ตาล รักแห่งสยาม สลบคาที่ ซิ่งเสยท้ายกระบะ

ตาล รักแห่งสยาม ซิ่งวีออสเสยท้ายปิกอัพ แถมถูกชนท้ายซ้ำจนสลบคาที่ หน้าอกกระแทกพวงมาลัยเจ็บ แขนขามีรอยขีดข่วนเลือดไหลเล็กน้อย เผยก่อนหน้านี้เคยเกิดอุบัติเหตุเพราะหลับในมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังรักษาตัวแล้วจะรีบไปทำบุญล้างซวย เหตุดาราสาวภาพยนตร์ชื่อดังซิ่งเสยท้ายกระบะสลบคาที่เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ค. เวลา 09.30 น. เมื่อ ร.ต.ท.สมพร สะตะ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางเขน รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันที่บริเวณหน้าปากซอยรามอินทรา ซอย 8 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีแดง หมายเลขทะเบียน ปธ-8782 กทม. จอดอยู่โดยมีรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน สห-4121 กทม.จอดชนท้ายรถกระบะคันดังกล่าวอยู่ในสภาพกระจังหน้าพังจนแผ่นป้ายทะเบียนหลุด กระโปรงหน้ารถยุบ ส่วนกันชนท้ายหลุดหายไป และพบ น.ส.กัญญา รัตนเพ็ชร์ หรือ ตาล อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/167 หมู่บ้านเลิศอุบล ถนนรามอินทรา กม.6 แขวงและเขตบางเขน ดาราสาวชื่อดังจากภาพยนตร์เรื่องรักแห่งสยาม เจ้าของรถเก๋งโตโยต้าวีออส ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่อยู่พร้อมกับ นายสุรพล ธะไกรราช อายุ 32 ปี เจ้าของรถกระบะคู่กรณี ทั้งนี้ น.ส.กัญญา ให้การว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ตนเองขับรถคันดังกล่าวออกจากบ้านพักเพื่อไปกองถ่ายละครซิทคอมโดยขับมาในช่องทางขวาสุดของถนนรามอินทราโดยใช้ความเร็วปกติ แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ รถกระบะคู่กรณีได้เบรกกะทันหัน ทำให้ตนเบรกไม่ทันจึงชนท้ายรถกระบะเข้าอย่างจัง ทำให้หน้าอกกระแทกกับพวงมาลัยจนรู้สึกเจ็บ นอกจากนี้ยังมีรถอีกคันไม่ทราบว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร ชนท้ายรถของตนซ้ำอีกครั้ง จนสลบไปสักพัก ดาราสาวจากหนังชื่อดัง กล่าวต่อไปว่า จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาปลุกตน ซึ่งเมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บศีรษะ และที่ขาซ้ายก็มีรอยขีดข่วนจนเลือดไหล และเมื่อลงมาดูที่ท้ายรถก็พบว่า กันชนท้ายของรถตนหายไป คาดว่า อาจจะติดไปกับรถคู่กรณีที่ชนท้ายแล้วหนี ตาล รักแห่งสยาม เผยต่อว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ มีหลายคนทักตนแล้วว่า จะประสบอุบัติเหตุ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงจนได้ ก่อนหน้านี้ตนได้ขับรถคันนี้เกิดอุบัติเหตุมาแล้วครั้งหนึ่งสาเหตเพราะหลับใน คราวนี้หลังจากรักษาตัวจนหายดีแล้วก็จะรีบไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ทันที เพราะเกรงจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นอีก และช่วงนี้ตนก็มีเรื่องหนักใจให้คิดมากมายหลายเรื่อง ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก