พี่เป้า โวย แอ๊ว มะเร็งแหกตา? หมอชี้อาจแค่ต่อมน้ำเหลืองโต
พี่เป้า - สายัณห์ ประกาศกร้าวไม่ขอเอี่ยวกับงานคอนเสิร์ตหาทุนช่วยเหลือค่าพยาบาล พี่แอ๊ว - ยอดรัก หวั่นกลายเป็นจำเลยของสังคม เรื่องป่วยของ ยอดรัก ถ้าหากกลายเป็นเรื่องโอละพ่อตอนหลัง ยืนยันไม่เคยมีจุดประสงค์ร้ายหรืออิจฉาใครแต่เป็นห่วงนักร้องลูกทุ่งรุ่นน้องมากกว่า ด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งวินิจฉัย พี่แอ๋ว อาจป่วยเป็นเพียงแค่ต่อมน้ำเหลืองโต
นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เป้า - สายัณห์ สัญญา เจ้าของเพลงดัง ไก่จ๋า และอีกนับร้อยเพลงออกมาเปิดใจไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคอนเสิร์ตหารายได้ช่วยเหลือนักร้องลูกทุ่งขวัญใจมหาชน แอ๊ว - ยอดรัก สลักใจ ที่ออกมาเปิดเผยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ หลังมีกระแสข่าวอ้างว่า ความจริงแล้ว พี่แอ๋ว ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งจริง แต่เพราะมีบุคคลชักใยอยู่เบื้องหลังเพื่อหาผลประโยชน์ ซึ่งการออกมาเปิดใจครั้งนี้ พี่เป้า ยืนยันว่าไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายกลับใครทั้งสิ้น แต่ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือของใคร
''ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการกระทำอย่างนี้ของนักร้องรุ่นน้อง แอ๊ว - ยอดรัก สลักใจ เพราะเข้าใจว่าแอ๊วเขาไม่ได้เป็นมะเร็ง อันนี้เป็นเหมือนการเล่นละคร ผมเลยไม่ขอเกี่ยวข้อง อย่างในคอนเสิร์ตช่วยเหลือต่างๆ ก็เอาชื่อผมไปโปรโมตว่าผมไปร้องด้วย ที่จริงไม่มี ผมไม่เอาด้วยตั้งแต่แรก เพราะมีคนที่ใกล้ชิดกับผมมาบอกว่า จริงๆ มันเป็นการจัดฉากของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งสนิทกับ แอ๋ว - ยอดรัก สลักใจ คนหนึ่งเป็นเพื่อนซี้ อีกคนหนึ่งเป็นครูเพลง โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งคอยปูทาง และทำคอนเสิร์ตโปรโมตให้ โดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการนำเสนอข่าว เรื่องทั้งหมดที่ผมออกมาพูด ไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัวและผมก็ไม่ได้หวังร้ายกับแอ๊ว แต่กลัวว่าถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นมาจะกลายเป็นจำเลยของสังคม กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ พี่รู้เต็มอกว่าความจริงคืออะไร ใครทำอะไรอยู่ และแอ๊วก็รู้เต็มอกด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีคนโทร.มาหาผมทั้งที่เป็นแฟนเพลงและคนใกล้ชิด เขาถามผมว่า จริงๆ แล้วการที่คนเราจะออกมาแถลงข่าวว่าเป็นมะเร็ง จะต้องมีแพทย์เจ้าของไข้มานั่งชี้แจงด้วยสิ ไม่ใช่แอ๊วมานั่งบอกคนเดียว บอกว่าจุดนี้โตเท่านั้น ตรงนี้แค่เท่านี้''
พี่เป้า - สายัณห์ กล่าวอีกว่า ที่ตนเริ่มสงสัยว่า ยอดรักอาจไม่ได้เป็นมะเร็งจริงนั้น มีเหตุผลหลายอย่าง รวมทั้งรายงานข่าวที่ตนได้เห็นเว็บไซต์แห่งหนึ่งซึ่งรายงานข่าวทำนองว่า ยอดรัก สลักใจ นักร้องลวงโลก
''เพื่อต้องการเตือนว่า พวกคุณทำอะไรอยู่ และห่วงว่าถ้าเกิดความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องหลอกลวงสังคมจะรู้สึกอย่างไร ผมเลยไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ไง อย่างตอนนี้ผู้ที่จัดคอนเสิร์ตก็เริ่มแบ่งกันเป็นขั้วจัดตัดหน้ากันเอง เหมือนคนพวกนี้คือคนที่ดันให้แอ๊วขึ้นไปอยู่บนหลังเสือ จะลงก็ลำบาก ต้องเดินหน้าอย่างเดียว อย่างล่าสุดถ้าแอ๊วเป็นมะเร็งจริง ต้องฟ้องร้องเว็บไซต์บางเว็บไปแล้ว เพราะมีการนำข้อความว่า ยอดรัก สลักใจ นักร้องลวงโลก ไปโพสต์ไว้ ซึ่งตอนนี้คนไทยทั่วโลกเขาก็เห็นกันหมดแล้วด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถฟ้องร้องได้ เพราะเข้าข่ายหมิ่นประมาท ผ่านมาเป็นอาทิตย์แอ๋วก็ยังเฉย ผมก็โทร.ไปถาม แอ๊วขำๆ บอกว่าผมเป็นจริงพี่ พี่ใหญ่คิดมากไปเปล่า ผมก็เลยได้แต่เออๆ เตือนแล้วนะ''
เมื่อมีกระแสลือทำนองนี้ อยากแนะนำให้ ยอดรัก ทำอย่างไร เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าป่วยเป็นมะเร็งที่ตับจริงๆ นักร้องลูกทุ่งเครางามกล่าวว่า ยอดรัก ต้องมีการพิสูจน์ให้สื่อมวลชนได้รับรู้อย่างชัดเจนกว่านี้
''ก็ต้องนัดสื่อมวลชนให้มาทำข่าวพร้อมเพียงกันทุกที่ แล้วก็พิสูจน์ด้วยการให้หมอที่เชี่ยวชาญด้านมะเร็งโดยตรง เจาะเลือดแล้วไปตรวจว่าเป็นจริงหรือเปล่า ไม่ต้องกลัวไม่ได้เป็นเอดส์ ไม่จำเป็นต้องอายใครเลย เพราะวันนี้มันมีคนเคลือบแคลงสงสัย เพราะยังไม่เห็นแพทย์ที่ดูและออกมาบอกเลยว่าคุณเป็นมะเร็ง มีแต่พวกคุณที่ออกมาเออออห่อหมกว่าเป็นมะเร็งตรงนั้นตรงนี้ เหมือนจัดฉากกันมาตลอด เช่นตอนที่ศิริราช หลังจากไปตรวจมีแต่แอ๋วคนเดียวที่ออกมานั่งพูด ไม่มีหมอที่ดูแลมานั่งกำกับเลย และให้ความคิดเห็นว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อรักษา เหมือนกับมีคนเขียนสคริปต์มาให้ว่า จะต้องใช้ยาตัวนั้นตัวนี้ กระปุกละ 4 พัน เจ้าของร้านเพชรมีเงินเยอะแยะยังตาย แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ออกมาบอกว่าผมไม่มีตังค์เลย มองแล้วมันสงสารแอ๊วเหลือเกิน เหมือนเป็นตัวละครที่มีผู้กำกับจัดการทุกอย่างให้ แต่ซักวันหนึ่งเรื่องนี้ต้องแดง''
ต่อข้อซักถามว่า ที่ออกมากล่าวทำนองนี้เพราะ ไม่ถูกกับ ยอดรัก หรือมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า พี่เป้า ยืนยันว่าตนกับ ยอดรัก ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันแต่อย่างไร มีแต่จะช่วยเหลือกันมากกว่า ที่ออกมาพูดมีจุดประสงค์เดียวคือไม่อยากให้ใครนำชื่อผมไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และรู้สึกเป็นห่วง ยอดรัก กลัวจะต้องเอาชื่อเสียงที่สะสมมาตลอดชีวิตมาทิ้งเพราะคนเพียงไม่กี่คน
''เฮ้ย...เปล่านะพี่ยังรักกันดี ทุกอย่างเหมือนเดิม เป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม ผมไม่เคยขัดใจอะไรกันมีแต่จะช่วยเหลือกันมากว่า ผมคิดคนแรกเลยนะถ้าน้องเป็นจริงต้องช่วยหาเงินมารักษา จะจัดคอนเสิร์ตที่เมืองทองธานี และเชิญศิลปินทั่วฟ้าเมืองไทยมาร้องแล้วขายบัตรอย่างเป็นทางการ ตอนแรกเริ่มมีกระแสนี้ ผมก็ไม่เชื่อเพราะคิดว่าแอ๊วที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ จะเอาชื่อที่สะสมมาทิ้งในช่วงปลายของชีวิต โดยบางคนอาจรวย แต่แอ๊วอาจจะตายก็ได้ เพราะอย่าลืมว่า คนที่เขาช่วย แล้วเหมือนโดนหลอกมันเจ็บใจทำไมไม่บอกความจริงว่ามีปัญหาเรื่องอะไร ที่ออกมาพูดคือไม่มีอะไรแค่ไม่อยากให้เอาผมไปยุ่งเกี่ยว ใครจะว่าผมเป็นคนยังไงก็แล้วแต่ แต่คนหนึ่งแหละที่ไม่ทำแบบนี้''
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความคิดว่าบทสรุปเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร พี่เป้า กล่าวต่อว่า อาจจะจบลงตรงที่ ยอดรัก ออกมาประกาศกับสังคมว่า ตนหายป่วยจากโรคมะเร็งแล้ว ด้วยการกินยาสมุนไพร
''เรื่องนี้จะจบตรงที่แอ๊วออกมาบอกว่าผมกินยาสมุนไพร ผมหายแล้วครับยาสมุนไพรทำให้หาย แล้วแอ๊วก็จะเป็นพรีเซนเตอร์ยาสมุนไพร แล้วทุกอย่างก็จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ลองจับตามองให้ดี เมื่อ 6 เดือนผ่านไปจริงๆ ผมไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวจะหาว่าพี่ออกมาพูดแบบนี้พี่ต้องการอะไร คือผมไม่ต้องการให้ใครเอาชื่อผมไปแอบอ้างหรือหาผลประโยชน์กับเหตุการณ์แบบนี้ ที่พูดวันนี้มีจุดประสงค์เดียว ไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร''
เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ร.พ.ศิริราช เพื่อสอบถามแพทย์ผู้ตรวจร่างกายว่า ยอดรักเป็นป่วยเป็นมะเร็งตับหรือไม่อย่างไร หรือว่าเป็นระดับไหนแล้ว แต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้พบกับแพทย์ ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อไปทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของรัฐ และสอบถามว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งตับระยะที่ 3 นี้ ส่วนใหญ่จะมีอาการผิดปกติอย่างไร ซึ่งได้รับการเปิดเผยว่า ผู้ป่วยมะเร็งตับขั้นที่ 3 นั้น จะมีรูปร่างผอมจากเดิมเป็นคนละคน สีหน้าซีดเซียว และอาเจียนเป็นเลือด
''ถ้าเป็นระยะนี้อันตรายมาก บางคนผมร่วงด้วย เนื่องจากต้องคีโม แต่ในกรณีของนักร้องลูกทุ่งจากการสังเกตจากการติดตามข่าว ก็มีข้อสงสัยได้ว่าอาจไม่ได้เป็นมะเร็งที่ตับ แต่เป็นต่อมนำเหลืองโป่งพองขึ้นมา แล้วเกิดเป็นจุดสีดำ เพราะถ้าขั้นที่ 3 เมื่อผู้ป่วยเป็นถึงขั้นนี้ เมื่อมะเร็งลามไปสู่ต่อมน้ำเหลืองมีความเป็นไปได้สูงว่า จะอยู่ได้เพียงแค่ 1-2 เดือนไม่ถึง 6 เดือน เพราะเคสทั่วๆ ไปเมื่อเป็นระยะที่ 3 เกินการยับยั้งเข้าสู่ขั้นที่ 4 ซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย''
''แต่นักร้องลูกทุ่งชื่อดังยังดูแข็งแรงดี เดินเหินได้สะดวกสบาย ไม่มีอาการอาเจียน มีเพียงน้ำหนักลดเท่านั้น ถ้าวิเคราะห์กันตามการแพทย์มีเพียงแค่ 20-30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะเป็นมะเร็ง ที่พูดนี่พูดไปตามตำราที่เรียนมา เพราะโดยลักษณะถ้าพี่แอ๊วเป็นมะเร็งจริง ถือว่าเป็นเคสที่ควรนำมาเป็นกรณีศึกษาอย่างมาก เพราะอาจจะมียาบางตัวเข้าไประงับได้ เพราะเท่าที่ทราบเขาบอกว่ารักษาด้วยยาสมุนไพร ซึ่งทางการแพทย์น้อยมากที่จะรักษาด้วยสมุนไพร จะรักษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือเอาวิทยาศาสตร์ไปช่วยเท่านั้น แต่ก็ไม่กล้าฟันธงนะว่าเขาเป็นหรือไม่เป็นอย่างไร''
''แต่ถ้าหากมองตามวิถีของแพทย์แล้วนั้นน่าจะเป็นเพียงต่อมน้ำเหลืองโต เพราะมะเร็งโดยทั่วๆ ไปไม่โตจะเป็นพื้นราบแล้วลามไปเรื่อยๆ เหมือนน้ำไหล เพราะมะเร็งกินไปเรื่อยๆ แต่โตเป็นจุดๆ นี่น่าจะต่อมน้ำเหลือง และกลายเป็นมะเร็งทีหลัง ที่เขาบอกว่ามีหลายจุด จุดโน้นเล็กจุดนี้ใหญ่ กดจากข้างนอกเข้าไปแล้วรู้ว่าจุดนี้ขนาดไหน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะชั้นเนื้อหนามากนิ้วไม่สามารถกดไปสัมผัสกับด้านในได้ เพราะมีทั้งชั้นเนื้อชั้นหนังกำพร้าชั้นไขมัน และมะเร็งจะเริ่มจากจุดๆ หนึ่งแล้วค่อยๆ กระจายเป็นวงกว้างออกไป ผู้ป่วยจะมีอาการทันที แน่นหน้าอก ปวดท้อง ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน กินอะไรเข้าไปก็สำรอกออกมาเพราะร่างกายทำงานผิดปกติ ในส่วนของกรณีนักร้องลูกทุ่งคงต้องให้เวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้'' แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง กล่าว
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก