแสดง ในฐานะที่เป็นคุณพ่อคนๆหนึ่ง เป็นหัวหน้าครอบครัวจินตนาการ และความเป็นแฟนตาซีของหนังอย่าง สลัดตาเดียวกับเด็ก200ตา คู่ควรในการที่ น้องๆหนูๆและสมาชิกทุกคนของครอบครัวจะไปชมมากน้อยแค่ไหน A.หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ไม่มีพิษไม่มีภัย ถ้าผู้ปกครองสักบ้านหนึ่งจะพาลูกพาหลานเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ ไม่ต้องมีความกังวลใจ ระคายเคืองในเรื่องใดๆ ว่าหนังเรื่องนี้จะมีอะไรที่ทำให้มีทัศนะที่ไม่ดีติดตัวเด็กไป สบายใจได้ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ชี้นำ ไม่ทำให้เด็กพอกพูนนิสัยใดๆ ที่พ่อแม่ไม่พึงให้ลูกหลานควรมีกลับไป อันดับแรกคือตรงนี้ไม่มี เมื่อตรงนี้ไม่มีมองในรายละเอียดต่อไป ถ้าเด็กจะดูหนังสักเรื่องหนึ่งที่ให้ความสุขกับเขาได้ตามวัยของเขา สุขกับการเห็นการผจญภัยของเด็กๆ มันเป็นไปได้หรอ มันเหนือจริง แบบมีฝันหน่อยๆ สำหรับเด็กแล้ว มันต่อยอดให้เด็กได้รู้ว่าอยู่ใน สังคมอะไรที่ควรกล้าแสดงออก กล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำอะไรที่ต่างออกไปบ้าง มันจะนำพาไปสู่ประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจแค่ไหน หนังเรื่องนี้ก็จะเป็นคำตอบได้ แต่ถ้าหากว่าไปดูแล้วไม่ได้สิ่งเหล่านี้มันก็ไม่มีอะไรเสียหาย อย่างน้อยเชื่อว่ามันก็มีความบันเทิงที่เด็กๆ ไปดูแล้วหัวเราะมีความสุขได้ ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นคำตอบที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง น่าจะพอใจถ้าจะพาเด็กไปดูหนัง แต่ถ้าไม่อยากให้เด็กดูหนังเลยนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง Q.ในเมื่อเด็กดูได้ แล้วผู้ใหญ่หละ A.ได้ครับ ซื้อตั๋วเขาไปดูได้เลย ไม่ยากครับ แต่ก็ต้องทำใจแบบเด็กซึ่งถ้าผู้ใหญ่พาเด็กไปดูหนังแล้วตั้งแง่กับหนังไว้อย่างหนึ่ง ผู้ใหญ่คนนั้นอาจจะไม่มีความสุขในการดูหนัง แต่ถ้าไม่คิดอะไรเลยแล้วดูว่าอะไรเกิดขึ้นกับบุตรหลานที่ไปดู เขาน่าจะได้ความสุขจากหนังเรื่อง

Q.ฝากอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องสลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตาหน่อย A.มันมีความยากลำบากมากมายของหนังเรื่องนี้ในการที่จะถ่ายทอดจินตนาการความสนุกสนานของหนังสำหรับทั้งนักแสดงและทีมงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือตัวผู้กำกับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้หนังออกมาดีที่สุดตามทิศทางและแนวทางของหนังที่ผู้สร้าง ผู้กำกับตั้งใจจะให้มันเป็นตามฝัน ในมุมของคนทำงานที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ทำตามแนวทางหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว ก็เหลือแต่ผู้ชมลองไปพิสูจน์ดูว่าถ้าผู้สร้างหนังคิดและทำอย่างนี้ มันได้ผลสะท้อนตรงกับความต้องการของผู้ชมไหมก็เป็นการสื่อสารระหว่างผู้สร้างกับผู้ชมแล้วละครับ ลองไปดูกันครับ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ บทสัมภาษณ์ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook