เสร็จสกินเฮด กระแต จู๋จี๋แฟนใหม่ไปฮ่องกง

หัวใจไม่ว่างเสียแล้วสาว กระแต - ศุภักษร แอบควงหนุ่มหน้าตาดีนอกวงการ เติมความหวานที่เกาะฮ่องกง มีทั้งซบบ่า มองตากันและกันหยาดเยิ้ม ชนิดน้ำตาลเรียกพี่ ทำเอาบรรยากาศความหอมหวานบนเครื่องบินการันตีได้ว่าสาวเซ็กซี่มีแฟนแล้วจ้า ชุ่มฉ่ำหัวใจรับสงกรานต์จริงๆ สำหรับสาวคนนี้ กระแต - ศุภักษร ไชยมงคล หลังจากที่ปล่อยให้หัวใจเปลี่ยวเหงาไร้หนุ่มข้างกายมาเป็นเวลานาน ถึงแม้ที่ผ่านมาสาวคนนี้จะตกเป็นข่าวกับหนุ่มๆ หลายต่อหลายคนแต่ก็ดูเหมือนเป็นช่วงระยะสั้นๆ และไม่มีคำกล่าวใดออกมาจากปากของเจ้าตัวเองที่จะบ่งบอกว่าหนุ่มรายที่ผ่านๆ มาคือแฟนหรือคนรู้ใจ แต่ล่าสุดดูเหมือนหัวใจของสาวกระแตจะไม่ว่างเสียแล้ว เพราะมีคนตาดีแอบเห็นสาวเซ็กซี่ควงหนุ่มหน้าตาดี เหาะเหินเดินอากาศบินลัดฟ้าไปสวีตหวานแหววกันถึงประเทศฮ่องกง ด้วยท่าทีสนิทสนมเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมทางอย่างแน่นอน จากที่ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาสาวกระแตได้เคยเปิดใจว่าตอนนี้กำลังดูใจกับหนุ่มรายหนึ่งอยู่แต่ยังไม่ถึงกับคำว่าแฟนเพราะยังต้องศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอกันก่อน รับว่าเป็นคนพิเศษเป็นหนุ่มนอกวงการแต่ยังไม่ขอเปิดเผยตัวตนของว่าที่คนรู้ใจในตอนนี้ โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่าทั้งคู่ขึ้นเครื่องเดินทางมาจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา และภาพที่แหล่งข่าวได้เห็นมาดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ดูจะเกินเพื่อนอย่างแน่นอน และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนสำคัญของกันและกันก็เป็นได้ เพราะบรรยากาศบนเครื่องบินที่เหินฟ้าไปสู่เกาะฮ่องกง ทั้งกระแตและหนุ่มข้างกายที่ดูยังไงก็ไม่เคยเห็นหน้าผ่านจอทีวี แถมยังดูมาดแมน กับผมทรงสกินเฮด โดยทั้งคู่มีกระเซ้าเย้าแย่ หัวเราะต่อกระซิก มีสบตาหวานกันเป็นระยะ นั่งเกี่ยวก้อยกันตลอดเวลาไม่ได้ห่างกาย อย่างสนิทสนม แถมยังได้ไหล่ของหนุ่มมาดเข้มไว้ให้สาวกระแตพักพิงแทนหมอนอีกด้วย ซึ่งเกือบตลอดการเดินทางสาวกระแตได้ซบอิงไหล่ของหนุ่มนอกวงการจนถึงเกาะฮ่องกงกันเลยทีเดียว การเดินทางในครั้งนี้กระแตไม่ได้มากับเพื่อนชายแต่เพียงลำพัง ยังมีหนุ่มสาวอีกหนึ่งคู่ที่เดินทางมาด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าทั้ง 2 คู่มาในลักษณะเดียวกันนั้นคือคนรู้ใจ ซึ่งคาดว่าการเดินทางมาครั้งนี้ก็เป็นเหมือนการเดินทางท่องเที่ยวของทั้งสองคู่เพื่อที่จะได้เรียนรู้และศึกษากันและกันให้มากขึ้นนั่นเอง และจากรายงานข่าวนี้น่าจะบ่งบอกได้ชัดเจนว่าสาวกระแตหัวใจไม่ว่างเสียแล้วตอนนี้ ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก