หม่ำ ย้ำไม่เนรคุณ เสี่ยตา
จตุรงค์ และโก๊ะตี๋ อารามบอย ก็ไม่ขอเซ็นสัญญากับเวิร์คพอยท์ กลัวกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบ โหน่ง - เท่ง ด้าน โน้ต เชิญยิ้ม สุดเซ็ง ต้นสังกัด เท่ง เถิดเทิง เวิร์คพอยท์ ปัญหาเยอะจัด หลังหนังทำเงิน 141 ล้าน อ้างขอคิดค่าเสียหายที่ทางรายการกระทบคิว และขอแบ่งผลประโยชน์รายได้หนัง ส่อเค้าไม่ได้ เท่ง มาเป็นพระเอก หลวงพี่เท่ง 2 เล็งหานักร้องหนุ่มแร็พมาเล่นเสียบแทน แต่ปัญหาลามไปถึงเรื่อง แก๊ง 3 ช่า คิดแยกวง หัวหน้าก๊วน หม่ำ จ๊กมก รีบออกโรงยืนยันไม่กล้าเนรคุณ
ปัญหาคาราคาซังสืบเนื่องจากโปรเจกต์หนังหลวงพี่เท่ง 2 ของผู้กำกับฯ โน้ต เชิญยิ้ม มีทีท่าจะกลายเป็นปัญหาลุกลาม หลังจากที่หนังภาคแรกทำรายได้ไปกว่า 141 ล้านบาท ทำให้โปรเจกต์หลวงพี่เท่ง 2 กับค่ายพระนครฟิลม์ ต้องเดินหน้าสร้างเอาใจแฟนๆ หนัง แต่ปรากฏว่ามาติดคิวพระเอกตัวนำของเรื่อง คือ หลวงพี่เท่ง ซึ่งเคยรับบทโดย เท่ง เถิดเทิง นั้นติดขัดกับปัญหาเรื่องการนำตัวเท่งมาเล่นไม่ได้ง่ายดายเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะเมื่อหนังทำรายได้เยอะ ต้นสังกัด เวิร์คพอยท์ ก็ได้เข้ามามีบทบาท และตั้งข้อจำกัดมากขึ้น รวมทั้งเข้ามาขอมีส่วนแบ่งรายได้ของหนังที่จะนำตัวเท่งไปเล่น โดยแหล่งข่าวภายในเผยว่า ทาง เวิร์คพอยท์ ก็แอบเตรียมโปรเจกต์จะทำหนังคล้าย หลวงพี่เท่ง ออกมาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ทางผู้กำกับฯ โน้ต เชิญยิ้ม ได้เข้าไปเจรจากับเวิร์คพอยท์แล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผลดีขึ้นมาเท่าไหร่ จึงถอดใจเตรียมหานักแสดงมาเล่นเสียบแทน เท่ง เถิดเทิง เพราะโปรเจกต์หลวงพี่เท่ง 2 ได้เดินหน้าลงทุนสร้างฉากเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำไปหลายล้านแล้ว รอเพียงสรุปตัว เท่ง เถิดเทิง อย่างเดียว
แต่ในเมื่อโอกาสที่จะได้ตัว เท่ง นั้นเริ่มเลืองราง พร้อมกับเงื่อนไขจากเวิร์คพอยท์และข้อจำกัดต่างๆ ที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ส่งผลให้ โน้ต เชิญยิ้ม ถอนตลกของคณะออกมาจากรายการของเวิร์คพอยท์ และเตรียมหานักแสดงใหม่มาวางตัวแทน เท่ง เถิดเทิง แล้วคาดว่าจะเป็นนักร้องแร็พคนดังมาเสียบแทน แล้วอาจจะต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ แก้บทให้ตามความเหมาะสม
ในขณะที่ เท่ง - โหน่ง เองนั้นก็เริ่มมีปัญหาอึดอัดใจในการทำงานกับเวิร์คพอยท์ ตามที่มีกระแสข่าวออกมาแล้วนั้น ส่วนทางด้าน หมํ่า จ๊กมก นั้นหมดสัญญากับทางเวิร์คพอยท์แล้วเมื่อปลายปี 2550 ก็ไม่ขอต่อสัญญาอีก ออกมารับงานอิสระ กับปัญหาภายในที่เกิดขึ้นนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่าเป็นเพราะ เสี่ยตา - ปัญญา นิรันด์กุล เปลี่ยนไป ไม่ได้ใจลูกน้องอีกแล้ว แถมงานนี้ยังถูกวิจารณ์ว่าเป็นสาเหตุให้ 2 ตลกชื่อดัง จตุรงค์ มกจ๊ก และ โก๊ะตี๋ อารามบอย ไม่กล้าเซ็นสัญญากับเวิร์คพอยท์ เพราะกลัวตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบโหน่งกับเท่ง
''คนรอบข้างที่เคยอยู่กับ เสี่ยตา เริ่มอึดอัด เพราะมองเห็นแต่กำไรและผลประโยชน์มากเกินไป ไม่มีมิตร การถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำให้อยู่กันอย่างอึดอัด ลูกน้องจึงมักออกมาเติบโต ดังเช่น หมํ่า จ๊กมก ส่วน เท่ง - โหน่ง ยังติดอยู่ในสัญญาแต่ก็อยู่อย่างลำบากใจ ในขณะที่ เสี่ยตา พยายามทาบทามตลกคนอื่นขึ้นมาเสริมทีม แต่เมื่อมีการเซ็นสัญญา ทั้ง จตุรงค์ และ โก๊ะตี๋ อารามบอย ก็ไม่ขอเซ็นสัญญากับเวิร์คพอยท์ เพราะเห็นตัวอย่างจากเพื่อนตลกประสบปัญหาแล้ว จึงระมัดระวังมากเป็นพิเศษ มาร่วมงานช่วยทำรายการได้แต่ไม่ขอเซ็นสัญญาผูกมัด'' แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวแจ้งว่า หม่ำ จ๊กมก ได้ไปบันทึกเทปรายการ 7 กะรัต ซึ่งมีคิวออกอากาศทางช่อง 7 ในวันอังคารที่ 8 เมษายนนี้ พร้อมกับปฏิเสธถึงกระแสข่าวอกตัญญูดังแล้วคิดแยกวงว่า ''แค่ข่าวลือ...ผมทำงานกับใครแล้วผมรักเหมือนครอบครัว ใครเอาไปพูดอย่างนั้นก็ไม่รู้ ชีวิตผมเจอแต่กับคนดีๆ พี่เทพคนแรกเขาก็มีแต่ให้ เจอคุณปัญญาก็มีแต่ให้ เจอเสี่ยเจียงเขาก็มีแต่ให้ ทุกคนมีบุญคุณกับผม ผมไม่รู้ว่าคนที่เอาไปพูดเขาคิดอะไรนะ ตั้งแต่มีข่าวอย่างนี้ออกมาผมไม่เคยไปคุยอะไรกับ คุณตา-ปัญญา ไม่รู้จะไปคุยอะไร เพราะมันไม่มีอะไรจริงๆ คนก็พูดกันไปเรื่อย คนโน้นพูดบ้างคนนี้พูดบ้าง แต่พี่ตาเขาเป็นผู้ใหญ่ เขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยถามผมหรอก และผมก็ไม่เคยไปพูดอะไรกับพี่เขา เราอยู่กันจนเป็นครอบครัว อยู่กันมานานจนผมคิดว่าเขาเป็นพี่เป็นพ่อไปแล้ว ผมรู้สึกธรรมดามาก มันไม่มีอะไรเพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ออกจากปากผม แต่ที่น่าไปถามว่าเขารู้สึกยังไงต้องเป็นพี่ตา จริงๆ ไม่มีอะไรเรื่องพวกนี้มันอยู่ที่ใจของเรามากกว่า ถ้าผมจะไป...ผมจะไปเมื่อไหร่ก็ได้''
ต่อข้อซักถามที่ว่า เรื่องการไม่ต่อสัญญากับเวิร์คพอยท์ ตลกชื่อดังกล่าวว่า ''มันก็เป็นข่าวลืออีก ผมอยู่กับเสี่ยเจียงผมก็ไม่มีสัญญา กับเวิร์คพอยท์ก็ไม่มี เราอยู่กันแบบพี่น้องที่ทำงานกันไป พี่ก็ทำไป ผมก็ทำไป เหมือนเราอยู่กันคนละแผนก หม่ำโชว์ก็เป็นบั้งไฟสตูดิโอ ที่ผมดูแลอยู่ ผมก็ดูแลไป มีถ่ายชิงร้อยชิงล้าน ผมก็ไปถ่าย แล้วต่อไปมันจะมีบริษัทหนังเพิ่มขึ้นมา ผมก็จะเป็นคนดูแล''
นอกจากนี้ หม่ำ ยังถูกซักถามถึงประเด็นที่ว่าขัดกันเพราะเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกับการขายโฆษณาของบริษัท เกี่ยวกับเรื่องนี้หม่ำบอกว่า ''ไม่เลย มันเป็นเรื่องที่คุยกันไปคุยกันมาโดยที่ไม่ได้คุยกับผม คุยกันจนอะไรไม่รู้ จนผม...ผมคิดว่าพี่ตาคงไม่คิดเรื่องแบบนี้หรอก คงไม่มานั่งอ้อมแอ้ม อมพะนำกันหรอก ผมมีอะไรคาใจผมจะพูด แล้วพี่ตาเขาก็ดีกับผมขนาดนั้น แทบจะเลียรักแร้กันอยู่แล้ว อยากพูดว่าทุกอย่างเป็นข่าวลือ ผมอยู่ของผมเฉยๆ ไม่เคยให้ข่าวเลย และพี่ตาก็ไม่เคยเรียกไปถามไปคุย
แล้วมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งเขียนว่า หม่ำยกทีม 3 ช่าออก ''ผมว่าตลกขำมาก ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง มันเป็นคนเนรคุณลืมบุณคุณแล้วถ้าทำอย่างนั้น ซึ่งผมเป็นคนที่ถือมากเรื่องลืมบุญคุณคน อย่างที่ผมตั้งใจไว้ในใจของผม ติดหนี้ต้องคืนทุน มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นให้อภัย ผมคิดของผมอย่างนี้ หักคนน่ะมันหักง่าย แต่พอดีผมเป็นคนมีมารยาท เป็นคนอีสาน เป็นคนที่ราบสูง เป็นคนซื่อ เวลาพูดอะไรก็พูดให้ตรง พูดกันซื่อๆ เลยไม่เคยทำแบบนั้น พวกที่ทำแบบนั้นได้นี่เป็นคนโง่เขลาที่ไปทำกับผู้ใหญ่ที่เขามีบุญคุณกับเราขนาดนั้น ผิดมหันต์ แต่ใช้กับผมไม่ได้คำเหล่านั้น...ไม่มีทาง ผมไม่สนข่าวลือ ทำหน้าที่ของผมไป ดูแลหม่ำโชว์ และทำหน้าที่พิธีกรในชิงร้อย ชิงล้าน''
คลิก : ก่อนจะมาเป็นแก๊งสามช่า หม่ำ เท่ง โหน่ง
คลิก : อัลบั้มภาพ หม่ำ
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก