จากโปรกอล์ฟมาเป็นนักแสดง ชีวิตที่ผกผันของ โฬม-พัชฏะ
โฬม-พัชฏะ นามปาน หนุ่มฮอตจากวิก 3 พระราม 4 ที่เรียกว่าตอนนี้ขึ้นมาเป็นขวัญใจสาวๆ คนใหม่ของวงการไปแล้ว ถึงแม้จะมีละครไม่กี่เรื่องออกสู่สายตา แต่เรียกว่า โฬม เป็นคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามองทีเดียว วันนี้เราเลยจับเอาหนุ่มเนื้อหอมคนนี้ มาเปิดใจคุยกันกับเรื่องราวและมุมมองความคิดของผู้ชายคนนี้
ตอนนี้มีงานละครกี่เรื่อง ?
ตอนนี้ที่ถ่ายอยู่ก็เหลือเรื่องเดียว แต่มีกำลังจะเปิดก็มีมาเรื่อยๆ มันก็ดีนะ มีทีละเรื่องไม่เหนื่อย
แล้วเรามีเกณฑ์ในการรับงานอย่างไรบ้าง ?
ก็แล้วแต่เขาส่งมาให้ว่ามีอะไรบ้าง ตรงกับคาแรกเตอร์ เพราะมีงานมันก็ดีกว่าอยู่แล้ว
ถือว่าเป็นช่วงที่หนักไหม ?
ก็หนักอยู่นะ มันเหมือนกับว่าการทำงานหนักมันมีทั้งผลดีผลเสีย เหมือนกับว่าทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น แต่ผลเสียคือเราก็เสียสุขภาพไม่ค่อยดี จำบทไม่ได้ มันไม่สดชื่นมันได้อย่างเสียอย่าง
มันเหมือนเป็นช่วงปีทองหรือเปล่าเราต้องรีบกอบโกยโอกาส ?
ผมไม่ได้เรียกว่ารีบโกยนะ เพราะผมว่ามีให้ทำก็ทำ ไม่มีก็ไม่ทำ เพราะจริงๆ แล้วจุดมุ่งหมายของเรา ก็ไม่ได้หวังอะไรจากตรงนี้มากมาย ถ้าไว้ใจให้ผมทำอะไรผมก็ทำให้ได้ แต่ผมก็ทำเต็มที่นะ
จริงๆ แล้วเป้าหมาย ในชีวิตของเราคืออะไร ?
จริงๆ เป้าหมายนั้นหายาก แต่ที่เข้ามาในกรุงเทพฯ จริง ๆ คือโปรกอล์ฟ แต่ไม่ได้คิดเรื่องวงการบันเทิง แต่ถามว่าเคยประกวดก็เคยมาบ้าง แต่ไม่ได้ว่าระดับอะไรมาก
ชีวิตที่อยู่ต่างจังหวัดกับในกรุงเทพฯ ความแตกต่างเป็นอย่างไรบ้าง ?
เปลี่ยนนะ แต่ก่อนอยู่ต่างจังหวัดที่ขอนแก่นก็เล่นกอล์ฟ ก็เคยเล่นให้จังหวัด เล่นให้ภาคอีสาน คือเรียกว่าอยู่ต่างจังหวัดมีเวลาให้กับตัวเองมาก แต่พอมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยได้อยู่กับตัวเองเท่าไหร่ ส่วนมากมักจะอยู่กับงาน คือถ้าผมอยู่กับตัวเองนะผมจะมีอะไรทำเยอะแยะเลย ทั้งเล่นกอล์ฟ เล่นเกม ออกกำลังกาย หรืออยู่บ้านกับตัวเองมีความสุข แต่พอทำงานมันเป็นกิจวัตรประจำวัน ต้องตื่นเช้ามาทำงาน ขับรถเองหลงบ้าง สายบ้างก็ปกติครับ
จริงๆ แล้วโฬมเป็นหนุ่มอารมณ์ศิลปินไหม ?
ถ้าถามว่าผมติสต์เป็นศิลปินจ๋านั้นก็ไม่ขนาดนั้น แต่ผมชอบอยู่กับสิ่งที่ผมรัก ศิลปะก็ชอบนะ ดนตรีก็ฟังได้ แต่ผมชอบอยู่กับสิ่งที่ผมรัก สิ่งที่ผมชอบหรือพอใจกับสิ่งที่ผมรักมากกว่า
แล้วทุกวันนี้ที่เราได้อยู่ตรงนี้ เราพอใจกับตรงนี้มากน้อยแค่ไหน ?
พอใจนะ เพราะตอนแรกที่บอกคือผมไม่ได้ตั้งใจมาเป็นดาราหรือนายแบบ ตอบคำถาม โพสท่าถ่ายรูป แต่มาถึงทุกวันนี้ ผมภูมิใจมาก เพราะมันเป็นอะไรที่ไม่ได้เตรียมตัวมา แต่ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ เป็นเหมือนชีวิตเดิมๆ ที่เคยเป็นปกติ ได้มาอยู่ตรงนี้ มันเหมือนเป็นการปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คือมันก็ต้องขาดการมีชีวิตส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ในเมื่อคนเรามีความรับผิดชอบมากขึ้น ได้เงิน เพราะเงินมันก็เป็นปัจจัยที่คนเราต้องมี เพื่อที่จะทำหลายๆ อย่าง ถ้าไม่มีเงินก็ซื้อข้าวไม่ได้ ปกติก็ขอพ่อแม่ใช้ แต่ทุกวันนี้เราก็หาเงินได้เองได้ ให้พ่อแม่ด้วย สามารถพาท่านไปเที่ยวซื้อของให้ท่านได้ ก็แฮปปี้ดีเก็บเงินไว้เพื่อจะได้กลับไปอยู่บ้านนอก
แสดงว่าคิดว่าจะกลับบ้านเกิดตลอดเวลา ?
มีทุกวันนี้ก็อยาก แต่ถามว่าจะไปอยู่เลยไหมก็ไม่ได้อยากหรอก เพราะว่าอยู่มาแล้วตั้งสิบกว่าปีแล้ว ก็อยากจะมีที่ไว้พักผ่อน ทุกวันนี้ผมก็ยังคิดอยากมีฟาร์ม มีอะไรเป็นของตัวเองนะ มีเลี้ยงวัวหรืออะไร ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องมีบ้านใจกลางเมืองอะไร
วงการบันเทิงทุกวันนี้ มันต่างกับที่โฬมคิดไว้ยังไงบ้าง ?
มันสวยหรูนะภายนอก แต่ถามว่าข้างในนั้นผมเชื่อว่ามีทุกวงการ มันต้องมีนะทั้งข้าราชการ เอกชน มันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอมากกว่า มันมีทั้งข้อดีข้อเสีย อยู่ที่ว่าเรารับได้หรือเปล่า รับไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ จะเอาอะไรมากมาย ถ้าจะทำก็ไม่ต้องบ่น อะไรประมาณนี้
ถ้าต้องมีเรื่องข่าวคราวต่างๆ ก็แสดงว่าเรารับได้แล้ว ?
มันเป็นเรื่องของคนในวงการบันเทิงมากกว่าครับ ถ้าผมไม่อยากเป็นข่าวก็คงจะไม่ต้องเป็นดาราหรอกครับ แค่ง่ายๆ ว่าเราจะรับได้หรือเปล่า ถ้าเราทนได้ก็อยู่ต่อไป ง่ายๆ มันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราย่ำแย่ ขนาดที่พอเป็นข่าวแล้วเราทำอะไรไม่ได้ ก็ยิ้มรับไปแล้วกัน มีกระแสก็ดีกว่าไม่มีนะครับ แต่บางคนก็เบื่อข่าว ผมคิดว่าคนไทยเดี๋ยวก็ลืม
ทุกวันนี้กลายเป็นหนุ่มฮอตขนาดนี้ แล้วมีหญิงเข้ามาบ้างไหม ?
ไม่มีหรอก ก็ไม่ได้มีใครเข้ามาจะมีมาเสนอตัวที่บ้าน หรือไปเดินห้างแล้วมีคนเข้ามาก็ไม่ใช่ หรือถ้าคนที่เจอกันในกองถ่าย ก็สนิทกันจนจีบไม่ลง ก็ไม่เจอใคร ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน
คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายเนื้อหอมหรือเปล่า ?
ไม่นะครับผมว่า ผมคิดว่ามันเป็นกระแสมากกว่า มันเป็นจังหวะมากกว่า หนุ่มเนื้อหอมสำหรับผมคิดว่าเวลาไปที่ไหนใครก็จะกรี๊ดหรือมาชอบ เหมือนอย่างพี่เบิร์ดอะไรอย่างนี้ แต่อย่างเรามันก็ไม่ใช่ เพราะคนที่ไม่ชอบเราก็มี แต่อย่างผมไม่ได้ถึงขนาดนั้น
สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ