แนนนี่ กับบทเรียนราคาแพง
เป็นข่าวครึกโครมอยู่ช่วงก่อน กับกรณีที่มีรูปส่วนตัวที่หวือหวาหลุดออกมาทางอินเทอร์เน็ต แต่เหตุการณ์นี้ก็เป็นบทเรียนให้กับ แนนนี่ - ภัทรนันท์ ดีรัศมี หนึ่งในสมาชิกวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ได้เป็นอย่างดี วันนี้เมื่อทุกอย่างเริ่มโอเค.ผ่านพ้นไปด้วยดี แนนนี่ ก็ขอเปิดใจกับ ดาวต่างมุม ถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
ข่าวที่ผ่านมาถือว่าแรงที่สุดในชีวิตเลย ?
แรงสุดเลยตั้งแต่เคยเจอ เซ็งเลย นั่งอ่านหนังสือสอบอยู่เพื่อนโทรฯ มาติดๆ กัน ก็รู้สึกว่ามันไม่ปกติแล้วเลยโทรฯ กลับไป พอรู้ว่ารูปอะไรหลุดตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูกรู้สึกแย่มาก ก็นั่งร้องไห้ ที่หนูกลัวที่สุดคือหนูสงสารครอบครัวหนู หนูไม่อยากให้แม่มาเจอเรื่องอะไรอย่างนี้ ผู้ใหญ่เขาต้องรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว หนูก็ติดต่อพี่พีอาร์ว่าจะทำยังไง พี่เขาก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะพรุ่งนี้เขาจะลงหน้าหนึ่งแล้ว หนูก็โทรฯ ไปขอโทษคุณแม่ คุณแม่ก็ให้กำลังใจ มันเป็นความผิดพลาด เพราะตอนนั้นเรื่องมันก็ 3 ปีมาแล้ว มันก็เหมือนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตอนนั้นก็เห็นคนโน้นถ่ายคนนี้ถ่าย มันก็น่าสนุกก็เลยถ่ายเล่นๆ ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เสร็จแล้วก็ออกมาเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง
มันให้บทเรียนกับเรายังไงบ้าง ?
ให้เยอะเลย บทเรียนข้อแรกที่สำคัญที่สุดเลย คือคบใครควรจะดูให้ดีๆ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ คบกันไป เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ สองเลยคือรูปอย่างเนี้ยเราไม่ควรที่จะถ่าย สำหรับเยาวชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ "อย่าไปคิดว่าสนุก ถ่ายเล่นกับเพื่อนกับแฟน อย่าทำเลย" สมัยนี้อย่างที่เห็นมันหลุดไปเยอะมาก ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหลุดมาจากทางไหน แต่ในเมื่อมันหลุดไปแล้วเราจะแก้อะไรได้ เพราะฉะนั้นก็อย่าไปถ่ายดีกว่า และหนูก็คงไมถ่ายแล้ว
ได้คุยเรื่องนี้กับคู่กรณีด้วยไหม ?
ไม่คุยค่ะ เขาเป็นคนที่เคยคบช่วงหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ก็เลิกรากันไปแล้ว มันนานมากแล้ว ถ้าเกิดเจอก็ทักทาย แต่คงไม่ได้คุยอะไรเลย
แล้วตอนนี้มีใครใหม่หรือยัง ?
ถ้าเกิดถามว่ามีคนที่คุยๆ เป็นกำลังใจไหม ก็มีเพราะหนูก็อายุ 23 แล้ว โตแล้วถ้าบอกไม่มีก็คงโกหก ก็มีคนที่แบบอะไรอย่างนั้นบ้าง แต่หนูไม่ได้ซีเรียส คือไม่ได้ใช้คำว่าแฟนหรือว่าอะไร เหมือนคุยๆ กันไป ให้กำลังใจอย่างโน้นอย่างนี้ คือหนูจะคุยกับใครคุณแม่จะทราบตลอด เขาจะได้ช่วยสกรีนให้ คนนี้ไม่ใช้คำว่าแฟน แต่เหมือนเป็นคนพิเศษ คือดูๆ กันอยู่ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น
การคบคนครั้งใหม่นี้ต้องวางกฎเกณฑ์อะไรกันบ้าง ?
หนูไม่ได้วางกรอบอะไรทั้งนั้น ถ้าเกิดเขาหรือหนูเองก็ตาม ต้องมาปรับเปลี่ยนอะไรเพื่อใครสักคน คือมันไม่มีทางอยู่ได้นานหรอก คือเราดูพื้นฐานจากคนที่เราจะคุยด้วยว่านิสัยเขาเข้ากับเราได้ไหม ถ้าเกิดคุยกับคนที่นิสัยต่างจากเรามากๆ มันลำบาก และยิ่งทำงานแบบนี้ถ้าเขาไม่เข้าใจคือทุกอย่างจบ แต่สิ่งที่หนูตั้งมั่นตอนนี้คือเรื่องงานและเรื่องเรียน ตอนนี้เครียดมากเพราะไม่จบสักที ทุกวันนี้สองอย่างนี้ก็จะหนักมาก
อีกนานไหมกว่าจะจบ ?
จริงๆ แล้วอยากจะเรียนให้จบภายในปีนี้ แต่เหลืออีก 2 ตัวต้องเด้งไปเทอมหน้า ตอนนี้ก็เรียนที่คณะบริหารธุรกิจ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ที่ม.กรุงเทพ ก็เรียนมาหลายปีแล้วก็ควรจะจบได้แล้ว ตอนนี้เรียนมาขึ้นปีที่ 5 แล้ว เพราะหนูดร็อปไปปีหนึ่ง ช่วงอัลบั้ม Gossip งานเยอะมาก มันทำให้ไปเรียนไม่ได้ มันเหนื่อยมากหนูก็งอแง คุณแม่ก็บอกว่าไม่ได้นะ เราเป็นนักเรียนเราก็ต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด และเรื่องงานเราก็รับผิดชอบไปแล้วเราก็ต้องทำ พอมันไม่ไหวจริงๆ คุณแม่ก็เลยบอกว่า งั้นลองหยุดเรียนดู เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกดีขึ้นค่อยกลับไปเรียนใหม่
เหนื่อยแต่ท้อไหม ?
ไม่ท้อนะ ถ้าเป็นเรื่องการทำงานมันเป็นงานที่ชอบที่รัก ทำตรงนี้มานานแล้วรู้สึกดีที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ แต่เรื่องข่าวนี่ท้อมาก คือเป็นข่าวโอเค.ดีมีคนสนใจเลย แต่ว่าถ้าเป็นข่าวที่มันแรงมากเกินไปอย่างข่าวนี้หรือข่าวที่ผ่านมา บางคนไปเดินด้วยอาจจะเป็นเพื่อนสาว ก็หาว่าเปลี่ยนผู้ชายอีกแล้ว เดินกับเพื่อนก็ไปหาว่าคนนั้นเป็นคู่หมั้น บางเล่มก็แรงมากหาว่าแนนนี่เปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ทุกอย่างมันคือการเข้าใจผิดหมดเลย แล้วมาเขียนแบบนี้หนูเป็นผู้หญิงค่อนข้างเสียหายไง ก็เลยท้อนิดหน่อย
คิดว่าภาพลักษณ์แนนนี่ตอนนี้ดีหรือแย่ ?
หนูรู้สึกว่าในฐานะที่เราทำงานในส่วนของการเป็นเกิร์ลลี่ เบอร์รี่เนี่ย คนทั่วไปคงจะมองว่าเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างแรง แต่ถ้าเกิดมาดูในเรื่องของไลฟ์สไตล์ของพวกเราจริงๆ คือมันก็ไม่ใช่แบบนั้น นั่นเหมือนเป็นภาพลักษณ์ของการแสดง คนที่ไม่รู้จักเขาอาจจะมองว่าหนูดูแรงเนอะ หรือว่าเรียบร้อยแล้วแอบแรง หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าภาพลักษณ์หนูจะเป็นยังไง มันขึ้นอยู่กับคนมอง ความจริงเรื่องเซ็กซี่หนูรู้สึกว่าผู้หญิงทุกคนมีความเซ็กซี่อยู่ในตัวอยู่แล้ว นั่นคือเสน่ห์ ถ้าคนจะมองว่าแรงเกินไป ก็อยากจะบอกว่าคงต้องดูกันที่ภาพลักษณ์อื่นๆ ด้วย ตรงนั้นมันไม่ใช่ตัวเราทั้งหมด มันคือส่วนหนึ่งของหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ
ทำงานกับ เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ เป็นวงผู้หญิงมีปัญหาบ้างไหม ?
ไม่มีนะ เรามาอยู่รวมกันตั้งนานมากแล้ว ตั้งแต่เด็กๆ อายุ 16 ซึ่งเห็นกันมาตลอด การที่คนนี้จะได้งานนี้หรือคนนั้นจะได้งานนั้นมันก็เฉลี่ยๆ กันไป พี่เขาคงมองแล้วว่าเหมาะสมกับคนๆ นั้น ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องมานั่งอิจฉากัน ถ้าเรามาอิจฉากันแล้วเราต้องเจอกันทุกวันเราก็ไม่สบายใจ แล้วเราจะทำงานได้ดีได้ยังไง ป่านนี้ก็คงวงแตกไปแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้ก็คงไม่มีเกิดขึ้นกับเรา ความเป็น เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ของพวกเรามันไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานที่มาเจอกันแค่ในเวลาทำงาน มันสนิทกันเหมือนเป็นครอบครัว ถึงแม้เราจะไม่ได้ทำงานเราก็เจอกันตลอด
กลัวว่าจะมีเรื่องวงแตกไหม ?
ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเวลาของมัน ไม่มีใครหรอกที่จะเดินก้าวไปได้ตลอด อย่างความเป็น เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ สักวันหนึ่งมันอาจจะมีวันหมดอายุ เพราะถึงเวลาของมันแล้ว เราขอทำมันให้ดีที่สุดก่อนดีกว่า ตอนนี้ถ้าเกิดจะมีใครสักคนที่จะแยกไปออกเดี่ยวจะได้ดีไหม ที่เราขึ้นมาถึงขนาดนี้ได้ เพราะเราเป็นกลุ่มหรือเปล่า ก็เลยไม่คิดที่จะไปออกเดี่ยว
พอใจกับชีวิตตอนนี้มากน้อยแค่ไหน ?
พอใจมาก เราทำงานตรงนี้มาจะ 6 ปีแล้ว แล้วสิ่งที่ได้รับตอบแทนกลับมา ถ้าเกิดเทียบเป็นทางด้านธุรกิจเนี่ยคุ้มมาก ได้กำไรมากแล้ว ได้รับการตอบรับจากทุกคนอย่างน่าพึงพอใจมาก คือเราอยู่ตรงนี้อย่างอบอุ่น อยากจะขอบคุณถ้าไม่มีทุกคนเราคงอยู่ตรงนี้ไม่ได้นานขนาดนี้ วันนี้เราดังพรุ่งนี้เราอาจจะหายไปแล้ว มันไม่แน่นอน มันมีเด็กใหม่ๆ เข้ามาตลอด หนูมองทุกอย่างว่ามันคือปกติของโลก หนูไม่รู้หรอกว่าหนูจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน หนูตั้งใจกับทุกอย่างที่หนูทำ ก็เลยอยากจะให้ทุกคนเห็นถึงความตั้งใจนี้ด้วย คติที่ยึดถือมาตลอดคือ ความท้อถอยเป็นจุดดับของความสำเร็จ
อยู่ตรงนี้มีคนจับจ้องตลอดเวลา อึดอัดบ้างไหม ?
ไม่อึดอัดนะ ชินแล้ว ซึ่งเรารู้สึกว่าการที่เราทำงานอย่างนี้แล้วมีคนสนใจเรามันดี แล้วถ้าเกิดเราเดินแล้วไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครยุ่งกับเราเลย เราต้องงอยแล้วแหละ เพราะฉะนั้นหนูก็เลยรู้สึกโอเค.กับสิ่งที่เป็น การวางตัวก็ไม่ได้ลำบาก ถึงในการทำงานจะเซ็กซี่ แต่โดยพื้นฐานแล้วเราไม่ใช่คนเซ็กซี่ เวลาที่เราเป็นนักเรียนเราก็ใส่ชุดนักศึกษา ไปหาผู้ใหญ่เราก็แต่งตัวเรียบร้อยตามกาลเทศะ อย่างตอนนี้ที่เป็นทูตของ TSPCA มูลนิธิป้องกันการทารุณกรรมสัตว์แห่งประเทศไทย ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่ง มันไม่จำเป็นที่เราต้องมาพรีเซ็นต์ว่าเราต้องเป็นยังไง คือมันเป็นไปโดยธรรมชาติ
จะมีผันตัวไปทำงานสายอื่นไหม ?
ทุกคนที่ทำงานในระดับหนึ่ง ก็มีความฝันที่อยากจะมีธุรกิจของตัวเอง แต่หนูยังค้นหาไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้กับสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ จะทำธุรกิจอย่างไรให้มันไปรอด แต่ที่ได้เริ่มทำแล้วคือธุรกิจเว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ ซึ่งหนูก็ทำเองทุกอย่างเลย จากไม่รู้เรื่องอะไรจนทำเป็น ตอนนี้ก็เปิดแล้วและก็มีลูกค้าให้การตอบรับดี เป็นเว็บขายเสื้อผ้าเครื่องประดับ ชื่อร้านว่า www.Sweetmeetpunx. com ก็ขายทางเน็ต คือหนูเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีมาก อย่างเว็บนี้เพิ่งจะเปิดเป็นทางการเดือนหนึ่งแล้ว
อยากฝากบอกอะไรถึงแฟนๆ ไหม ?
สิ่งที่ผ่านมาเรื่องไหนที่ไม่ดี เรื่องไหนที่เคยผิดพลาด มันเหมือนเป็นประสบการณ์ให้เราได้ก้าวต่อไปในอนาคต ถ้าไม่มีความผิดพลาดเราก็คงจะไม่สามารเรียนรู้ในชีวิตในเรื่องต่างๆ ได้ มันถือว่าทุกอย่างคือประสบการณ์ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ให้เก็บมันไว้จะไม่ทำให้มันเกิดผิดพลาดอีก
สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย