อีจุนกิ อยากทำงานให้เต็มที่ ถึงเจ็บแต่คุ้มค่า

อีจุนกิ อยากทำงานให้เต็มที่ ถึงเจ็บแต่คุ้มค่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ข่าวคราวต่างๆ ของดาราหนุ่มหน้าหวาน อีจุนกิ ที่ช่วงหลังๆ มานี้เราไม่ค่อยได้อัพเดตข่าวคราวสักเท่าไหร่ จนแฟนๆ ถามไถ่เข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่งานนี้นับเป็นโอกาสดีเราเลยตามตัวพ่อหนุ่ม อีจุนกิ มาเม้าท์ถึงผลงานซีรีส์เรื่อง Time Between Dog and Wolf ให้แฟนๆ หายคิดถึงกันซะหน่อย ใครรู้ตัวว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนุ่มหน้าหวานคนนี้ไปติดตามกันได้เลยค่ะ ..... ทำไมคุณถึงตัดสินใจรับเล่นละครเรื่อง Time Between Dog and Wolf ? ตอนที่อ่านเนื้อเรื่องที่เสนอมา ผมรู้สึกสนใจและอยากแสดงมากครับ และก็เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสแสดงละครที่สร้างมาจากนิยาย จึงรู้สึกว่าเป็นงานที่ท้าทายความสามารถมากๆ ครับ เพราะต้องแสดงตามคาแรกเตอร์ที่ผู้เขียนนิยายเขียนไว้ นอกจากนี้คาแรกเตอร์ของตัวละคร อีซูฮยอน ที่ผมแสดงนั้นมีมีหลายมิติ เขาเต็มไปด้วยบาดแผลทางจิตใจมากมาย และเป็นความกดดันอย่างหนึ่งสำหรับผมที่จะต้องแสดงออกมา ถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนของตัวละครตัวนี้ ก่อนที่จะถ่ายทำผมต้องใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว ในการศึกษาทำความเข้าใจคาแรกเตอร์ของ อีซูฮยอน ดังนั้น Time Between Dog and Wolf จึงเป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่ท้าทายความสามารถ และผมก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแสดงมันออกมา มีการเปลี่ยนทรงผม และสไตล์การแต่งตัว เพื่อให้เหมาะกับการแสดงละครเรื่องนี้ด้วย ? โดยปกติแล้วงานแสดงแต่ละเรื่อง จะมีการกำหนดเสื้อผ้า ทรงผมของตัวละครให้เหมาะกับคาแรกเตอร์ที่วางไว้ การที่ผมตัดผมสั้นครั้งนี้อาจจะแปลกตาสำหรับใครหลายๆ คน แต่วัตถุประสงค์สำคัญก็คือ ต้องการสื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่อยู่ในภาวะสูญเสียทุกสิ่งไปมากกว่า ในเรื่องนี้จะต้องแสดงเป็น อีซูฮยอน ที่สูญเสียความทรงจำ และกลายเป็นอีกคนก็คือ เคย์ การแสดงเป็น 2 บทบาทต่างกันยังไงบ้างค่ะ ? สำหรับนักแสดงแล้ว การแสดงบทบาทที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเป็นสิ่งที่ยากที่สุด บางครั้งแม้ว่าจะถามผู้กำกับฯ หรือผู้เขียนบท ก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน สำหรับตัวเองก็ต้องมีการลองแสดงหลายๆ แบบแล้วเลือกอันที่ดีที่สุดมาใช้ แต่ว่าไม่ใช่ลองมั่วไปเรื่อย แต่ต้องคิดรูปแบบการแสดงที่อยู่บนพื้นฐานของสถานการณ์ หรือแบ็คกราวน์ของเรื่องด้วย มีการเดินทางมาถ่ายทำที่เมืองไทยด้วย เป็นยังไงบ้างค่ะ ? การถ่ายทำค่อนข้างลำบากก็จริงครับ แต่เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ท้าทาย แล้วก็สนุกมากครับ ฉากที่แสดงลำบากหน่อยก็คงเป็นพวกฉากต่อสู้ครับ ได้ยินมาว่าฉากที่ต้องแข่งต่อยมวยกับนักมวยไทยนั้น ใช้เวลาถ่ายทำนานกว่า 10 ชั่วโมงทีเดียว ? ครับ ได้แผลไม่รู้กี่ครั้ง ถ่ายฉากเดียวกันเป็นเวลานานมากๆ แล้วก็ต้องโดนต่อยที่เดิมหลายครั้ง ถึงแม้จะใส่เครื่องป้องกันแต่ก็มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด แค่แตะก็เจ็บแล้วครับ แต่ว่าผมเป็นคนตัดสินใจที่จะแสดงเองไม่ใช้ตัวแสดงแทน อยากทำให้เต็มที่น่ะครับ ถึงเจ็บแต่ก็คุ้มค่าครับ ( หัวเราะ ) ละครเรื่องนี้ อีซูฮยอน ตอนเด็กอาศัยอยู่ในเมืองไทย ต้องเป็นคนพูดภาษาไทยเก่ง คุณต้องเรียนภาษาไทยมั้ยค่ะ ? ที่จริงแล้วไม่ค่อยมีบทพูดภาษาไทยเยอะเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้เรียนครับ ภาษาต่างประเทศสำหรับผมรู้สึกว่ามันยากเหมือนกันนะ ผมเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ก็ยากนะ แต่รู้สึกว่าภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอังกฤษน่าจะง่ายกว่าภาษาไทยเยอะครับ มีฉากที่ อีซูฮยอน ความทรงจำกลับมาเหมือนเดิม แล้วดื่มเหล้าเมาระบายอารมณ์ความรู้สึกเจ็บปวดเสียใจทั้งหลายออกมา ฉากนี้คุณแสดงได้อินมากเลยนะคะ ? ขอบคุณครับ ( หัวเราะ ) ตอนถ่ายทำฉากนี้ผมได้กลับมาดูมอนิเตอร์แล้วก็คิดว่า "ถ้าแสดงแบบนี้มันจะธรรมดาไปหรือเปล่า" พอคิดดูอีกทีตัวละครตัวนี้ต้องมีเรื่องในใจอยู่มากมาย แล้วในชั่วขณะหนึ่งที่เขาระบายความรู้สึกนั้นออกมา มันต้องเป็นฉากที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ดังนั้นผมเลยลองใหม่และใช้สมาธิมากกว่าเดิม เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครออกมาให้มากที่สุด และเพื่อให้ได้ฉากนี้ผมต้องร้องไห้ต่อเนื่องถึง 4 ชั่วโมง ค่อนข้างลำบากทีเดียวครับ ถ้าคุณดื่มเหล้าจนเมาแล้วจะเป็นแบบไหนนะ ? แล้วแต่สถานการณ์ครับ ถ้าไปกับเพื่อนสนิทก็อีกแบบหนึ่ง กับคนไม่สนิทก็อีกแบบหนึ่ง แต่แปลกนะกับเพื่อนสนิทผมไปดื่มแล้วไม่ค่อยเมา ( หัวเราะ ) แต่กับคนที่ไม่ค่อยสนิทรู้สึกจะเมาเร็ว พอเมาแล้วผมก็จะพูดมาก แบบว่าจ้อไปเรื่อย ( หัวเราะ ) แต่บางทีก็กลายเป็นคนซีเรียสไปเลยก็มีนะ คุยแต่เรื่องยากๆ ฟังไม่รู้เรื่อง ( หัวเราะ ) การร่วมงานกับ นัมซังมิ ที่แสดงเป็นคนรักของ อีซูฮยอน เป็นอย่างไรบ้างค่ะ ? คุณนัมซังมิ เป็นคนเอาใจใส่กับงานอย่างมาก ใส่ใจในรายละเอียดของทุกฉาก เป็นนักแสดงหญิงที่มีความพยายามอย่างมากคนหนึ่งของวงการเลยล่ะครับ ต้องมีฉากเลิฟซีนกันด้วยใช่มั้ย เป็นยังไงบ้างค่ะ ? เวลาถ่ายฉากเลิฟซีนต่างคนก็ต่างอายครับ ( หัวเราะ ) เราทั้งคู่ไม่ค่อยมีประสบการณ์กับฉากเลิฟซีนสักเท่าไหร่ เจอฉากแบบนี้ทีไรไม่ไหวเลยครับ ( หัวเราะ ) ในกองถ่ายมีการตั้งฉายาให้คุณด้วยว่า Monster ? ( หัวเราะ ) เรื่องนี้น่ะเหรอ เพราะทำงานแต่ละฉากมันโหด แล้วก็น่าจะเหนื่อยมากแท้ๆ ตามธรรมดาน่าจะล้มทั้งยืนไปแล้ว แต่ผมกลับบอกพวกพี่ๆ สตาฟฟ์ว่า "ขอถ่ายอีกรอบ" เหมือนกับผมกำลังสนุกกับสถานการณ์ที่โหดๆ ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เป็นเหมือนพวกซาดิสม์อะไรแบบนั้น พวกสตาฟฟ์ก็เลยตั้งฉายาให้ว่า Monster ยังไงผมก็ต้องขอโทษสตาฟฟ์ทุกคนด้วยนะครับ นักแสดงไม่ยอมแสดงอาการเหนื่อยให้เห็น สตาฟฟ์ก็เลยหยุดพักไม่ได้ ( หัวเราะ ) ผ่านการออดิชั่นและการแสดงต่างๆ มาแล้วหลายเรื่อง ตอนนี้คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของการแสดงที่ดึงดูดใจให้ทำงานด้านนี้ค่ะ ? การใช้ชีวิตของคนที่ชื่อ อีจุนกิ ซึ่งดำเนินชีวิตไปวันๆ คงไม่มีอะไรน่าสนุก แต่การที่ทุกๆ วันสามารถกลายเป็นคนอื่น เป็น อีจุนกิ ที่ต่างออกไป สามารถสร้างสิ่งที่แตกต่างขึ้นทุกวัน ผมว่านี่คือเสน่ห์ของงานด้านการแสดง แล้วการที่ได้พบกับผู้ชมมากมาย การทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกร่วมไปกับงานแสดงของผม เป็นสิ่งที่วิเศษจนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้เลยล่ะครับ บทบาที่ท้าทายที่คิดว่าอยากลองแสดงดูสักครั้งในชีวิตการแสดงนี้ ? ฆาตกรต่อเนื่อง ( หัวเราะ ) ความจริงบทบาทที่ผมอยากแสดงมีอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดเลยครับ ถ้ามีบทดีๆ เสนอมา ไม่ว่าอะไรก็เป็นงานท้าทายสำหรับผมทั้งนั้นแหละครับ อยากให้ผู้คนจดจำตัวเองในฐานะนักแสดงแบบไหน ? ผมอยากให้เขาจดจำผมในแง่มุมที่ว่า "อีจุนกิ เป็นนักแสดงที่มีความตั้งใจจริงในการทำงาน มีความพยายาม และสามารถเล่นได้หลายบทบาท" อยากให้มีคนพูดถึงผมแบบนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตามครับ สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย Asian Plus Vol.31

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ อีจุนกิ อยากทำงานให้เต็มที่ ถึงเจ็บแต่คุ้มค่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook