ติ๊ก กับชีวิตที่เลือกเอง

ติ๊ก กับชีวิตที่เลือกเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ห่างหายจากจอทีวีไปพักใหญ่ และเป็นที่รู้กันว่าพระเอกคนนี้ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ช่วงหลังหายหน้าเข้าป่าไปนานสองนาน ทำให้เกิดกระแสของพระเอกคนนี้ออกมามากมาย หลายกระแสบอกว่าเขาอยู่ในช่วงขาลง แต่ในวันนี้เขากลับมาแล้ว พร้อมด้วยละครซิทคอม รักริทึ่ม เรื่องแรกในชีวิต และที่สำคัญสิ่งที่ได้ออกมาจากป่านั้น ติ๊ก บอกว่ามันมากมายกว่าที่คิด การเดินทางและธรรมชาติสอนเขามากกว่าที่เรารู้ ซึ่งทั้งหมดนี้ ติ๊ก จะมาเปิดใจกับเรา และเราเชื่อว่าหลายคนกำลังคิดถึงเขาอยู่ หายไปเสียนาน ? หายไปเกือบ 2 ปี ผมก็ไปทำหลายอย่างนะ ได้ทั้งเที่ยวด้วย ได้ทั้งทำรายการด้วย ควบกันไปหลายอย่างนะ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไรเลยนะ ก็มีถ่ายหนังด้วยครับ ผมไม่เกิดท้อแท้อะไรกับวงการนะ ก็เพียงแต่ว่ารู้สึกอยากจะพักเท่านั้นเอง สิ่งที่ได้จากการเข้าป่า ? ผมได้อะไรเยอะแยะเลยนะ ต้องบอกว่าคนที่เดินทางถึงจะรู้ แต่ว่าผมเนี่ยจะได้เดินทางมากกว่าคนอื่นมากเป็นพิเศษ ก็คือไปต่อเนื่องไปเรื่อยๆ สิ่งที่ได้คือประสบการณ์การใช้ชีวิต ได้มุมมองแปลกใหม่ ได้เห็นธรรมชาติแปลกที่ไม่เคยเห็น ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ น้อยๆ พืชพันธุ์ต่างๆ ที่เราเห็นทำให้เราร้องโอ้ ซึ่งผมก็มานั่งคิดนะ เราอยู่เมืองไทยแท้ๆ แต่เราไม่รู้จักประเทศอย่างนี้มาก่อน แล้วพอได้เห็นสิ่งเหล่านั้น ก็คิดว่าเราอยากจะเล่าให้คนฟัง แต่ไม่รู้จะเล่ายังไงดี เลยต้องถ่ายทอดมันออกมาเป็นรายการ ได้ถ่ายทอดมุมมองต่างๆ ออกมาอย่างที่ตัวเองต้องการ โดยเฉพาะกับน้องๆ อยากให้เยาวชนได้เรียนรู้จริงๆ ผมอยากให้เกิดการปลูกฝังกับน้องๆ ถึงการรักประเทศไทย รักป่า รักน้ำ คือมันมีเรื่องราวต่างๆ ของนัก อนุรักษ์อยู่เยอะ แต่ถามว่าทำไปแล้วเนี่ยได้อะไรแล้วมีใครรู้บ้าง ผมมักจะถามแบบนี้อยู่เสมอ ถ้าทำแล้วไม่เผยแพร่ หรือว่าทำแล้วไม่มีใครดูเพราะไม่มีจุดขาย คนก็ไม่ดูแต่ผมว่าผมเห็นนะ และอีกอย่างที่ได้มาคือ ความแข็งแรงของจิตใจ และการที่เราได้ผจญภัย ภูมิต้านทานเราเยอะขึ้น โรคภัยต่างๆ ก็หายไป ดูติ๊กค่อนข้างภูมิใจกับงานที่ทำนะ ? ครับ ผมภูมิใจในความเป็นตัวตนของตัวเองอยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนไม่ได้ดำ ไม่ขาว เทาๆ แต่ว่าอย่างน้อยเรามีจุดยืนของเรา และมีเหตุผล การที่เราได้อะไรจากตรงนี้มันสร้างความมั่นคงในจิตใจ และเลือกทำในสิ่งที่เราชอบ ซึ่งถ้าถามว่าสิ่งที่เราชอบก็เป็นอีกประเภทหนึ่ง ผมเชื่อว่าคนทุกคนก็มีสิ่งที่ตัวเองชอบทั้งนั้น และผมโชคดีได้ทำในสิ่งที่ตัวชอบด้วยใจที่เรารัก ด้านงานในวงการล่ะ มีกระแสบางกระแสบอกว่าติ๊กอยู่ในช่วงขาลง หรือบางกระแสก็บอกว่าหมดยุคของติ๊กแล้ว ตรงนี้ติ๊กรู้สึกยังไง ? ต้องถามก่อนว่าคำว่าขาลงคืออะไร ตั้งแต่ผมทำงานมานะ เอาตั้งแต่ 2499 เป็นต้นมา ผมทำงานทีละอย่างมาตลอด และคิดเสมอมาว่า ผมเป็นแค่คนหนึ่งคนที่ทำงาน อยากที่จะทำงานตรงนั้นให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีในสายตาคนอื่น ในขณะเดียวกันในตอนนั้นผมก็เรียนหนังสือด้วย เพราะในเวลาที่ผมเรียนหนังสือ ผมก็ไม่ได้ทำงานมากนัก แต่พอผมไม่ได้เรียนหนังสือ ผมก็ทำงานเพิ่มมากขึ้น เราต้องแบ่งเวลาให้ถูกและได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่ตัวเองอยากจะใช้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามันเกิดมีการจัดลำดับที่ผ่านมา ผมคิดเสมอว่าผมไม่ขอที่จะอยู่ในอันดับดีกว่า ผมขอเป็นเจษฎาภรณ์ ที่แค่เล่นหนังเรื่องนี้ เล่นละครเรื่องนั้น ผมขอแค่นี้เอง ส่วนการที่เราได้รับการยอมรับจากคนดู ผมถือว่ามันเป็นผลพลอยได้ และคิดขอบคุณอยู่เสมอ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือว่าเป็นพลังและเป็นแรงจูงใจ ทำให้ผมรู้สึกว่าเราก้าวไปอย่างแข็งแรง และผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์ เพียงแต่ว่าอาชีพของเราคือนักแสดงเท่านั้นเอง ผมชอบทำงาน มีอยู่ช่วงที่ดูเหมือนว่าติ๊กจะโกอินเตอร์ ไปร่วมงานกับทางฮ่องกง แล้วอยู่ๆ ทำไมหยุดเสียละไม่เดินหน้าต่อ ? คือผมไม่เคยคิดว่าตัวเองขึ้น เราคิดว่าเราเท่าเดิม กราฟเราเสมอต้นเสมอปลาย การที่เราได้ไปเล่นหนังฮ่องกงเหมือนจะโกอินเตอร์ จริงๆ ตรงนั้นผมคิดแบบว่าโปรดักชั่นน่าสนใจ ไปเรียนรู้ว่าการทำงานตรงนั้นของเขาเป็นยังไง การที่ได้ทำงานกับคนเก่ง ที่สำคัญกับ ซูฉี ด้วย ( หัวเราะ ) มันก็ไม่เสียหายอะไร มันเป็นการลองดู แล้วผมก็คิดว่าผมดีใจนะ ที่ถ้าผมได้เห็นนักแสดงคนไทยได้มีโอกาสทำงานต่างประเทศ มันเหมือนเราได้เปิดโลกใหม่นะ แต่สำหรับตัวผมตรงนั้นผมได้ลองแล้ว ผมรู้แล้วพอแล้ว ก็เปลี่ยนใหม่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติม แล้วพอกลับเข้าเมืองก็กลับมารับละครซิทคอม รักริทึ่ม ตรงนี้ทำไมถึงรับ ? คืองานทุกงานเป็นศิลปะนะ ถ้าผมจะไปวาดรูปหรือไประบายสี มันก็คืองานศิลปะ ซิทคอมก็เป็นงานศิลปะอีกอย่างแขนงหนึ่ง คิดแล้วก็น่าลองนะ ซึ่งเราคุยกันมาเรื่อยๆ แล้วในเรื่องนี้ผมได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นเล็กๆ ในคาแรกเตอร์ของตัวละคร อย่างที่ผมเล่นเป็นโฟล์ค ก็บอกพี่เขาว่า ขอให้โฟล์คเล่นดนตรีไม่เก่งมาก เพราะถ้าเก่งเกินไปเดี๋ยวจะไม่เหมือนตัวเอง ทำอะไรประสบความสำเร็จบ้าง ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง เป็นตัวเองดีกว่าดูแล้วเป็นคนหน่อย บางครั้งก็บอกว่าเอามุมนั้นมุมนี้ไปเพิ่มหน่อย เวลาผ่านไปจะได้คิดถึงมัน แสดงว่าติ๊กจะรับงานก็ต่อเมื่อได้เล่นเป็นตัวเองเท่านั้นเองหรือ ? คือในแต่ละเรื่องมันมีความเป็นตัวเองอยู่ในบางส่วน มันต้องพอที่จะเห็นภาพได้ ก็เลยรู้สึกว่าพอเวลาเราทำงานอย่างน้อย มันต้องมีประสบการณ์บ้าง ถ้าเกิดไม่เคยเห็นไม่เคยมีประสบการณ์มันนึกไม่ออกนะ ดูติ๊กเป็นคนที่รับงานยากนะ ? ไม่นะครับ ถ้าง่ายก็ง่ายไม่ยากครับ แต่การที่ไม่รับไม่ได้แปลว่ายากนะครับ การที่ไม่รับก็แสดงว่าเรามีเหตุผล หรือว่าเรามีงานที่เราต้องทำอยู่แล้ว ตอนนี้เรายังมีแรงอยู่ที่จะทำงาน เราก็ขอเต็มที่กับการใช้ชีวิตให้คุ้มค่า แต่ก็ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัย สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ ติ๊ก กับชีวิตที่เลือกเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook