พ่อแพง แจง โบ เข้าใจผิด
สันติ เศวตวิมล เขียนบทความขอโทษ โบ - ชญาดา กรณีท้องก่อนแต่ง โต้ผมไม่เคยพูดอย่างที่ข่าวลง เผยที่ต้องชี้แจงเพราะได้เห็นคุณแม่ยังสาวเปิดใจในรายการทีวีจึงรู้ว่ามีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น พร้อมบอกไม่สนว่าใครจะว่าอย่างใดเพราะตนเองไม่เคยพาดพิงถึงแบบนั้น
หลังจากที่มีข่าวเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการออกมาแสดงความคิดเห็นของ สันติ เศวตวิมล คุณพ่อ แพง - ขวัญข้าว เศวตวิมล ถึงกรณีที่มีหมอดูคอนเฟิร์มว่าลูกสาวมีเกณฑ์จะท้องก่อนแต่งเพราะคบหากับคาสโนวาฆ่าไม่ตาย ฟลุค - เกริกพล มัสยวาณิช โดยในเนื้อข่าวระบุว่าเจ้าของฉายา ''แม่ช้อยนางรำ'' สุดมั่นใจว่า ลูกสาวไม่มีทางเป็นอย่างคำทำนายแน่นอน ไม่เหมือนกับ โบ - ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์ อดีตภรรยาของฟลุคที่ท้องก่อนแต่ง ซึ่งทันทีที่ประโยคดังกล่าวออกมาสู่สาธารณชนก็เกิดกระแสต่างๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะกับคุณแม่ลูกหนึ่ง โบ - ชญาดา ที่ค่อนข้างจะเฮิร์ตกับวลีนี้มาก ถึงขั้นประกาศลั่นว่า อชิ ลูกชายเกิดมาจากความรักของทั้งพ่อและแม่ไม่ใช่มาจากความพลาด
สืบเนื่องจากข่าววุ่นวายที่เกิดขึ้น ล่าสุด สันติ เศวตวิมล ก็ได้จรดปากกาเขียนบทความขอโทษ โบ - ชญาดา ในคอลัมน์ผู้จัดการบันเทิง ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันฉบับประจำวันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2551 เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงว่าความจริงแล้ว เรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นจากการนำเสนอที่ผิดพลาด ทั้งนี้ บทความจั่วหัวว่า ''ผมเสียใจ'' และขอโทษร้อยครั้ง...พันครั้ง
โดยเนื้อความมีว่า...
ผมสัมภาษณ์ใครต่อใครมากมายในชีวิตของความเป็นข่าว แต่ไม่คุ้นเคยในการที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะฉะนั้น เมื่อผมให้สัมภาษณ์กรณีเรื่องราวลูกสาวของผม คือ แพง - ขวัญข้าว กับ ฟลุค - เกริกพล ก็เลยมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ซึ่งผมจะไม่ขอโทษนักข่าวรุ่นลูก ที่อาจไม่เข้าใจคำว่า ''ออฟ เรกคอร์ด'' (OFF RECORD) ในวงการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนทั้งโลกเข้าใจว่า การพูดต่อไปนี้จะต้องไม่มีการบันทึก ซึ่งก็แน่ล่ะจะต้องไม่มีการไปเปิดเผยด้วย การพูดเช่นนี้ ถือว่าเป็นความลับส่วนตัว ที่ผู้ให้สัมภาษณ์ไว้วางใจกับผู้สัมภาษณ์ ซึ่งแน่ล่ะ ในการสัมภาษณ์วันนั้น ผมได้พูดกำชับกับนักข่าวว่า ''ห้ามเอาไปเขียนนะ หรือถ้าจะเขียนก็ไม่สมควรที่จะเอ่ยชื่อใครทั้งนั้น'' เอาล่ะ ผมจะต้องเขียนถึงเรื่องนี้ เพื่อให้ท่านผู้อ่านหรือผู้ที่สนใจเรื่องราวของลูกสาวผม ซึ่งตอนนี้เรื่องของเธอกับนายฟลุคเป็นเรื่องราว ''พูดกันสนั่นเมือง'' หรือที่ฝรั่งเรียกว่า ''ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์'' (TALK OF THE TOWN) ผมไม่รู้ว่าลูกสาวผมกับนายฟลุคเขาไปสัมภาษณ์เรื่องนี้อย่างไร แต่ผมเองก็ถูกสัมภาษณ์มากมาย จากนักข่าวรุ่นลูก...ลูก
ซึ่งผมก็มีเมตตาที่จะให้สัมภาษณ์ ทั้งที่ผมเห็นว่าเรื่องของความรักนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของคนที่เขารักกัน เราไม่ใช่เขา เราย่อมจะไม่เข้าใจเขาและเธอ เพราะว่าในความรักนั้นมันมีเหตุผลอยู่แล้วสำหรับคนที่เขารักกัน ส่วนคนที่ไม่ได้ไปรักอะไรกับเขาด้วย ย่อมจะไม่เข้าใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น ในบรรดาข่าวมากมายที่สัมภาษณ์ผมมีตั้งแต่สิ่งตีพิมพ์ โทรทัศน์ทั้งฟรีทีวี ทั้งดาวเทียม รวมทั้งอินเทอร์เน็ต ผมก็ให้สัมภาษณ์เหมือนกัน ในคำถามที่คล้ายๆ กันว่า ผมให้อิสรเสรีภาพให้กับลูกทุกคน ไม่ใช่เพียง ''แพงข้าว'' เพราะจะรักกับใครหรือจะไม่รักกับใคร
เพราะฉะนั้น เมื่อมีข่าวว่าแพงไปรักกับฟลุค...ก็เป็นเรื่องของเธอ เรื่องของเขา ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย หรือแม้แต่จะมีคำถามคล้ายๆ กันถามผมว่า ไม่ห่วงหรือไง ที่นายฟลุคเป็นคาสโนวา เป็นผู้ชายเจ้าชู้? ผมก็บอกว่า ผมไม่ห่วงและไม่หวง ลูกผมเป็นผู้ใหญ่โตเพียงพอแล้วที่จะรู้จักตัดสินใจว่า จะรักใครหรือไม่รักใคร รวมทั้งตลอดเวลาที่ผมเป็นพ่อลูกกันมายี่สิบกว่าปีแพงไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง แล้วก็ยกเรื่องเก่า..เก่ามาเล่าให้นักข่าวรุ่นลูก..ลูก ฟังว่าเรื่องการเรียนการศึกษา ซึ่งผมถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แพงก็เรียนจบครุศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ถ้าว่าถึงความสามารถ แพงก็เคยได้รับเลือกเป็นนักดนตรีเยาวชนแห่งชาติ เมื่อสำเร็จแล้ว แพงทำงานอยู่กับบริษัท เอ-ไทม์ ซึ่งอยู่ในบริษัทแกรมมี่ฯ ทั้งการเรียน ทั้งการงาน ผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ผมไม่เคยฝากลูกผมเข้าเรียนหนังสือไม่ว่าจะเป็นที่ ร.ร.วัฒนาวิทยาลัย หรือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอสอบเข้าเรียนด้วยตัวเอง เมื่อ แพงได้รับคัดเลือกเล่นเชลโล กับดนตรีเยาวชนแห่งชาติ แพงก็ไปสอบออดิชั่นด้วยตัวเองเช่นกัน
รวมทั้งการที่เข้าไปทำงานกับแกรมมี่ผมก็ไม่เคยไปฝากกับ ''เจ๊ฉอด'' หรือ คุณสายทิพย์ มนตรี ณ อยุธยา จนกระทั่งแพงทำงานอยู่คลื่นวิทยุ ''บานาน่า'' เป็นปีจนได้รับรางวัลพระราชทาน ''เทพทอง'' ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม อากู๋ของวงการบันเทิง แต่เป็นรุ่นน้องสวนกุหลาบฯ ชึ่งเป็นประธานของบริษัทแกรมมี่ฯ พบผมในงานสังคมเมื่อเร็ว ๆ นี้ อากู๋เดินเข้ามาทักผมแล้วบอกว่า ''ลูกสาวพี่ทำงานอยู่กับผม ไม่ยักกะบอกให้รู้กัน'' ผมนึกในใจว่า บอกทำไม บอกให้อากู๋อึดอัดใจเปล่า..เปล่า
ก็อย่างที่ผมเขียนเรื่องในวันนี้ว่า.. ผมเสียใจ ที่ต้องว่าเสียใจก็เพราะนักข่าวรุ่นลูกผมคนหนึ่ง ซึ่งมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เอาไปเขียนว่า คุณโบ หรือ คุณชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์ ท้องก่อนเต่งงาน ฟังแล้วหยาบคายมาก เพราะจะจริงหรือไม่จริงก็เป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องที่เกิดจากนักข่าวสาวรุ่นลูกคนนั้นถามผมว่า ไม่กลัวแพงจะท้องก่อนแต่งงานหรือ? ผมก็ตอบไปว่า คุณโบก็เคยตกเป็นข่าวเช่นนี้มาเหมือนกัน ผมไม่กลัวหรอก
เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วผมก็บอกนักข่าวสาวคนนั้นไปว่า ''อย่าเขียนชื่อคุณโบลงล่ะ ประเดี๋ยวคุณจะเดือดร้อน'' แต่ตอนนี้คนเดือดร้อนคือผม วันก่อนผมดูรายการโทรทัศน์ ช่อง 5 นักข่าวไปถามคุณโบว่ารู้สึกอย่างไร ที่มีข่าวผมไปว่า..ท้องก่อนแต่ง? คุณโบตอบสั้นๆ ว่า "รู้สึกเสียใจ" ผมเองก็เสียใจ และขอเรียนคุณโบว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะไปกล่าวหาคุณโบเช่นกัน"
อย่างไรก็ตามทางผู้สื่อข่าว ได้ต่อสายตรงไปยัง ''แม่ช้อยนางรำ'' เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งทาง สันติ เศวตวิมล ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่าตนเองไม่มีเจตนาพาดพิงถึง โบ - ชญาดา แต่อย่างใด ซึ่งคำสัมภาษณ์ที่ออกมานั้นนำเสนอคลาดเคลื่อนจากความจริง
''ใช่ๆ คือเรื่องนี้มันมาจากการคุยกันแบบ ออฟ เรกคอร์ด กับนักข่าวว่าคุณโบก็เคยเจอคำถามท้องก่อนแต่งแต่ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ก็เหมือนกับที่ลูกสาวผมโดนถามนั่นแหละว่าจะท้องก่อนแต่ง ผมก็บอกผมไม่กลัวหรอกเพราะผมมั่นใจว่าแพงไม่เป็นอย่างนั้น ผมก็บอกนะว่าอย่าเขียนมันไม่ดีหรอก เพราะมีชื่อคุณโบอยู่ด้วย แต่กลับมีข่าวแบบนี้ออกมาผมไม่ได้พูดอย่างที่ข่าวลง ผมแค่พูดว่าคุณโบก็เคยเจอข่าวแบบนี้มาก่อนเท่านั้น''
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อความขอโทษคุณแม่ยังสาวคนนี้ สันติ บอกว่าเป็นเพราะได้เห็นโบสัมภาษณ์ในรายการทีวีจึงรู้ว่ามีการเข้าใจผิดเกิดขึ้นจึงตัดสินใจใช้น้ำหมึกเป็นสื่อในการชี้แจง
''วันหนึ่งผมได้ดูคุณโบให้สัมภาษณ์ในทีวีว่ารู้สึกอย่างไรกับคุณสันติกับข่าวที่ออกมา คุณโบก็บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรแต่รู้สึกเสียใจเท่านั้นและทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็มาจากความรัก ซึ่งผมฟังแล้วผมก็รู้สึกว่าผมไม่ได้พูดอย่างนั้น ผมเองก็นับถือคุณโบที่เทิดทูนความรักด้วย ผมก็เลยเขียนบทความขอโทษชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบว่าผมไม่ได้สื่อความหมายแบบที่ข่าวออกมา''
กับฟีดแบ็กที่ได้กลับมาหลังจากมีข่าว คุณพ่อสาวแพงบอกว่าเพียงสั้นๆ ว่า ''เอาเหอะ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง เพราะผมไม่ได้พูดอย่างนั้น'' แม่ช้อยนางรำกล่าว
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก