5 เหตุผลที่ AVENGERS ทำลายทุกสถิติ

5 เหตุผลที่ AVENGERS ทำลายทุกสถิติ

5 เหตุผลที่ AVENGERS ทำลายทุกสถิติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

the avengers เรื่องย่อthe avengers เรื่องย่อ

ตัวเลข 207.4 ล้านดอลลาร์ ในอเมริกา และ 447.4 ล้านดอลลาร์ ทั่วโลกของ The Avengers จากการฉายเพียงแค่ 12 วัน ทำให้ประวัติศาสตร์บ๊อกซ์ ออฟฟิศต้องจัดระเบียบใหม่กันจ้าละหวั่น แน่นอน คนในฮอลลีวูดตื่นเต้นกับตัวเลขนี้มาก หนังเรื่องนี้ถูกคาดหมายว่าจะต้องทำเงิน แต่ไม่มีใครนึก ว่ามันจะอยู่ในระดับ "มหาศาล" อย่างที่เป็นอยู่

ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ ดิสนีย์ตัดสินใจซื้อสิทธิ์ของมาร์เวลมาไว้กับตัว ด้วยเงินที่สูงถึง 4.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทุกฝ่ายเห็นว่า "แพงและเสี่ยง" วันที่ดิสนีย์ตัดสินใจถอนเงินไปซื้อ หุ้นของดิสนีย์ก็ตกลงไป 3 เปอร์เซ็นต์ในวันนั้น แถมบริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ก็จัดให้ดิสนีย์ไปอยู่ใน "กลุ่มบริษัทเฝ้าระวัง" ทันที

แต่ในตอนนี้ทุกอย่างกลับพลิกผัน เซียนเศรษฐกิจทั้งหลายต่างหลบหน้าไปตาม ๆ กัน และตัวเลข 4.3 พันล้านดอลลาร์ ที่ดิสนีย์จ่ายให้มาร์เวล ก็นับว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ - เพียงเพราะความสำเร็จของ The Avengers และผลพลอยได้ที่กำลังเรียงแถวเข้าขบวนมาหลังจากนี้อีกมหึมา

อะไรเป็นเหตุผลของความสำเร็จครั้งนี้ นสพ.เดอะ ฮอลลีวูด รีพอร์เตอร์ ลองวิเคราะห์คร่าว ๆ และแยกออกมาเป็น 5 ข้อได้ดังนี้

 the avengers เรื่องย่อthe avengers เรื่องย่อ

แผนการตลาด 5 ปีล่วงหน้า

The Avengers ถูกประชาสัมพันธ์ครั้งแรกในงานคอมิค-คอน ปี 2007 พร้อมกับการเปิดตัวหนัง Iron Man ภาคแรก พฤษภาคมปีถัดมา โทนี่ สตาร์ก ก็กลายเป็นขวัญใจผู้ชมไปตามคาด หนังเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกด้วยตัวเลข 98.6 ล้านดอลลาร์ เควิน ฟีก ประธานของมาร์เวล สตูดิโอเลยได้จังหวะเหมาะ ออกแถลงข่าวว่าจะสร้างหนังซูเปอร์ฮีโร่ออกมาอีก 4 เรื่องด้วยกัน คือ The Incredible Hulk, Iron Man 2, Thor และ Captain America โดยพูดเป็นนัย ๆ ว่า เมื่อหนังทุกเรื่องออกฉายแล้ว เขาจะนำซูเปอร์ฮีโร่ทุกตัวมาผนึกกำลังกันในหนังสักเรื่อง พร้อมสร้างกระแสด้วยฉากโบนัสหลังเอนด์เครดิตที่นิค ฟิวรี มาพูดถึงการฟอร์มทีม Avengers

"พวกเขาเปิดตัวฮีโร่แต่ละตัว อย่างสมฐานะ เท่าเทียมกัน" เดฟ ฮอลลิส ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่ายของดิสนีย์ให้ความเห็น "ไม่มีใครเด่นกว่าใคร ซึ่งฟีกวางแผนอยู่ 6 ปี ว่าจะนำพวกเขาเหล่านั้นมารวมตัวกัน"

ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ คุณสามารถรวบรวม   แฟน ๆ ของฮีโร่ทุกตัวมาซื้อตั๋วในสุดสัปดาห์ที่หนังเปิดตัวได้สำเร็จ ถึงแม้คุณจะไม่ได้เป็นแฟน กัปตันอเมริกา แต่ถ้าคุณเป็นแฟน ไอร์ออนแมน หรือ ธอร์ ล่ะ คุณก็ต้องออกมาดู

"หนังซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลทุกเรื่อง ออกฉายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ The Avengers" ฟีกกล่าว "ไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน เจ๋งสุด ๆ ไปเลย"

 the avengers เรื่องย่อthe avengers เรื่องย่อ

ปล่อยแม่ทัพลุยเดี่ยว

มาร์เวลได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่สตูดิโออื่น ๆ ไม่มีวันกล้าทำ นั่นก็คือ การปล่อยให้ เควิน ฟีก (วัยเพียง 39 ปี) วางแผนและจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับหนัง โดยไม่ให้ใครมาก้าวก่าย

เพราะเป็นแฟนการ์ตูนตัวกลั่น เควิน ฟีกเลยเข้าถึงวิญญาณของซูเปอร์ฮีโร่อย่างเต็มที่ เขาก้าวขึ้นมารับตำแหน่งโปรดิวเซอร์ให้กับ Iron Man เป็นงานแรก โดยทำงานร่วมกับผู้อำนวยการสร้างบริหาร หลุยส์ เดสโปสิโต ในการจ้างผู้กำกับ, คนเขียนบท รวมถึงนักแสดงด้วยตัวของเขาเอง นอกจากนี้ยังจัดการคุมค่าจ้างให้อยู่ในราคาที่ประหยัดที่สุด

วอร์เนอร์เคยดำริจะสร้าง Justice League หนังรวมซูเปอร์ฮีโร่ของค่ายดีซี คอมิคส์ (อันได้แก่ แบทแมน, 
ซูเปอร์แมน, วันเดอร์วูแมน ฯลฯ) แต่ก็ไม่มีแผนการตลาดที่แน่ชัด ต้องยอมรับกันตามตรงว่า หากวอร์เนอร์ไม่มี คริส-โตเฟอร์ โนแลน และ The Dark Knight สตูดิโอก็คงไม่ปลาบปลื้มกับโปรเจกต์หนังซูเปอร์ฮีโร่นัก ทั้งนี้เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า หลังจาก The Avengers วอร์เนอร์คงเริ่มเอาจริงกับ Justice League ของตัวเองบ้างแล้ว โดยโนแลนอาจต้องลงมาดูแลเอง

ฟ็อกซ์ก็คล้าย ๆ กับวอร์เนอร์ พวกเขามี X-Men เป็นตัวทำเงินในตลาดซูเปอร์ฮีโร่ และปี 2011 ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับ X-Men: First Class และ กำลังเดินหน้าทำภาคแยกตัวละครออกมาอีก (หลังจากประเดิมกับ Wolverine แล้ว) แต่แผนการของพวกเขาก็เป็นคนละอย่างกับที่เควิน ฟีก กรุยทางไว้กับ Avengers

 the avengers เรื่องย่อthe avengers เรื่องย่อ

เอาใจทุกกลุ่มเป้าหมาย

ผลการสำรวจกลุ่มผู้ชมหนังเรื่อง The Avengers ผลลัพธ์เป็นดังนี้ อายุมากกว่า 25 ปีถึงร้อยละ 50, ร้อยละ 40 เป็นผู้หญิง, ร้อยละ 55 เป็นคนที่แต่งงานแล้ว และร้อยละ 24 มาดูกันทั้งครอบครัว - ซึ่งเป็นประชากรที่กว้างมาก แทบจะบอกได้ว่าทุกเพศทุกวัย และการประเมินกลุ่มผู้ชมนั้น ก็นำไปสู่การคัดเลือกตัวแสดง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, เจเรมี เรนเนอร์ และ มาร์ค รัฟฟาโล เป็นการให้สัญญาณกับกลุ่มคนดูผู้ใหญ่ว่านี่ไม่ใช่หนังสำหรับเด็กเสียทีเดียว, ในขณะที่ คริส เอแวนส์ และ คริส เฮมสเวิร์ธ ก็มาขายกลุ่มคนดูวัย 20 ต้น ๆ ส่วน แซมวล แอล. แจ็คสัน ก็มีแฟน ๆ ผิวสีติดตามอย่างเหนียวแน่น ท้ายสุด กลุ่มคนดูซึ่งเป็นเด็ก ก็จะมีจุดขายอยู่ที่เครื่องแต่งกายของซูเปอร์ฮีโร่แต่ละคนที่ออกแบบมาดึงดูดสายตาโดยเฉพาะ

 

อารมณ์ขันขายได้

หนังทำเงินอย่าง The Dark Knight หรือ Harry Potter มักไม่ค่อยใส่มุกตลก แต่สำหรับ The Avengers นั้นขนแก๊กมาเป็นเข่งเลยทีเดียว จากผลการสำรวจ ไอ้เจ้ามุกตลกนี่เองที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดกระแสการบอกต่อแบบ "ปากต่อปาก" ได้ดีที่สุด

คนที่ควรได้คำชมจากงานนี้คือ ผู้กำกับ จอส วีดอน (วัย 47) ซึ่งลงมือแก้ไขสคริปต์ของ แซ็ค เพนน์ ด้วยมือของเขาเอง โดยการใส่มุกตลกวายป่วงตามถนัดลงไปไม่ยั้ง อาทิ การจิกกัดชุดของธอร์ว่า "มาเล่นลิเกในสวนสาธารณะเหรอ" - นี่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ มุกที่ผู้ชมจำไปเล่าต่อ

 the avengers เรื่องย่อthe avengers เรื่องย่อ

3D ยังขาดไม่ได้

ถึงแม้หลายคนจะยังกังขากับเทคโนโลยี 3D แต่การสำรวจพบว่า ผู้ชมร้อยละ 52 ในอเมริกา ตีตั๋วดู The Avengers ในระบบ 3D ซึ่งทำให้ตัวเลขสูงกว่าเดิมถึง 30 ล้านดอลลาร์ (สมมติว่าหนังไม่ได้ฉายแบบ 3D รายได้เปิดของหนังจะอยู่ที่ 177.4 ล้าน ซึ่งก็นับว่าสูงอยู่ดี เมื่อเทียบกับตัวเลขเปิดตัวที่สูงมาก ๆ ของ The Dark Knight ที่เก็บไป 158 ล้านดอลลาร์ และไม่ได้ฉายระบบ 3D ร่วมด้วย)

อย่างไรก็ดี ระบบ 3D ของ The Avengers ไปได้สวยมากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัสเซีย บราซิล และจีน ซึ่งผู้ชมที่นั่นนิยมดูหนังในระบบ 3D กันมากกว่า

ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นที่มาร์เวลจะได้ฤกษ์เปิดกล้อง Iron Man 3 และโปรเจกต์ต่อจากนั้นก็มีภาคต่อของ Thor และ Captain America ก่อนจะตบท้ายด้วย The Avengers 2

แต่ บ็อบ อีเกอร์ ประธานของดิสนีย์เพิ่งให้ข่าวไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า The Avengers 2 นั้นเริ่มต้นเตรียมงานสร้างเรียบร้อยแล้ว พร้อม ๆ กับการเปิดตัวซูเปอร์ฮีโร่เฟส 2 ของมาร์เวล ได้แก่ Doctor Strange, Guardians of the Galaxy, The Runaways และ Ant-Man

ถ้าเป็นตามข่าวที่ว่ามาจริง The Avengers 2 คงอัดแน่นไปด้วยซูเปอร์ฮีโร่จนยุบยับ และรายได้เปิดตัวคงจะทะลุ 300 ล้านดอลลาร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook