ชีวิตน้ำเน่าดาวโป๊ แอนนา นิโคล สมิทธ จะเป็นบทละคร รอยัล โอเปร่า...สะท้อนประวัติศาสตร์สหรัฐ!!

เธอคนนี้เคยเป็นทั้งนางแบบและดาวโป๊ โด่งดังเป็นพลุแตกจากการเปลือยกายให้นิตยสารเพลย์บอย แถมยังมีรายการเรียลลิตี้เป็นของตัวเองอีกด้วย เธอเกิดและเติบโตที่รัฐเท็กซัส เรียนก็ไม่จบ เพราะรีบเข้าเรือนหอด้วยอายุเพียง 17 ปี การแต่งงานครั้งที่ 2 ทำให้เธอกลายเป็นหัวข้อการสนธนาไปทุกที่ เพราะเธอแต่งงานกับมหาเศรษฐีน้ำมัน นามว่า เจ โฮวาร์ด มาร์เชล ผู้ซึ่งมีอายุมากกว่าเธอถึง 63 ปี ทุกคนเชื่อว่า เธอทำไปเพื่อเงินและมรดก แต่เธอปฏิเสธ เมื่อสามีเฒ่าของเธอตาย เธอต้องต่อสู้ยื้อแย่งสมบัติ จนคดีไปถึงศาลสูงของสหรัฐฯ ไม่กี่เดือนก่อนที่เธอจะตายจากการเสพยาเกิดขนาด ด้วยวัย 39 ปี เธอหมกหมุ่นกับการเสียชีวิตของลูกชายวัย 20 ปี ที่ตายคาห้องพักของเธอในโรงพยาบาล ระหว่างที่เขามาเยี่ยมตัวเธอและน้องสาวที่เพิ่งเกิดอย่างเป็นปริศนา และการต่อสู้เพื่อขอสิทธิเลี้ยงดูลูกสาว เมื่อเธอตายไปแล้ว การต่อสู้โดยคนรอบตัวเธอได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อแย่งความเป็นพ่อของลูกสาวเธอและสถานที่ฝังศพ เพื่อผลประโยชน์หลายอย่างที่จะตามมาในอนาคต จนต้องมีการตรวจสอบดีเอ็นเอ และศาลชี้ว่า ลาร์รี เบิร์กเฮด อดีตแฟนหนุ่ม เป็นพ่อและมีสิทธิเลี้ยงดูลูกสาววัยเตาะแตะ ที่มีหน้าตาสะสวยไม่แพ้แม่ เรื่องราวชีวิตที่เป็นยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าเรื่องนี้ ....เป็นของผู้หญิงที่ชื่อว่า แอนนา นิโคล สมิทธ !!! ข้อความข้างต้นเป็นเพียงการเล่าเรื่องแบบหยาบๆ เท่านั้น เพราะในฉบับเต็มยังมีเรื่องราวซ่อนเงื่อนและสุดแสนจะดราม่าอีกมากมาย และด้วยเหตุนี้ The Royal Opera House โรงละครเก่าแก่ของอังกฤษที่มีประวัติศาสตร์และชื่อเสียงยาวนาน จึงปิ๊งไอเดียในการจัดโชว์ โอเปร่า โดยใช้พล็อตเรื่องจากชีวิตของแอนนา มี มาร์ค-แอนโธนี่ เทอร์เนจ นักแต่งเพลงคลาสสิคชื่อดังแห่งอังกฤษ ทำหน้าที่เขียนผูกโยงเรื่องราว และ ริชาร์ด โธมัส เป็นผู้เขียนบทละครเพลง คาดว่าจะสามารถเริ่มแสดงครั้งแรกได้ในปี 2011 ผู้กำกับการแสดงโอเปร่า กล่าวว่า ...ละครโอเปน่าเรื่องนี้จะไม่ฉูดฉาดไร้ราคา แต่จะเป็นเรื่องราวที่แสนฉลาด ลึกซิ้ง ชวนให้คิดและเศร้าโศก บอกเล่าถึงชีวิตของแอนนา ผู้คนที่ส่งอิทธิพลต่อเธอและการเติบโตของเธอ แน่นอนมันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่ได้พบกับสุภาพบุรุษแก่งั่กบนรถเข็น แต่เราจะไม่สื่อออกมาโต้งๆ แบบนั้น ละครจะไม่เพียงบอกกล่าวถึงชีวิตของแอนนา หากยังสะท้อนประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ในช่วงยุคก่อนโอบามาอีกด้วย ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก