เอมมี่ ปล่อยโฮเผยนาทีสนามบินปิดกลับไม่ได้
เอมมี่ ปล่อยโฮ เผยนาทีสนามบินถูกปิด กลับไทยไม่ได้ติดแง็กอยู่ต่าง ปท. รับแม่เป็นห่วง ยันเข็ดไม่ขอเดินทางคนเดียว ลั่นแทนชมพู่นั่งจ้อรายการคันปาก
ทำให้ดาราสาว เอมมี่ - มรกต กิตติสาระ ถึงกับหัวเสีย กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หลังจากที่สนามบินถูกปิดชั่วคราว เลยไม่สามารถเดินทางกลับมาเมืองไทย เพื่อมาถ่ายละครเรื่อง พลิกฟ้าล่าตะวัน ให้ทัน เพราะเจ้าตัวต้องไปถ่ายรายการ ปิ่นเถาเล็ก ยังประเทศศรีลังกา แถมยังเจออุปสรรคมากมาย เล่นเอาสาวเอมมี่ออกอาการเครียดขึ้นมา เล่าเหตุการณ์มหาโหดให้ฟัง ว่า
"คือ เราถ่ายจากศรีลังกา แล้วก็ไปเกาะมัลดีฟส์ แต่พอทราบข่าวจากเมืองไทย พี่เขาบอกว่าไม่ได้กลับไปแน่ เราบอกว่าไม่ได้ต้องไปถ่ายละครแล้วมันทำอะไรไม่ได้จริง ทางศรีลังกาเขาก็พยายามช่วยเราเต็มที่ เราก็พยายามหาไฟลท์เอง ก็ต้องไปหาตั๋วเครื่องบิน คือ ต้องอยู่ศรีลังกาเป็นเวลา 3 วัน เพิ่มอีก 3 วัน เราอยู่ไม่ค่อยได้ ต้องรีบหาทางกลับ โดยต้องหาทางไปสิงคโปร์จะได้สามารถเดินทางไปภูเก็ตได้ ต้องอยู่สิงคโปร์อีก 2 วัน คือ ที่ไปสิงคโปร์มันได้แน่นอนถ้าไม่จองตั๋ว แต่บังเอิญกลับถูกแคนเซิลอีก แล้วศรีลังกาไปสิงคโปร์อยู่ตัวคนเดียวแล้ว เพราะทีมงานไปมาเลเซีย เขาก็นั่งรถ 3-4 ชม.กลับมา คือ คุณแม่ไม่ให้นั่ง เพราะกลัวว่ามันจะอันตราย เราต้องนั่งสนามบินสิงคโปร์ 8 ชม. กว่าจะหาไฟลท์กลับได้ พอมาถึงภูเก็ตอีก 2 ชม. ซึ่งขาไปเราก็แบกกระเป๋าไปเลย 35 กิโล หยิบไปเต็มที่เพราะถ่ายถึง 6 เทป เสื้อผ้าก็เยอะด้วย แต่ขากลับก็ไม่ได้กลับสายการบินเดิม แต่โชคดีที่ซื้อตั๋วมาใหม่ แต่ก็ต้องเสียไป 2 หมื่นกว่าบาท ไม่เป็นไรขอแค่ได้กลับบ้าน แต่เขาไม่ให้กระเป๋าเราเกินน้ำหนัก เอมมี่ก็ต้องขนของทิ้งออกไป 10 กิโล กลางสนามบิน แล้วเราก็ร้องไห้ไปด้วย ฝรั่ง 2 คน ก็เข้ามาถามว่ายูทิ้งทำไม เราก็เลยเปิดท้ายขายของกลางสนามบิน แต่เราก็โชคดีที่ได้เจอพี่คนไทย อีก 2 คน ช่วยแบ่งของ เพื่อแชร์น้ำหนักให้ เราก็เลยขอบคุณพี่ด้วยการไปส่งเขาที่กรุงเทพแทน"
กลัวว่าเราจะกลับบ้านไม่ได้มั๊ย "มี่ร้องไห้จากมัลดีฟส์แล้ว ซึ่งมี่ไม่เคยได้เจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ มันก็ไม่ได้เป็นความผิดของใครทั้งนั้น ก็คิดว่าทำไมเราถึงกลับประเทศเราไม่ได้"
อย่างนี้เจอผลกระทบอะไรบ้าง "ก็คือละครจะออนวันนี้ แต่ตัวมี่เองก็ถ่ายไปแค่นิดเอง เราก็เกรงใจนักแสดงคนอื่นที่ต้องมาเข้าฉากกับเรา เลยไม่ได้ถ่าย เราต้องมาใช้สแตนอินช่วย"
คุณแม่เป็นห่วงมากมั๊ย "คุณแม่ก็โทรทุกวัน ถามว่าเราเป็นอย่างไรบ้าง รวมทั้งเรื่องตั๋วเครื่องบินด้วย"
เข็ดเลยมั๊ย "เข็ด เข็ด สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ได้เดินทางคนเดียวอีก กลัวมาก เราก็ไปต่างประเทศอีกได้ แต่ไปคนเดียวคงไม่รอด"
แล้วหนุ่มนักธุรกิจว่าอย่างไรบ้าง "ก็มีคุยกันบ้าง เพราะเราก็รู้จักกันนานแล้วค่ะ เป็นพี่ที่ให้คำปรึกษาที่ดี แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย"
ได้ข่าวว่าจะเป็นพิธีกรแทนชมพู่ในรายการคันปาก "ทางช่องให้คิวมาทำเดือนนี้ แต่เรื่องคิวละครด้วย ก็คงต้องรอหลังปีใหม่"
เตรียมอย่างไรบ้าง "ต้องตื่นมาดูทุกเช้า ว่าพี่ๆเขาทำกันอย่างไร แต่สมัยชมทำก็ดูอยู่แล้ว แต่มี่ก็ไม่อยากมองว่ามี่ไปแทนชม ซึ่งมี่ก็อยากลองทำพิธีกรอยู่แล้ว"
อย่างนี้ต้องมาฝึกเม้าท์มากขึ้นมั๊ย "ก็คงไม่น่าจะทันพี่ๆเขานะ ขำมากกว่าแต่ก็พยายามดู"
แล้วถ้าข่าวตัวเองว่าอย่างไร "ก็ให้คนอื่นเม้าท์กันไป ไม่มีการเม้าท์ตัวเองมันผิด"
อย่างนี้ต้องไปถามชมว่าทำอะไรบ้างเพราะเขาทำมาก่อน "ชีเขาเป็นเจ้าแม่ ก็ถามกันตลอด คุยก็ตลอด ชมก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากทำเท่าที่ทำได้ ก็ต้องพัฒนาขึ้น"
เลยทำให้หลายคนมองว่ามาแทนชมทุกอย่างเลย "ไม่หรอก ไม่มีใครมาแทนชีได้ เป็นเจ้าแม่ขนาดนั้น ชีเป็นเพื่อนก็เป็นบุญแล้ว"
พอชมย้ายไปแล้ว ทำให้ความสัมพันธ์ห่างกันมั๊ย "ไม่เลย เจอกันมากขึ้น แต่ตอนนี้ชมเขาก็ถ่ายละครตลอด
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก