มะเร็งตับลาม! ยอดรัก สู้ลั่นไม่ยอมตายรอเผา สายัณห์ ก่อน

ยอดรัก อาการทรุด มะเร็งตับลาม น้ำหนักลด 12 กก. ลั่นยังไม่ขอตายง่ายๆ รอเผาผี สายัณห์ ก่อน บ่ายวันที่ 24 มีนาคม นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง แอ๊ว - ยอดรัก สลักใจ เดินทางไป ร.พ.ศิริราช อีกครั้ง ซึ่งหมอได้นัดตรวจอาการโรคมะเร็งตับ โดยผลตรวจออกมาล่าสุด อาการค่อนข้างรุ่นแรงขึ้น มะเร็งลามมากกว่าเก่า จนน้ำหนักลด 12 กิโล ซึ่งหมอแนะนำอย่าเครียดมาก ส่วนกรณีพิพาทกับ นักร้องลูกทุ่ง เป้า - สายัณห์ สัญญา นั้น เจ้าตัวบอกว่ายังไม่ตายง่ายๆขอรอเผา สายัณห์ ก่อน โดยยอดรัก เปิดเผยว่า "สำหรับวันนี้ที่มาตรวจเลือดเพื่อเช็กสุขภาพของโรคที่เป็นอยู่ คุณหมอบอกว่าผลเลือดของผมวันนี้ยังมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่มาก อาการของโรคดูรุนแรงขึ้น ทุกอย่างเพิ่มขึ้นมาหมด หมอบอกว่าอยู่ในขั้นที่อันตรายเลยทีเดียว วันนี้หมอสั่งลดยาบางตัวลงไป เพื่อที่รอดูอาการว่ามันจะดีขึ้นมั้ย" "แต่เห็นตอนนี้หมอบอกว่าเอนไซม์ในตับของผมมีมากขึ้น มีมากจนทำให้ตับเริ่มอักเสบมากขึ้น ตอนนี้หมอเลยสั่งเพิ่มยาบำรุงตับไปให้ และหมอสั่งเตือนว่าอย่าให้เครียดและพักผ่อนให้มากๆ ตอนนี้ผมเจ็บตรงหน้าอกและรู้สึกแน่นขึ้นเรื่อยๆทุกๆวัน" "ตอนนี้ผมไม่ขอเปิดเผยอะไรมากถึงเรื่องนี้ เพราะว่าถ้าผมบอกไปแล้วว่าตอนนี้ผมเป็นระยะไหนมันก็จะทำให้ทุกคนรู้ทันที ว่าผมจะตายเมื่อไหร่ วันไหน เรียกว่าถ้าเกิดบอกระยะ ก็จะรู้เลยว่ากี่เดือนผมตายแต่ตอนนี้กำลังใจผมดี รับรองได้ว่าผมยังอยู่ต่อได้อีกหลายปีแน่นอน" "ข่าวมันมีส่วนอย่างมาก เพราะที่ผ่านมามีข่าวออกไปเยอะทำให้ผมเครียดมากจนน้ำหนักจากเดิม 74 ก.ก.ตอนนี้ลดมาเหลือ 62 ก.ก.เรียกว่าลดไปอย่างน่ากลัว 12 ก.ก.เลยแค่ในระยะไม่ถึงเดือน แต่ตอนนี้สภาพจิตใจพี่เริ่มดีขึ้นแล้ว เพราะผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ก็ตาม ตอนนี้ใครจะว่าหรือพูดอะไรก็ปล่อยแล้ว" "ผมถือว่าเหมือนกับการที่ผีเปรตมาขอส่วนบุญเดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง คือผมไม่ขอฟังข่าวอะไรอีกแล้ว แต่ผมก็รู้นะว่ามีใครด่าหรือใครว่าอะไรผมบ้าง เพราะที่บ้านจะมีลูกน้องมาเล่าให้ฟังตลอดว่ามีข่าวอะไรบ้าง เอาหนังสือพิมพ์มาให้ดูแต่ผมก็ไม่อยากสนใจ ผมเลือกที่จะไม่ดูและไม่ฟังดีกว่า ผมขอเอาเวลาตรงนั้นมารักษาตัวเองดีกว่า ถ้าเกิดเขาอยากจะทำอะไรอีกก็ปล่อยให้เขาบ้าไปคนเดียว" ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้มีการติดต่อพูดคุยกันบ้างหรือเปล่า ซึ่งนักร้องดังกล่าวว่า รู้จักนิสัย ของ เป้า - สายัณห์ ดีว่าคงไม่ก้มหัวให้ใครง่ายๆแน่ พร้อมกับจวก น.ส.พ.บันเทิงดัง ว่าเขียนข่าวมั่ว ไม่มีจรรยาบรรณการเขียนข่าว "ผมไม่รู้จะติดต่อไปทำไมเพราะผมเป็นผู้เสียหาย เขานั่นแหละที่น่าจะเป็นคนที่มาคุยกับผมถึงจะถูกต้อง คือ ถ้าเกิดหลังจากนี้ถ้าเขาติดต่อกลับมาผมถึงจะคุยกับเขา แต่ผมว่ามันคงจะไม่มีวันนั้นแล้วล่ะ ผมดูเหตุการณ์แล้วเขาคงจะไม่มาแล้ว ด้วยผมรู้นิสัยเขาดี ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวเขาและตัวหนังสือพิมพ์เอง ขนาดล่าสุดที่มีข่าวออกมาว่าน่าจะขอบคุณทางหนังสือพิมพ์สยามดาราซะด้วยซ้ำที่ทำข่าวผมให้ดังขึ้น เห็นมั้ยเขายังไม่ยอมรับความจริงสักทีว่าเขาทำอะไรไว้" "แล้วการที่มีข่าวออกมาว่าที่มีคู่กรณีแอบย่องมาหาผมที่บ้านผมไม่เคยเห็นแม้แต่เงาเขาสักนิดเลย หนังสือพิมพ์สยามดารานั่นแหละไปเขียนเอาเองทั้งนั้น หนังสือพิมพ์เขาก็จะเป็นอย่างนี้แหละคอยพยายามที่จะยุยงให้คนทั้ง 2 ฝ่ายมากัดกัน ทำข่าวออกมาเพื่อที่จะขายสินค้าโดยไม่มีจรรยาบรรณคือที่ผ่านมาฝ่ายนู้น (สายัณห์ สัญญา)ไม่มีการติดต่ออะไรมาหาผมเลย" "ส่วนหนังสือพิมพ์สยามดารานั้นผมว่าผมควรจะต้องไปตักเตือนเขาสักครั้ง ก็ต้องเตือนกันหน่อยแหละ แต่ผมก็อยากฝากพวกเราที่เป็นสื่อมวลชนด้วยกันเองเพราะว่าถ้าเขาทำอย่างนี้ มันจะทำให้อาชีพนักข่าวเสียจรรยาบรรณเพราะการที่จะนึกหรือเขียนอะไรลงไปในข่าวโดยไม่นึกถึงผู้เสียหายนั้น อย่างน้อยผมก็อยากให้เข้าใจว่าผู้เสียหาย เขายังมีชีวิตอยู่ ควรจะมาถามไถ่สักนิดว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นจริงหรือไม่จริง ไม่ใช่อยากจะเขียนอะไรก็เขียนไป" "เพราะเดี๋ยวพอไม่เป็นความจริงเขาก็จะออกมาตอบโต้กันเอาเอง มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคือถ้าเราเสียหายไปแล้วเราก็ไม่สามารถเอาคืนได้ อีกอย่างหนึ่งก็เป็นคนที่ไม่ได้จะตอบโต้อะไรใครด้วยแต่ครั้งนี้ผมเป็นผู้เสียหายจริงๆ" "กระแสข่าวตรงนี้ผมว่ามันสับสน ตรงที่ก่อนหน้านี้เขาออกมาพูดว่าผมเป็นคนผิด ผมเลยตัดปัญหาด้วยการที่ออกมาขอโทษเขา คือจริงๆที่ผมออกมาขอโทษนั้นคือผมอยากจะจบข่าว อยากจะยุติข่าวเพื่อเอาเวลามารักษาตัวเองดีกว่าเพราะผมดูแล้วไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือพิมพ์เอง และตัวเขาผมว่ามันคงไม่จบแน่ ผมเลยบอกไปตอนนั้นว่าในฐานะที่ผมเป็นคนถูกในฐานะที่ผมเป็นผู้เสียหายผมขอโทษคุณแล้วกัน" "จริงๆแล้วเขาน่าจะรู้นะว่าเราประชดเขา แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขายังออกมาบอกอีกว่าเห็นมั้ยสุดท้ายมันก็ยอมออกมาขอโทษผมแล้ว ผมบอกแล้วไงมันผิด ตรงนี้ผมว่าคนโง่อย่างไรมันก็โง่ คิดไม่ได้หรอกคือการที่เราพูดขนาดนี้แล้วคนที่มีการศึกษาเขาน่าจะรู้แล้วว่าเขาประชด" "คือผมดูแล้วอย่างไรเขาก็ไม่ลดราวาศอก จากคำที่เขาบอกว่าเดี๋ยวผมแถลงข่าวเสร็จถ้ามันไม่เป็นความจริงเขาจะออกมาขอโทษแต่พอหมอแถลงข่าวเสร็จปั๊บเขาก็ไม่ออกมาขอโทษแค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าเขาเป็นอย่างไร ในเมื่อคนผิดไม่ยอมขอโทษผมเป็นฝ่ายถูก เป็นผู้เสียหายผมก็ขอโทษเองแล้วกัน มันมีที่ไหนในโลกขนาดคนทั่วไปเขายังเข้าใจเลย" "เรื่องของเรื่องผมจะพูดให้ฟังถ้าคนมีความรู้สักนิดหนึ่งในเมื่อหมอแถลงเสร็จแล้วเรียบร้อย คุณไม่ต้องมาขอโทษผมก็ได้ แต่คุณแค่พูดผ่านสื่อสักนิดหนึ่งว่ายอดรัก เสรี ที่ผ่านมาพี่เข้าใจผิดแต่ตอนนี้พี่ตาสว่างแล้วหลังจากที่หมออกมาแถลงข่าวเอาเป็นว่าพี่ขอโทษแล้วกันที่พี่พูดไปเพราะพี่เป็นห่วงน้อง ถ้าพูดแค่นี้เองทุกอย่างก็สวยหรู ทุกอย่างก็จบแต่เขาไม่ทำอย่างนั้น" "แต่เขากลับมีต่อไปเรื่อยๆ ยังจะออกมาบอกผมต่ออีกว่าทำไมหมอแถลงข่าวแล้วแต่ไม่ยอมแถลงออกมาว่าผมเป็นถึงขั้นไหน ทำไมหรือ อยากรู้เหรอว่าผมจะตายวันไหนคือผมดูแล้วมันจะไม่จบ ผมเลยขอจบดีกว่า กลายเป็นว่าการที่ผมมาขอจบผมคือคนผิด" ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า อนาคตทั้งคู่จะกลับมาคืนดีกันอีกไหม ยอดรักกล่าวว่า หากอีกฝ่ายลดทิฐิลงก็มีโอกาสกลับมาคุยกันได้ พร้อมตบท้ายว่า ตนยังไม่ขอตายง่ายๆ จะต้องรอเผา สายัณห์ ก่อน "ถ้าเกิดเขาลดทิฐิลงแล้วออกมาขอโทษผมผมก็โอเค แต่ถ้าเกิดจะให้ผมไปขอโทษเขานั้นผมก็ยังหาคำขอโทษไม่ถูกเลย เอาเป็นว่าหลังจากนี้ก็ไปถามสังคมแล้วกันอย่ามาถามผมเลยแต่เขาไม่จำเป็นต้องมาขอโทษผม แค่ขอโทษผ่านสื่อก็ได้ ยอมรับออกมาเลยที่พูดไปเพราะหวังดี เรื่องราวมันจบแล้วพี่ขอโทษแล้วกัน แค่นี้ผมก็จบแต่ทีนี้เขาไม่ยอมรับว่าเขาผิด เขาจุดประเด็นนี้ขึ้นมา" "ถ้าเขาคิดว่าเขาไม่ผิดจริงแล้วทำไมเขาถึงไม่ฟ้องหนังสือพิมพ์สยามดารา ที่ผ่านมาสยามดาราลงข่าวเกินหรือเปล่า ทั้งคู่เขาก็ฟ้องกันไม่ได้เพราะเขาก็นั่งเทียนกันทั้งคู่ ผมอยากจะให้เอาภาพตอนที่เขาสัมภาษณ์ครั้งแรกกับครั้งหลังนี้มาเปรียบเทียบกันดูว่าลักษณะของการพูดตอนแรกกับการพูดตอนหลังต่างกันขนาดไหน กับตอนแรกที่เขาพูดอย่างไรผมก็เชื่อว่ามันเป็นจริง มันขึ้นหลังเสือแล้วมันลงไม่ได้ ลวงโลก แต่พอมาตอนหลังกลับมาร้องไห้เสียใจ มันดูเหมือนละคร เอาเป็นว่ารางวัลตุ๊กตาทองมันรออยู่แล้ว" "ผมอยากบอกสุดท้ายว่าผมยังไม่ตายหรอกครับ ผมจะรอเผาเขา" คลิก : ประวัติ ยอดรัก สลักใจ ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก