เรื่องย่อละคร คุณพ่อหวานแหวว
บทประพันธ์โดย : โสภี พรรณราย
ผลิตโดย : ดีด้า
บทโทรทัศน์โดย : สรรพชัย เกิดอุทัย
กำกับการแสดงโดย : ประทุม สินธุอุส่าห์
ออกอากาศทุกวัน พุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
เรื่องย่อละคร คุณพ่อหวานแหวว
รมิดา (ฝนทิพย์ วัชรตระกูล) สาวสวยหน้าหวานมารอรับ แมนยู (ชญานิน เต่าวิเศษ) ลูกชายวัย 5 ขวบที่โรงเรียนอนุบาล เธอเห็นลูกชายตัวน้อยกำลังผลักอกเด็กชายวัยเดียวกันเซล้มลง รมิดาจำได้ว่าเด็กคนนั้นชื่อ น้องบอย เป็นเด็กที่มีเรื่องทะเลาะกับแมนยูบ่อยๆ หญิงสาวรีบวิ่งไปดึงนายตัวดีออกมาก่อนที่แมนยูจะกระโจนเข้าไปฟัดน้องบอยอีก ครูเวรรีบเข้ามาช่วยแยกเด็กทั้งคู่ออกจากกัน รมิดาต้องช่วยครูเวรไกล่เกลี่ยคู่กรณีอยู่ครู่ใหญ่ พอขึ้นรถสองแม่ลูกก็หน้าบึ้งเข้าหากัน แมนยูมอง "แม่ดา" ตาคว่ำ เด็กชายไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ดาต้องโกรธด้วย ทั้งๆ ที่น้องบอยเป็นฝ่ายหาเรื่องเขาก่อน แมนยูงอนไม่ยอมกินของว่างแสนอร่อยที่แม่ดาเตรียมไว้ให้ บรรยากาศในรถเงียบกริบ ไม่สนุกสนานเหมือนทุกวัน เมื่อกลับมาถึงบ้าน รมิดาดึงตัวลูกน้อยมาซักถามเรื่องราวทันที เธอแปลกใจที่แมนยูยืนกรานแต่ว่าแกไม่ผิด รมิดาคว้าไม้เรียวทั้งที่ไม่อยากทำ แต่ในเรื่องลูกชายดื้อนักก็ต้องปราบกันบ้าง หญิงสาวฟาดก้นแมนยูไปหนึ่งที เด็กน้อยน้ำตาคลอพึมพำปนสะอื้นว่า "น้องบอยล้อแมนยูว่าไม่มีพ่อ อยู่กับแม่ต้องเป็นตุ๊ดแน่ๆ แมนยูเถียงว่าไม่ใช่...บอยก็ไม่ยอมหยุดล้อ...แมนยูโมโหเลยผลักบอยล้ม...." รมิดาทิ้งไม้เรียวเข้ามากอดลูกชายอย่างสงสาร เธอส่งตัวลูกชายให้พี่เลี้ยงแล้วนั่งซึมหวลคิดถึงอดีต....ที่จริงแล้วแมนยู เป็นลูกชายของ ชาญศักดิ์ (สุรวุท ไหมกัน) กับ สีดา (พรรัมภา สุขได้พึ่ง) แต่แม่ของแกหย่ากับชาญศักดิ์ แล้วไปอยู่อเมริกาตั้งแต่คลอดแมนยูได้ไม่กี่เดือน ชาญศักดิ์จึงเลี้ยงลูกตามลำพัง เขารวยมากเป็นเจ้าของที่ดินและอาคารพาณิชย์หลายแห่ง แค่บริหารจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่ก็เกินพอแล้ว เขาโชคดีที่มี สุริยน (พาทิศ พิสิฐกุล) ซึ่งเป็นน้องชายคอยช่วยดูแลอีกแรง......ชาญศักดิ์รู้จักและสนิทสนมกับ สุเทพ (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) พ่อของรมิดา สุเทพเปิดร้านอาหาร เขาเป็นเชฟฝีมือดีจึงมีลูกค้ามาอุดหนุนมากมาย ชาญศักดิ์และแมนยูเป็นลูกค้าประจำจึงคุ้นเคยกับรมิดามาก....แม้จะเป็นสาว หน้าหวาน แต่รมิดาตัดผมสั้น บุคลิกเก๋ เท่ห์ ชวนมอง ดูเผินๆ เหมือนผู้ชายหน้าสวยคนหนึ่ง หญิงสาวค่อนข้างซนแก่น จึงเข้ากับแมนยูได้ดีเด็กชายเองก็ติดเธอมากเช่นกัน รมิดาเข้าใจและเห็นใจแมนยูที่ไม่มีแม่ เพราะเธอเองก็ไม่รู้จัก "แม่" เช่นกัน ในชีวิตเธอมีแต่พ่อสุเทพเท่านั้น เธอเคยถามถึงแม่ สุเทพเล่าให้ฟังอย่างเจ็บปวดว่า...แม่ของเธอเป็นลูกสาวเศรษฐี ไม่อยากจะมากัดก้อนเกลือกินกับพ่อซึ่งเป็นเชฟจนๆ จึงหนีกลับไปอยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่รมิดายังแบเบาะ ที่น่าเสียใจคือพ่อเพิ่งรู้ว่าแม่ไม่รักพ่อและเธอเลย ก็เพราะแม่ให้คนสนิทมานัดให้พ่อไปรับที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง โดยบอกว่าจะหนีไปกับพ่ออีกครั้ง แต่เมื่อถึงวันนัดแม่กลับไม่มา แต่มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งมาแทน คนพวกนั้นต้องการกำจัดพ่อกับรมิดา พ่อต้องอุ้มเธอหนีตายกระเซอะกระเซิง....ไม่นานนัก พ่อก็ได้ข่าวว่าแม่แต่งงานใหม่กับลูกชายเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง พ่อจึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารทำมาหากินเลี้ยงรมิดาคนเดียว ซึ่งเธอก็ไม่ทำให้พ่อผิดหวัง นอกจากเรียนเก่งแล้วเรื่องการทำอาหารเธอก็มีฝีมือมากเช่นกัน มิเสียแรงที่สุเทพอุ้มเข้าครัวตั้งแต่เล็กๆ รมิดาจึงมีรสมือที่ไม่ต่างจากสุเทพเลย เธอทำอาหารได้ดีทุกอย่าง ที่ถนัดมากคืออาหารจีน ชาญศักดิ์เห็นลูกชายติดรมิดามาก เขาเองก็อยากให้ลูกมีแม่ ได้มีครอบครัวอบอุ่นเหมือนคนอื่นบ้าง แต่ก็ยังไม่พบใครที่รักและเอ็นดูลูกชายของเขาได้เหมือนเธอ ชาญศักดิ์เฝ้าดูรมิดามานาน และรักเธอในที่สุดเขามั่นใจว่าเธอเป็นคนดีจึงขอรมิดาแต่งงาน ซึ่งสุเทพก็สนับสนุนเต็มที่ ทว่าอีกไม่นานสุเทพเกิดป่วยหนัก ชาญศักดิ์ช่วยรมิดาพาพ่อไปโรงพยาบาล แต่สุเทพอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนตายสุเทพบอกลูกสาวว่าแม่ของเธอชื่อ นัยนา (สุภัทธา ทิวานนท์) เป็นลูกสาวคนเล็กของ ทรงยศ (สมบัติ เมทะนี) กับ สุรีย์ เจ้าของโรงแรมเจสเตอร์ หลังจากแต่งงานกับ ศิริ (ทูน หิรัญทรัยพ์) ทายาท คนเดียวของเจ้าของโรงแรมสยามคอสโม เธอก็เข้ามาบริหารโรงแรมสยามคอสโมเต็มตัว ซึ่งทั้งสองแห่งเป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว.....การที่สุเทพตัดสินใจบอกความจริงกับรมิดา ก็เพราะไม่ต้องการให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลนี้ไม่ว่าใครทั้งนั้น เมื่อรมิดาจัดการงานศพบิดาและออกทุกข์เรียบร้อย ชาญศักดิ์จึงเริ่มกำหนดงานแต่งงาน รมิดาโชคดีที่ทั้งลูกชายและน้องชายชาญศักดิ์ยอมรับเธอ แต่แล้วก่อนจะถึงวันแต่งงานเพียงสามวัน ชาญศักดิ์ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต รมิดากับสุริยนจึงต้องช่วยกันจัดงานศพและดูแลแมนยูไปพร้อมกัน...ชาญศักดิ์ เป็นคนรอบคอบมาก เขาทำพินัยกรรมไว้เรียบร้อย ทั้งสุริยน แมนยู และรมิดาต่างก็ได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินที่มากพอจะอยู่ได้อย่างสบายไปตลอด ชีวิต.... รมิดานั้นรักแมนยูมาก เธอดูแล ตั้งใจเลี้ยงดูเด็กน้อยราวกับเป็นลูกของเธอเอง หญิงสาวทำหน้าที่แม่ได้เป็นอย่างดี เธอไปรับไปส่งแมนยูที่โรงเรียนทุกวัน อาหารการกินก็ทำเอง วิถีชีวิตราบรื่น อบอุ่น มีความสุข.....แต่เหตุการณ์ที่โรงเรียนวันนี้ก็ทำให้รมิดาไม่สบายใจ สุริยนมาหารมิดาก็เห็นเธอนั่งหน้ามุ่ย รมิดาเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง เพราะเธอกับเขาก็สนิทกันมาก ชายหนุ่มเป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายที่แสนดี ไม่เคยคิดกับเธอเป็นอื่น รมิดาอยากเห็นแมนยูเติบโตขึ้นอย่างไม่มีปมด้อย และมีความสุขมากที่สุด สุริยนไม่อยากให้รมิดากังวลเกินไป เพราะแมนยูยังเด็กนัก แต่เขาก็รับปากจะช่วยเธอทุกเรื่อง.... เย็นวันหนึ่ง รมิดาเล่นกับแมนยูตามลำพัง เด็กน้อยเล่าว่าโดนเพื่อนล้ออีกแล้ว วันนี้อายมากเพราะโดนล้อต่อหน้า กำไล (เด็กหญิงปานรดา คเชนทร์กุล) เด็กหญิงเพื่อนสนิทวัยเดียวกัน รมิดาปลอบว่าเธอสามารถเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ของแมนยู เด็กชายฟังอย่างไม่แน่ใจ ความคิดแวบหนึ่งเข้ามาในสมองเธอทันที......วันต่อมา แมนยูแปลกใจที่แม่ดาส่งเขาให้พี่เลี้ยงแล้วหายตัวไป สักพักขณะที่แมนยูกำลังเล่นเพลินๆ ในสนามหน้าบ้าน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา แมนยูจ้องเขานิ่งเพราะไม่เคยรู้จักมาก่อน พอถามว่าเขาเป็นใคร ชายคนนั้นกลับหัวเราะเสียงใส ทำให้แมนยูแปลกใจและเริ่มกลัว เสียงหวานๆ บอกให้เด็กน้อยดูหน้าเขาให้ดี แมนยูจำได้แล้ว แม่ดานั่นเอง รมิดาหัวเราะชอบใจเมื่อลูกชายจำได้ เธอบอกว่า ในเมื่อรับปากจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้แมนยู เธอก็ต้องทำให้ได้ เด็กชายหัวเราะชอบใจพลางบอกจะเรียกเธอว่า "พ่อดาบ" เวลาแม่ดาแต่งตัวเป็นผู้ชาย สองแม่ลูกสัญญากันว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับที่รู้กันแค่สองคน วันหนึ่ง...สุริยนกับรมิดาปรึกษากันเรื่องจะเปิดร้านอาหาร สุเทพเคยฝันอยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ ขายอาหารอร่อยมีคุณภาพในกรุงเทพฯ แต่หลังจากเกิดเรื่องที่มีคนตามฆ่าเมื่อหลายปีก่อนทำให้สุเทพไม่กล้าทำอะไร ให้โด่งดังนัก พอเริ่มดังมีคนรู้จัก มีสื่อมาสนใจ เขาก็ต้องพารมิดาหนีไปเปิดร้านที่อื่น เป็นอย่างนี้จนกระทั่งรมิดาโตเป็นสาว เมื่อสุเทพมั่นใจว่านัยนาไม่สนใจตนกับลูกแล้ว จนกระทั่งได้พบชาญศักดิ์ เขาจึงเลิกย้ายร้านหนีอีก แม้บิดาจะล่วงลับ แต่ความฝันของพ่อยังอยู่ในความทรงจำเสมอ....รมิดาอยากทำความฝันนี้ให้สำเร็จ แต่เมื่อสุริยนจัดการหาสถานที่จนถึงขั้นตอนทำสัญญา เธอกลับลังเล เพราะสุริยนตั้งใจให้เธอเปิดร้านในบริเวณพลาซ่าของโรงแรมสยามคอสโม โรงแรมที่แม่ดูแลและเป็นเจ้าของ รมิดาไม่อยากสนใจแม่ที่ใจดำทิ้งลูกไป แต่สุริยนรู้ดีว่าใจจริงแล้วรมิดาสนใจครอบครัวของตา ยาย และแม่มาก เขาสังเกตว่าเธอตัดข่าวที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ไว้หมด เพียงแต่ยังไม่ยอมรับเท่านั้นเอง ขณะที่รมิดาและสุริยนกำลังคุยกันเรื่องเปิดร้าน ชายแปลกหน้าคนหนึ่งก็เข้ามา เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อ ศัลย์ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เป็น น้องชายของสีดา มีศักดิ์เป็นน้าชายของแมนยู เขาได้รับมอบหมายจากพี่สาวซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของแมนยู ให้มารับเด็กชายไปอยู่อเมริกา รมิดาปฏิเสธทันที เธออ้างสิทธิ์ในการดูแลแมนยู สิทธิที่ชาญศักดิ์มอบไว้ให้ แต่ศัลย์กลับหัวเราะเยาะ เพราะเขาเองก็มีสิทธิ์อันชอบธรรมที่แม่แมนยูมอบให้เช่นกัน รมิดาถามว่าทำไมสีดาไม่มาเอง ศัลย์บอกว่าสีดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ สีดารู้ข่าวการจากไปของชาญศักดิ์ เธอตั้งใจจะมารับลูกชายด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องมาจากไปเสียก่อน ศัลย์เล่าต่อว่าสีดาสั่งกำชับให้เขามารับแมนยูให้ได้ เพื่อให้เด็กชายกลับไปรับมรดกของมารดา เธอสั่งจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ซึ่งศัลย์ตั้งใจว่าจะต้องทำตามความต้องการของพี่สาวให้ได้และจะทำทุก วิธี.....รมิดากับศัลย์เริ่มทะเลาะกันรุนแรงขึ้นจนสุริยนต้องห้าม และพยายามไกล่เกลี่ย ศัลย์ยอมกลับไปแต่ยืนยันว่า เขาต้องได้สิทธิ์ในการดูแลแมนยู วันต่อมา....สุริยนพารมิดากับแมนยูไปที่โรงแรมสยามคอสโม ด้วยความซุกซนเด็กชายวิ่งเล่นจนชนกับ เดือนฉาย (ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) เธอตกใจเสียหลักล้มลง แต่ที่แย่ที่สุดก็คือ กระเป๋าถือแบรนด์เนมใบหรูตกลงไปในสระน้ำเล็กๆ ที่สวนหย่อม แมนยูรีบลุยน้ำไปเก็บมาคืนให้ แต่เดือนฉายกลับกรี๊ดๆ โวยวายจะเอาเรื่องแมนยูให้ได้ รมิดากับสุริยนได้ยินก็รีบเข้ามาเจรจา สุริยนรับปากจะชดใช้ให้ เขารู้ว่ากระเป๋ายี่ห้อดังรุ่นนี้ต้องสั่งจากเมืองนอก กว่าจะได้คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง แต่เดือนฉายไม่ยอม เธอยืนยันที่จะเอากระเป๋าคืนในสภาพเดิมและเดี๋ยวนี้ ผู้ใหญ่สามคนทะเลาะกันยุ่งไปหมด เดือนฉายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ด้วยถือว่าตนเป็นลูกสาวของ ศิริ กับ นัยนา เจ้าของโรงแรมสยามคอสโม เธอดูถูกว่าสุริยนและรมิดาคงไม่มีปัญญาซื้อกระเป๋าของแท้มาคืนเธอแน่ๆ เดือนฉายเรื่องมากเพราะอยากเอาชนะนั่นเอง.....เรื่องราวทำท่าจะลุกลามใหญ่โต นัยนาและ ตะวัน (ภทรนันท์ จามิกรณ์) ลูกชายคนเล็กก็เข้ามาพอดี นัยนาพยายามไกล่เกลี่ย ในขณะที่ตะวันก็จ้องรมิดาตาไม่กะพริบ หนุ่มน้อยวัยสิบเก้ารู้สึกถูกชะตาสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เหลือเกิน เขาปิ๊งเธอเข้าอย่างจัง แอบบอกกับตัวเองว่านี่แหละรักแรกพบ รมิดาทำอะไรไม่ถูกเมื่อพบมารดาเป็นครั้งแรก คุณนัยนาดูสวยสง่าสมวัย พูดเพราะน้ำเสียงน่าฟัง เธอดูดีจนรมิดาไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ คือแม่ใจร้ายที่ส่งคนไปฆ่าเธอกับพ่อ
เมื่อกลับถึงบ้าน สุริยนก็แกล้งยั่วจนรมิดาฮึดสู้ ตกลงใจจะเปิดร้านอาหารที่โรงแรมสยามคอสโม เธออยากเอาชนะญาติฝ่ายแม่ทุกคน....ส่วนศัลย์ก็ให้คนสืบเรื่องรมิดา เพื่อหาทางได้สิทธิ์ดูแลแมนยู เขาจะต้องทำให้หลานชายไว้เนื้อเชื่อใจ และยอมตามเขาไปอยู่อเมริกา ศัลย์เชื่อว่าเด็กผู้ชายต้องมีพ่อเป็นต้นแบบ และเขามั่นใจว่าเขาทำได้ วันหนึ่ง...ศัลย์ไปหาแมนยูที่โรงเรียน ก็เห็นบอยผลักแมนยูล้มลง หน้าผากกระแทกก้อนหินแตกเป็นแผลลึก เลือดไหลน่ากลัว ศัลย์จะพาแมนยูส่งโรงพยาบาลเพราะต้องเย็บแผล ครูเวรรีบโทรบอกรมิดาทันที เมื่อรมิดามาถึงก็เจอศัลย์กำลังอุ้มแมนยูขึ้นรถ เธอตามเขาไปอย่างตกใจ ทั้งสองเถียงกันตลอดทาง ศัลย์ตำหนิรมิดาที่ไปรับแมนยูช้าจนเกิดเรื่อง เธอไม่มีคุณสมบัติในการเลี้ยงดูแมนยู รมิดาโกรธจนพูดไม่ออก เขาช่างเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจที่สุดตั้งแต่เธอเคยพบมา... เวลาผ่านไป...รมิดาและสุริยนช่วยกันดำเนินการจนรมิดาเปิดร้านอาหารที่โรงแรม สยามคอสโมได้ หญิงสาวตกแต่งร้านอย่างพิถีพิถัน ตั้งชื่อร้านเองว่า "กุหลาบขาว" เธอจำได้ว่าสุเทพชอบกุหลาบขาวมาก เปิดร้านอาหารกี่ร้าน ทุกร้านชื่อกุหลาบขาวเหมือนกันหมด วันเปิดร้าน นัยนาลงมาดูความเรียบร้อยและแสดงความยินดีกับผู้เช่ารายใหม่ เธออึ้งเมื่อเห็นชื่อร้านกุหลาบขาว ดอกไม้ที่เธอชอบเป็นชีวิตจิตใจ กุหลาบขาวทำให้เธอคิดถึงสุเทพ ชายหนุ่มผู้เป็นรักครั้งแรกของเธอ ลึกลงไปในใจ นัยนาคิดถึงสุเทพกับลูกสาวอยู่เสมอ หลังจากที่ วัลลภ (เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์) ซึ่งเป็นพี่ชายไปพรากเธอกลับมาทั้งๆ ที่เธอเพิ่งคลอด นัยนาพยายามหนีโดยให้ แจ่มจันทร์ (ปริษา ทนาวิวัฒน์) สาวใช้คนสนิทลอบออกไปติดต่อกับสุเทพ เพราะตัวเธอถูก "กัก" ไว้ในบ้าน แต่แจ่มจันทร์บอกว่าสุเทพไม่มาตามนัด ที่บ้านก็ย้ายหนีไปแล้ว นัยนาเสียใจจนล้มป่วยเป็นเดือน เธอหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เมื่อพ่อกับแม่อยากให้เธอแต่งงานใหม่กับศิริ เธอจำยอมเพราะไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจอีก....ชีวิตใหม่กับครอบครัวใหม่ของเธอ ดูเหมือนจะมีความสุข ทั้งที่ทุกข์จนพูดไม่ออก เพราะศิริไม่สนใจบริหารโรงแรมเลย เดือนฉาย ลูกสาวคนโตก็ไม่สนใจ ซ้ำร้าย พ่อกับลูกใช้เงินราวกับพิมพ์ธนบัตรได้เอง ศิริติดการพนัน เสียครั้งหนึ่งเป็นล้านๆ ส่วนเดือนฉายก็ใช้เงินฟุ้งเฟ้อ บ้าของแบรนด์เนม เสื้อผ้าต้องหรูแพงระยับ คงมีแต่ตะวันลูกชายคนเล็กเท่านั้น ที่ดูจะเข้าท่าหน่อย ตะวันกำลังเรียนบริหารการโรงแรม อยู่ปี 3 ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขารักแม่มาก แต่ก็มีนิสัยติดจะดื้อรั้น ติดเพื่อน ใจร้อนตามประสาวัยรุ่น นัยนาพยายามเตือนศิริและเดือนฉายเรื่องการใช้จ่าย แต่สามีกับลูกสาวก็ไม่สนใจ หลงระเริงฟุ้งเฟ้อกันต่อไป ตะวันนำกุหลาบขาวช่อโตมาแสดงความยินดีกับรมิดา หญิงสาวกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจของเขา ตะวันแวะมาหารมิดาแทบทุกวัน เรียกว่าเป็นลูกค้าขาประจำก็ว่าได้ บางวันเขาก็มาช่วยสอนการบ้านแมนยู เสร็จแล้วก็ชวนกันไปเล่นฟุตบอล บางวันรมิดามีลูกค้าแน่นร้าน ตะวันก็เข้าไปช่วยงานในครัว ช่วยเสิร์ฟอาหารจนรมิดาเกรงใจ สุริยนแอบแซวรมิดาว่าโดนเด็กจีบ รมิดาหัวเราะเสียงใสบอกสุริยนว่า ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ เพราะตะวันเป็นน้องชายต่างบิดาของเธอ.... ร้านกุหลาบขาวเริ่มมีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ รมิดาได้พบ "ญาติ" ข้างแม่หลายคน มีโอกาสได้ช่วย คุณตาทรงยศ ตอนที่ท่านเกือบจะหกล้ม ได้ทำอาหารอร่อยๆ ให้คุณตากินจนท่านติดใจ ได้พบ วัลลภ ซึ่งเป็นลุง พบ ดุสิต (ทศพร รถกิจ) กับ ปาริชาติ (อินทิรา เกตุวรสุนทร) ลูกชายลูกสาวของวัลลภ ซึ่งก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอนั่นเอง แต่คนที่ทำให้รมิดาหงุดหงิดอารมณ์เสียที่สุดก็คือ ศัลย์ เพราะนอกจากเขาจะตามตอแยเธอเรื่องแมนยูแล้ว เขายังเป็นเพื่อนกับดุสิต และเป็นหนุ่มเสน่ห์แรงที่ปาริชาติหลงใหล ติดอกติดใจ พยายามหาทางใกล้ชิดสนิทสนม ตะวันบอกแม่ว่าจะขอฝึกงานที่โรงแรมสยามคอสโม นัยนาแปลกใจมาก เพราะลูกชายเคยบอกว่าจะไปฝึกงานที่โรงแรมอื่น เขาอยากเรียนรู้วิธีการทำงานของที่อื่น จะได้นำมาปรับใช้ประโยชน์กับโรงแรมของเรา เธอนึกทบทวนก็พอจะเดาออกว่าลูกชายกำลังคิดอะไร ตะวันแวะไปที่ร้านกุหลาบขาวบ่อยๆ เขามีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ดื้อน้อยลง ใจเย็นขึ้น ดูสดใสร่าเริง....ต้องเป็นเพราะเชฟสาวคนนั้นแน่ๆ นัยนากระเซ้าลูกชายเรื่องรมิดา ตะวันแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็ยอมรับว่าเขาชอบรมิดา นัยนาสอนลูกชายว่าความรักเป็นสิ่งดีควรจะศึกษา ใช้เวลาดูใจกันให้ถ่องแท้ ที่สำคัญต้องตั้งใจเรียนให้จบ วันหนึ่งข้างหน้าเมื่อตะวันแต่งงาน เขาก็ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ตะวันดีใจที่แม่ไม่คัดค้าน เขาบอกให้แม่วางใจ เมื่อเรียนจบเขาจะตั้งใจช่วยแม่ทำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็เผลอหลุดปากไปว่า จะไม่มีวันเป็นผีพนันอย่างพ่อ นัยนารู้สึกเจ็บแปลบเข้าหัวใจ ตะวันเห็นแม่น้ำตาซึมก็ขอโทษที่พูดถึงพ่อไม่ดี ที่ผ่านมา ตะวันเคยห้ามศิริเรื่องเล่นการพนันหลายครั้งจนพ่อเกลียดขี้หน้าถึงกับประชด ทำนองว่า ตะวันเป็นลูกแม่ ส่วนเขามีลูกสาวคนเดียวคือเดือนฉาย เวลาผ่านไป...ขณะที่รมิดากำลังสนุกกับงาน ข่าวความวุ่นวายในโรงแรมสยามคอสโมก็รั่วมาเข้าหูบ่อยๆ แต่เธอไม่สนใจนัก จนกระทั่งบังเอิญได้ยิน นัยนาเถียงกับศิริเรื่องปัญหาการเงินในโรงแรม....ส่วนที่บ้านทรงยศ ก็ใช่ว่าจะอบอุ่นมีความสุขดี หลังจากที่สุรีย์ภรรยาคู่ชีวิตตายไป ทรงยศไม่เคยมีความสุขเลยท่านอายุ 75 แล้ว แต่ต้องรั้งตำแหน่งประธานกรรมการของโรงแรมต่อไป เพราะวัลลภแม้จะบริหารงานได้ดี แต่เขาก็เจ้าชู้มาก มีบ้านเล็กบ้านน้อยเต็มไปหมด แต่ใครก็ไม่มีเสน่ห์มัดใจวัลลภได้มากเท่าแจ่มจันทร์ อดีตต้นห้องของนัยนา เพราะวัลลภปลูกบ้านให้แจ่มจันทร์ อยู่ติดกับบ้านหลังใหญ่ มีอาณาเขตติดกัน รั้วเตี้ยๆ มีประตูที่วัลลภผ่านเข้าออกจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ทรงยศเห็นใจ ลัดดา (วนิษฐา วัชโรบล) เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของวัลลภ สะใภ้ที่น่าสงสาร โดนสามีกดขี่ ลูกเต้าก็ไม่เคยเชื่อฟัง ท่านทำใจรับแจ่มจันทร์ไม่ได้ เพราะเจ้าหล่อนทะเยอทะยาน โลภ และมักใหญ่ใฝ่สูงจนน่ากลัว ประการสำคัญท่านเป็นคนที่รักและซื่อสัตย์ต่อภรรยามาก รักเดียวใจเดียว จึงไม่ชอบให้ลูกชายเจ้าชู้ ทางด้านดุสิตหลานชาย ก็ดูท่าว่าจะเจริญรอยตามพ่อ ชอบควงดาราสาวๆ ไม่ซ้ำหน้า ฝ่ายปาริชาติหลานสาว ก็ไม่สนใจกิจการในครอบครัว วันๆ หมดไปกับการแต่งตัวเสริมสวย เพราะอยากเป็นนางแบบ ส่วนนัยนา ลูกสาวคนเล็กก็ยุ่งกับกิจการของครอบครัวโรงแรมสยามคอสโม ทรงยศรู้ดีว่าถ้าปล่อยมือ โรงแรมเจสเตอร์คงเหลือแต่ชื่อ ท่านจึงต้องดูแลต่อไป เรื่องสำคัญที่ทำให้ทรงยศเสียใจมากก็คือ แหวนมรกตของคุณสุรีย์หายไป ภรรยาของท่านรักแหวนวงนี้มาก แม้เป็นมรกตที่น้ำไม่สวย แต่ก็เป็นแหวนวงแรกที่ทรงยศซื้อให้เธอ คุณสุรีย์สวมติดนิ้วตลอดเวลา เธอขอกับทรงยศว่าหากเธอต้องตายก็ไม่ให้ถอดแหวนจากนิ้ว ถ้าจะฝังก็ให้แหวนติดนิ้วอยู่อย่างนั้น แต่แล้วเมื่อเธอป่วยหนักจนไม่รู้สึกตัวต้องเข้าโรงพยาบาล ก็มีคนมาถอดแหวนวงนี้ออกไป หลังคุณสุรีย์เสียชีวิตทรงยศกับลูกๆ พยายามตามหาแหวนวงนั้นแต่ก็ไม่พบ คุณสุรีย์จากไปสามปีแล้ว ทรงยศไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย ท่านอยากได้แหวนคืนมา เพื่อจะได้ทำตามความปรารถนาของภรรยาที่รักยิ่งเป็นครั้งสุดท้าย.... ดุสิตและวัลลภวางแผนกระตุ้นยอดขายโรงแรม เขาจึงจัดงานแสดงเครื่องเพชรการกุศลขึ้นที่โรงแรมเจสเตอร์ในคืนหนึ่ง สุริยนได้รับบัตรเชิญจึงพารมิดามาร่วมงานด้วย ทางด้านศัลย์ก็มาโดยได้รับบัตรเชิญจากดุสิต ปาริชาติย้ำศัลย์ให้คอยดูบนเวที เพราะเธอเป็นหนึ่งในนางแบบที่เดินโชว์เครื่องเพชร ส่วนแจ่มจันทร์แม้จะถูกสั่งห้ามจากทรงยศและวัลลภไม่ให้มาวุ่นวายในงานของ โรงแรม แต่เจ้าหล่อนก็อดไม่ได้ หล่อนแอบเข้ามาเดินกรีดกรายทักทายแขกเหรื่อประหนึ่งเป็นเจ้าภาพเลยที เดียว.....เมื่อเจอหน้าศัลย์รมิดาก็หมดสนุกอยากจะหลบแต่สุริยนไม่ยอม เขาอยากให้เธอเผชิญหน้ากับความจริง ไม่ใช่หนีปัญหา ศัลย์เข้ามาหารมิดาและสุริยนทันที สงครามปากจึงเกิดขึ้นกลางงานนั่นเอง เรื่องลุกลามเพราะเดือนฉายเข้ามาร่วมด้วย ตะวันคอยปกป้องรมิดาจนต้องปะทะฝีปากกับพี่สาว นัยนาผ่านมาพอดีจึงเข้ามาห้ามทัพตามเคย ขณะที่หน้าเวทีวุ่นวาย หลังเวทีก็วุ่นไม่แพ้กัน สไตล์ลิสต์กำลังปวดหัวที่นางแบบคนดังเบี้ยวซะงั้น เจ้าหล่อนโทรมาบอกว่าอาหารเป็นพิษต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน ที่จริงจะเลือกนางแบบที่มีอยู่คนไหนมาเดินชุดฟีนาเลย์ก็ได้ แต่หล่อนไม่อยากทำ เพราะมันผิดคอนเซ็ปต์ที่วางเอาไว้ ขณะที่สงครามปากกำลังร้อนระอุยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ รมิดาก็ถูกสไตล์ลิสต์ดึงตัวออกไป ทุกคนมองตามอย่างงุนงง สไตล์ลิสต์ขอร้องรมิดาให้ช่วยเดินแบบให้เธอหน่อย เพราะนางแบบคนสำคัญเบี้ยวคิว รมิดาแทบช็อค บอกปัดทันที สไตล์ลิสต์พยายามหว่านล้อมว่ารมิดาเหมาะกับชุดฟีนาเลย์มาก เธอต้องการนางแบบผมสั้นที่มีบุคลิกทอมบอยนิดๆ ดูเก๋ เท่ห์ สมาร์ท รมิดาปฏิเสธท่าเดียวเพราะเธอเดินแบบไม่เป็น สไตล์ลิสต์ร้องไห้โฮแทบจะคุกเข่าอ้อนวอน ถ้ารมิดาไม่ช่วย งานนี้เธอต้องพังแน่ๆ รมิดาเห็นสไตล์ลิสต์รู้สึกแย่มาก เธอก็ใจอ่อนด้วยความสงสาร สไตล์ลิสรีบจับรมิดาแต่งหน้าทำผม แล้วสอนเทคนิคการเดินแบบให้ด้วยเวลาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ เพราะงานกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว บนเวที....แฟชั่นโชว์เริ่มขึ้นแล้ว นางแบบแต่ละคนออกมาเดินโชว์เครื่องเพชร รวมทั้งปาริชาติด้วย ทุกคนสวมชุดราตรียาวสีดำขลับส่งผลให้เครื่องเพชรที่ประดับบนเรือนร่างส่อง ประกายงามระยับ...และแล้วก็มาถึงชุดฟีนาเลย์ รมิดาเดินออกมาอย่างมั่นใจ เธออยู่ในชุดโอเว่อร์โค้ทสีขาว ยืนนิ่งอยู่สักครู่ ทุกคนมองกันอย่างประหลาดใจ เพราะไม่เห็นเครื่องเพชรบนตัวนางแบบคนนี้เลย....อึกอัดใจ รมิดาก็หมุนตัวช้าๆ แล้วถอดโอเว่อร์โค้ทออก เผยให้เห็นชุดเดรสสั้นเกาะอกสีดำรัดรูปที่อยู่ข้างใน ลาดไหล่อันเปลือยเปล่าของเธอประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดงาม ดีไซน์สุดหรู รมิดาเดินโชว์เครื่องเพชรบนแคทวอคอย่างมั่นใจ สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องเธอเป็นตาเดียวกัน แมนยูตื่นเต้นชมแม่ดาคนสวยไม่หยุดปาก ศัลย์และตะวันพากันจ้องนางแบบสมัครเล่นตาไม่กระพริบ....เธอสวยเหลือเกิน ดูเก๋ เท่ห์ สมาร์ทเตะตาจริงๆ เมื่อรมิดาเดินแบบเสร็จก็มายืนอยู่กลางเวที นางแบบทุกคนทยอยกันออกมายืนขนาบข้าง สไตล์ลิสต์ออกมาโค้งรับช่อดอกไม้ ท่ามกลางเสียงปรบมือกราว ปาริชาติมองรมิดาอย่างหมั่นไส้ชิงชัง ดาวเด่นของงานควรจะเป็นเธอ ไม่ใช่เชฟสาวแสนกระจอกที่สไตล์ลิสต์ขุดขึ้นมาปั้น ยิ่งเห็นสายตาของศัลย์ที่จ้องรมิดาด้วยแล้ว เจ้าหล่อนแทบจะร้องกรี๊ดอยากจะกระชากแม่ดาวเด่นมาตบให้แหลกคามือ สไตล์ลิสต์กล่าวขอบคุณรมิดายกใหญ่ เธอเอ่ยปากชวนหญิงสาวมาเป็นนางแบบอาชีพ รมิดาปฏิเสธอย่างนุ่มนวล เธอขอทำงานที่ตัวเองรักและถนัดดีกว่า นั่นก็คือการเป็นเชฟที่มีร้านอาหารเป็นของตัวเอง สไลต์ลิสต์บอกว่าจะพาเพื่อนๆ ไปอุดหนุน และจะช่วยโปรโมทร้านกุหลาบขาวให้ เพราะเธอสนิทกับเจ้าของนิตยสารดังๆ หลายเล่ม..... รมิดามาหาแมนยูและสุริยนที่ยืนคอยอยู่ ตะวันออกปากชื่นชมรมิดาจนเดือนฉายหมั่นไส้ต้องคอยแขวะน้องชาย นัยนาเข้ามาขอบคุณเพราะรู้ว่ารมิดามีน้ำใจช่วยแก้ปัญหาให้สไตล์ลิสต์ แต่ปาริชาติกลับมองว่ารมิดาฉวยโอกาส อยากดังมากกว่า ศัลย์แขวะรมิดาตามประสาผู้ชายปากร้าย แต่พออยู่กับแมนยูสองคน เขากลับหลุดปากชมรมิดาว่าสวยเท่ห์ จนแมนยูแอบเอาไปรายงานแม่ดา ศัลย์มาร้านกุหลาบขาวเกือบจะทุกวัน....วันนี้เขาพา ไพลิน (ศรศิลป์ มณีวรรณ์) น้องสาวคนเล็กที่เพิ่งเดินทางมาจากอเมริกามาด้วย เขาบอกกับไพลินว่าต้องจัดการกับรมิดาให้เด็ดขาด ระหว่างที่อยู่ในร้านกุหลาบขาว ไพลินแอบสังเกตศัลย์ พี่ชายของเธอมีพิรุธ มีพฤติกรรมแปลกๆ ดูเขาจะสนใจคุณแม่ยังสาวคนนี้เป็นพิเศษ เช่นเดียวกับสุริยน เขาคิดว่าถ้าศัลย์กับรมิดารักกันและแต่งงานกัน ก็น่าจะเป็นผลดีกับแมนยูที่สุด นัยนาเครียดกับภาวะการขาดทุนของโรงแรมสยามคอสโม เธอยื่นคำขาดให้ศิริกับเดือนฉายเข้ามาช่วยรับผิดชอบบ้าง แต่สองพ่อลูกไม่รับรู้ กลับเบิกเงินออกไปใช้อีกเป็นจำนวนมาก นัยนาตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากวัลลภ แต่พี่ชายกลับปฏิเสธแถมยังปรามไม่ให้เธอไปขอความช่วยเหลือจากพ่ออีกด้วย ตะวันสงสารแม่จับใจ เขาจะไปขอร้องคุณตาทรงยศให้ช่วย แต่นัยนาก็ห้ามไว้ เพราะทรงยศสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่อยากให้ท่านเครียด...นัยนากลุ้มใจมาก คิดอะไรไม่ออกจึงตัดสินใจหนีออกไปจากบ้าน โดยทิ้งโน้ตไว้ว่าไม่ต้องห่วง ขอไปอยู่คนเดียวสักพัก ตะวันต่อว่าพ่อและพี่สาวที่เป็นต้นเหตุทำให้แม่หายตัวไป สองพ่อลูกเริ่มสำนึกได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา นัยนาต้องทำงานหนักอยู่คนเดียว ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพ่อและลูกสาวจริงๆ เมื่อนัยนาหนีไป เดือนฉายรู้สึกแย่ เธอซึมเศร้าอย่างน่าสงสาร ตะวันเห็นพี่สาวเปลี่ยนไปก็เห็นใจ เขาพยายามปลอบแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ตะวันออกตามหาแม่แทบทุกที่ แต่ก็ไร้ร่องรอย รมิดาปลอบตะวันให้ใจเย็นๆ เธอจะช่วยตามหาอีกแรง....วันหนึ่ง สุริยนมีโอกาสได้คุยกับเดือนฉายตามลำพัง เขาปลอบใจและให้กำลังใจเธออย่างจริงใจ ในความคิดของสุริยนตอนนี้ เดือนฉายไม่ใช่สาวสวยฤทธิ์มากน่ารำคาญอีกต่อไป แต่เธอเป็นผู้หญิงตรงๆ ที่น่ารัก น่าสงสารคนหนึ่ง สุริยนพาเดือนฉายไปที่ร้านกุหลาบขาว รมิดาคอยดูแลเธอราวกับเป็นเพื่อนสนิท ไม่ใช่คู่กรณีที่เคยทะเลาะกันมาก่อน แต่คนที่ทำให้เดือนฉายน้ำตาซึมก็คือแมนยู เด็กน้อยคอยดูแลเอาอาหารการกินมาให้พร้อมคำปลอบใจที่แสนซื่อ เดือนฉายร้องไห้เอ่ยปากขอโทษเด็กชายในเรื่องราวที่ผ่านมา ตะวันและรมิดาดีใจที่เห็นคุณหนูอารมณ์ร้ายกลายเป็นสาวนุ่มนวล อ่อนโยนขึ้น รมิดาแซวสุริยนเรื่องเดือนฉาย สุริยนยอมรับว่าเขามีความรู้สึกดีๆ ให้เดือนฉาย เขาจะคอยเป็นกำลังใจให้เธอ สุริยนเป็นห่วงความสัมพันธ์ของตะวันกับรมิดา หลายครั้งที่เขาต้องคอยไกล่เกลี่ยเวลาตะวันมีปากเสียงกับศัลย์ ตะวันมักจะคอยกันท่าไม่ให้ศัลย์เข้ามาใกล้ชิดรมิดา บางครั้งถึงกับลงมือลงไม้ชกต่อยกันก็มี รมิดาบอกว่าจะคอยเตือนตะวันเรื่องความใจร้อน แต่จะให้เธอบอกความจริงกับตะวันตอนนี้ไม่ได้จนกว่าเธอจะสืบเรื่องอดีตของแม่ ให้รู้ซะก่อนว่าความจริงเป็นอย่างไร รมิดาเป็นห่วงนัยนามาก เธอไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ซึ่งเคยเป็นที่นัดพบของสุเทพและนัยนา รมิดาดีใจมากที่เห็นนัยนานั่งอยู่ที่ริมสระน้ำ เธอเข้าไปชวนคุยพร้อมให้กำลังใจ รมิดาบอกนัยนาว่าศิริและลูกๆ เป็นห่วงมาก นัยนาขอร้องรมิดาว่าอย่าบอกใครว่าเจอเธอที่นี่ เธอขอเวลาคิดคนเดียวอีกสักพัก และฝากบอกศิริกับลูกๆ ว่าไม่ต้องห่วง อีกไม่นานจะกลับไปเอง......นัยนาถามรมิดาว่าคิดยังไงกับตะวัน เธอดีใจที่เห็นลูกชายดูเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบมากขึ้น และมีรมิดาเป็นคนพิเศษ รมิดาอึ้ง อยากบอกความจริงกับแม่เหลือเกิน แต่ก็ยังทำไม่ได้ ที่ร้านกุหลาบขาว....รมิดาเห็นศัลย์กำลังเล่นกับแมนยู เธอรู้แล้วว่าใครจะช่วยนัยนาได้ รมิดาดึงตัวศัลย์ออกไปคุยกันตามลำพังทันที ชายหนุ่มแปลกใจที่วันนี้หญิงสาวดูอารมณ์ดี ไม่หงุดหงิดใส่เขาเหมือนทุกวัน รมิดาแนะนำศัลย์ให้ไปเจรจากับนัยนาเพื่อขอซื้อโรงแรมสยามคอสโม เธอเฝ้าพูดแต่ผลกำไรและโอกาสทางธุรกิจ ศัลย์อดแปลกใจไม่ได้ ทำไมรมิดาต้องเดือดเนื้อร้อนใจอยากช่วยนัยนา ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นญาติสนิทกันสักหน่อย หญิงสาวให้เวลาเขาหนึ่งวันในการพิจารณาเรื่องนี้ สุริยนบอกเดือนฉายและตะวันว่ารมิดาพบนัยนาแล้วโดยบังเอิญ สองพี่น้องดีใจมาก ตะวันตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวโผเข้ากอดรมิดาแน่น จนศัลย์ต้องเข้ามาขัดจังหวะ รมิดาบอกตะวันและเดือนฉายว่าไม่ต้องห่วงแม่ตามที่นัยนาฝากมา เดือนฉายมีความสุขมาก วิกฤติการณ์ในชีวิตครั้งนี้ ทำให้เธอได้พบเพื่อนดีๆ มีน้ำใจอย่างสุริยนและรมิดา โดยเฉพาะสุริยน เขาเข้าไปนั่งอยู่ในใจของเธอแล้ว....ไพลินมั่นใจว่าศัลย์คิดยังไงกับรมิดา เวลาที่เห็นตะวันอยู่ใกล้รมิดา เธอจึงคอยเข้ามาแทรกเป็นก้างขวางคออยู่เรื่อย บางทีก็เตือนให้ตะวันกลับไปฝึกงานในโรงแรม เอาเวลาไปทุ่มเทให้กับการเรียนดีกว่า ตะวันโมโหที่ไพลินคอยเชียร์พี่ชายตัวเอง เขาจึงแช่งให้ไพลินมีอนาคตเป็นสาวแก่ นั่งยักแย่ยักยันอยู่บนคานทอง วันต่อมา....รมิดารออย่างกระวนกระวายใจ พอเห็นศัลย์โผล่เข้ามาในร้าน หญิงสาวก็ยิ้มให้เขาอย่างดีใจ ศัลย์จ้องรมิดานิ่ง ตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่เคยเห็นเธอยิ้มสวยเท่าวันนี้เลย....แม้จะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ศัลย์ก็อดยั่วโมโหรมิดาไม่ได้ เขาถามเธอว่าได้ค่านายหน้าในการเจรจาครั้งนี้เท่าไหร่ มากพอที่จะเลี้ยงหลานชายเขาโดยไม่ต้องแตะต้องมรดกของแมนยูหรือเปล่า รมิดากัดฟันตอบอย่างแค้นๆ ว่า เธอไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าจะคาดคั้นให้เธอรับ ก็ขอบอกว่าได้แค่บาทเดียวมั้ง รมิดาพยายามใจเย็น ไม่อยากทะเลาะกับเขาเรื่องแมนยู ตอนนี้เรื่องแม่สำคัญกว่า เธอขอร้องศัลย์ ร่ายยาวต่างๆ นานาถึงความคุ้มค่าหากซื้อโรงแรม ศัลย์จ้องหน้าหญิงสาวจนเพลิน ได้แต่พูด "ครับ...ครับ" อย่างอารมณ์ดี รมิดาไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร ศัลย์บอกว่าเขาเห็นด้วย และตอบรับตั้งแต่ "ครับ" ครั้งแรกแล้ว เมื่อนัยนากลับมา เธอรู้สึกดีใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของศิริและเดือนฉาย ตะวันบอกแม่ว่าพ่อกับพี่สาวกลายเป็นคนใหม่แล้ว....ศัลย์และไพลินเข้ามาเจรา จากับนัยนาเรื่องธุรกิจ เขาไม่ต้องการเทคโอเวอร์ทั้งหมด ขอเป็นแค่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และให้นัยนากับคร