ชมพู ยอมรับภาพหลุด แนนนี่-โจ จ๊วบจริง !!
ชมพู สุทธิพงษ์ วัฒนจัง หรือ ชมพู ฟรุ๊ตตี้ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจเพลง บมจ.อาร์เอส เปิดกว้างต่อกรณีที่มีภาพ แนนนี่ ภัทรนันท์ ดีรัศมี หนึ่งในสมาชิกของวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ กับนักร้องหนุ่มร่วมค่าย โจ วัทนพร พึ่งเพียร หรือ โจ วงโจ-ป๊อบ กำลังสวีตหวานกัน เผยได้เรียกทั้งคู่มาตักเตือน เปิดโอกาส...ไม่แบน ...พร้อมชี้มุมมองว่าตนเป็นผู้ใหญ่สมัยใหม่ที่มีความยืดหยุ่น ถือว่าภาพดังกล่าวเป็นเรื่องปกติของคู่รักวัยรุ่นในยุคไฮเทค ที่มีมือถือ ไม่ได้ออกแนวอนาจาร หรือออกแนวเชิญชวนแต่อย่างใด
หลังจากที่มีภาพฉาวของ 2 นักร้องดังจากค่ายอาร์เอสฯ แนนนี่ ภัทรนันท์ ดีรัศมี หนึ่งในสมาชิกของวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ กับนักร้องหนุ่มร่วมค่าย โจ วัทนพร พึ่งเพียร หรือ โจ วงโจ-ป๊อบ กำลังสวีตหวานภายในห้องพักส่วนตัวแห่งหนึ่ง ก็ปรากฏว่า นี่กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ กันอย่างสุดๆ ในตอนนี้ ถึงขนาดที่ถูกมองว่า นี่จะเป็นการจัดฉาก เพื่อโปรโมตศิลปินหรือไม่ เนื่องจากวงโจ-ป๊อบ มีกำหนดออกอัลบั้มใหม่ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ป๊อบ ศักยวัชร์ วงศ์รัตนกมล สมาชิกเพื่อนร่วมวง โจ-ป๊อบ ได้ออกมายืนยันแล้วว่าภาพดังกล่าวไม่ได้เป็นการเจตนาปล่อยออกมาเพื่อโปรโมตอัลบั้มใหม่อย่างแน่นอน แต่ได้ออกตัวว่าไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อน
ส่วนทางด้าน ชมพู สุทธิพงษ์ วัฒนจัง หรือ ชมพู ฟรุ๊ตตี้ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจเพลง บมจ.อาร์เอส ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้อีกครั้งกับทางผู้สื่อข่าวสยามดารา เมื่อค่ำวันอังคารที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า เมื่อมีภาพดังกล่าวออกมา ตนในฐานะผู้บริหารได้เรียกทั้งคู่พบ เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริง ซึ่งทั้งแนนนี่และโจเองได้ยอมรับว่าเป็นภาพเก่าที่ถ่ายไว้ 3 ปีที่แล้ว สมัยที่ทั้งคู่คบหากัน ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว และภาพที่ออกมา แนนนี่ - โจ สารภาพว่าเสียใจมาก ตนได้กล่าวตำหนิในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปแล้วในเบื้องต้น พร้อมกับเปิดใจกว้างๆ ภาพสวีตที่ออกมา ไม่มีผลต่อการทำงานเพลงของศิลปินทั้งสอง นั่นก็คือไม่มีการ ''แบน'' เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะโดยภาพรวมทั้งคู่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความรับผิดชอบด้วยดีเสมอมา
ต่อข้อถามถึงภาพฉาวดังกล่าวจะมีผลต่อเรื่องของงานเพลงในอนาคตของศิลปินทั้งคู่หรือไม่ ผู้บริหาร บมจ.อาร์เอส เผยว่าคงไม่มีการแบน เพราะที่ผ่านมาทั้งคู่ทำงานดีมาโดยตลอด
พร้อมกับกล่าวต่อไปว่า การถ่ายภาพลงมือถือไม่ใช่เรื่องแปลกของคนในยุคไฮเทคนี้ เพียงแต่บางคนลืมคิดไปว่าผลที่จะตามมาจะเป็นอย่างไร
''ผมก็ทราบว่าเขาเป็นแฟนกัน ตามประสาคู่รักไฮเทค การถ่ายรูปกับมือถือถือว่าเป็นไลฟ์สไตล์ น้องเขาทำงานมาหลายปี คือว่าเราเป็นผู้ใหญ่ เรามองว่าภาพดังกล่าวเรายังรับได้ เรามองภาพรวม สังคม พฤติกรรม ว่าน้องเขาอยู่ตรงจุดไหน หากเกินเลยก็มีการตักเตือน สังคมควรให้โอกาสคน"
จากนั้นทางผู้บริหารค่ายเพลงดังได้เปิดใจต่อไปว่า อะไรที่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา จะมีการเตือนให้ระมัดระวังว่าอย่าให้มีอะไรที่มัวหมอง สิ่งที่เกิดขึ้นเราถือว่าเป็นเรื่องของความคึกคะนอง แต่เมื่อมีคนวิพากษ์วิจารณ์ ต่อไปก็ขอให้ระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่านี้ แต่ภาพโดยรวมที่ออกมาไม่ได้ออกแนวอนาจาร และใครล่ะจะคิดว่าภาพที่ถ่ายไว้ทางมือถือจะหลุดออกมา ส่วนคนที่เห็นคิดกันไปเลยเถิด เอาเป็นว่าเมื่อมองจากตัวภาพสำหรับผมคิดว่าไม่มีอะไร องค์กรมองว่าควรตักเตือนและให้โอกาส'' ผู้บริหารย้ำอีกครั้ง
จากนั้น ชมพู-ฟรุ๊ตตี้ เปิดใจต่อไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่าตนเป็นคนสมัยใหม่ มองว่า ต้องเข้าใจ ''คนพลาดกับคนเลวไม่เหมือนกัน คนพลาดที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน คนพลาดพยายามแก้ไข ต่อให้พลาดอีก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนเลว ซึ่งถ้าใครทำผิดพลาดหลังจากที่มีเรื่องแบบนี้ เราคงมีมาตรการในการจัดการล่ะครับ แต่ถ้าใครที่มีภาพหลุดที่ผ่านมาหลายๆ ปี อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องพิจารณาและให้โอกาสครับ''
และสำหรับกระแสภาพหลุดของแนนนี่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของหนุ่มสาว แต่ผู้ใหญ่ (บางคน) ฟังแล้วอาจจะมองว่าตนสนับสนุนให้เด็กวัยรุ่นประพฤติตัวแบบนี้หรือ?
''พวกผู้ใหญ่ที่มีมุมมองแบบนี้ผมอยากจะเชิญให้มานั่งพูดคุย และอยากถามว่าตอนที่คุณอายุ 20 คุณไม่มีเลิฟซีนกับแฟนหรือ ถ้าอายุ 13-14-15 ไม่มีชอตแบบนี้ว่าไปอย่าง แต่สำหรับคนที่อายุ 18-19-20 มีภาพแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างภาพดังกล่าวก็ไม่ได้แบบว่าเขาออกมาเชิญชวน
''ผมมองว่าภาพนี้ปกติของคนวัยนี้ แต่ถ้าใครที่อายุ 20 ไม่มีซีนนั้นไม่ได้หมายความคุณอาจจะไม่มีอะไรเหมือนกับคนทั่วไป การที่คุณคงความดีงามของวัฒนธรรมก็ดีนะ แต่ในขณะเดียวกันคุณต้องเปิดกว้าง ต้องมองตามความเป็นจริงว่า ...ตอนนี้ทุกอย่างได้ขยายไปขนาดไหนที่ถือว่าเป็นคนปกติอยู่ ความอนุโลมและความยืดหยุ่นมันมีขอบ ผู้ใหญ่ต้องเช็ก วัยรุ่นเองต้องรู้ว่าความยืดหยุ่นน่ะขยายได้แค่ไหน ไม่ใช่มีอะไรเกิดขึ้นออกมาด่า พี่ว่าคนไทยบางส่วนมีปัญหาในเรื่องความมั่นใจในตัวเอง บางคนเห็นคนอื่นช้ำก็มองว่าเป็นเหยื่อ ซ้ำเติมอยู่นั่นล่ะ ผมคิดว่าในสังคมไทยควรจะมีความยืดหยุ่น เพื่อให้สังคมมีความอ่อนละมุนต่อกัน สำหรับพี่แล้วบอกอีกครั้งว่าเฉยๆ กับภาพนั้นนะ และพี่โดนทุกครั้ง ตลอดจนมองว่าไม่สมควรไปตำหนิ คนพี่ผิดพลาด เราควรให้โอกาสเขาแก้ตัว ขอย้ำว่าพี่ยืนยันที่อยู่ในจุดเดิม'' กรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจเพลง บมจ.อาร์เอส กล่าว
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก