วิจารณ์หนัง The Amazing Spider-Man

the amazing spider-manถ้าเอ่ยถึง "ซูปเปอร์ฮีโร่" ห้าอันดับต้นๆ แล้ว ผมรับรองว่า เจ้า "มนุษย์แมงมุม" ตัวนี้ต้องติดอันดับอยู่ 1 ใน 5 แน่ๆ ครับ วันนี้ผมจะมาพูดถึงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกเรื่องหนึ่ง ที่กำลังเข้าฉายในบ้านเราอยู่ขณะนี้ นั้นคือเรื่อง The Amazing Spider-Man

หลายคนที่เคยดูเรื่อง "สไปเดอร์แมน" ในภาค 1-3 มาแล้ว อาจจะยังงงๆอยู่ กับเรื่อง The Amazing Spider-Man เพราะ ว่าในภาคนี้เป็นเรื่องราวที่ย้อนกับไปสู่ชีวิตของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ตัวละครเอกที่เป็นสไปเดอร์แมนอีกครั้ง ว่าเขาเป็น ใครมาจากไหน แล้วทำไมถึงกลายเป็น สไปเดอร์แมนได้ ช่วงเวลาที่เขาค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนใคร หรือแม้กระทั้งการใช้ชีวิตของเขารวมไปถึงเรื่องของความรักครั้งแรก และการปรับตัวให้กับกับความสามารถพิเศษของเขา ซึ่งดูไปดูมาแล้วก็เหมือนกับว่าเราดูเรื่อง สไปเดอร์แมนภาคหนึ่ง หรือภาคเริ่มต้นใหม่นั้นเอง แต่เป็นการเริ่มต้นอีกมุมมองหนึ่งของผู้กำกับ มาร์ค เว็บบ์

หลังจากที่ทางค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะยกเลิกการสร้างเรื่อง สไปเดอร์แมน ภาค 4 ที่เคยร่วมกันสร้างกับผู้กำกับ แซม ไรมี่ และนักแสดงนำ โทบี้ แม็กไกวร์ ซึ่งทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ภาค 1-3 แต่จะนำภาพยนตร์ชุดนี้กลับมาสร้างใหม่ พร้อมทีมงานชุดใหม่ ซึ่งต่อมาได้แจ้งว่า สไปเดอร์แมนตอนใหม่นั้นจะได้ มาร์ค เว็บบ์ มาเป็นผู้กำกับ ส่วนตัวเอกของเรื่องจะได้ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ มาเล่นให้ โดยมี สแตน ลี และ สตีฟ ดิตโก สองผู้สร้างสรรค์ตัวละคร สไปเดอร์-แมน ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์แห่งมาร์เวล รับหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์ชุด สไปเดอร์แมนภาคนี้

the amazing spider-man

The Amazing Spider-Man ถือเป็นภาพยนตร์ ซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีผู้ที่รอชมมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้เลยทีเดียว โดยแฟนๆ ของหนังเรื่องนี้ ต่างก็ใจจดใจจ่อว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะสามารถเทียบได้กับฉบับของผู้กำกับคนเดิมหรือไม่ แต่ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า แฟนๆ ไม่ผิดหวังแน่นอนกับสไปเดอร์แมนในฉบับของ มาร์ค เว็บบ์ แต่ขอบ่นนิดนะครับ ตั๋วหนังบ้านเราแพงมากเลย ยิ่งถ้าเป็นหนังดังหนังใหม่ด้วยแล้ว อย่างเรื่องนี้ ผมไปดูมาตั๋วตั้งที่นั่งล่ะ 200 บาทเลยเชียว

ช่วงแรกๆ ที่ประมาณครึ่งชั่วโมง อาจจะดูเบื่อๆ สักหน่อย เพราะเป็นช่วงปูพื้นตัวละครต่างๆ ว่าใครเป็นใครบ้าง นั่นก็หมายถึงฉากแอ็คขั่น จะไม่มีในช่วงนี้แน่นอน และกว่าจะเป็นรูปเป็นร่างได้ ก็ราวๆ หนึ่งชั่วโมงกว่าที่เราจะเห็นชุดสไปเดอร์แมน แต่ตัวหนังก็เพิ่มมุกตลกๆ ใส่เข้ามาเยอะเลยที่เดียว ทำให้เราลืมไอ้สิ่งที่ดูน่าเบื่อๆ ลงไปได้บ้าง แต่ผมว่าความ อะเมซิ่ง ของภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ที่ความสดใหม่ และหัวใจในการเล่าเรื่องอันอบอุ่นของตัวหนังมากกว่า มันเป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานสองสิ่งเข้าด้วยกันอย่่างลงตัว ระหว่าง แอ็คชั่น และ อารมณ์ หรือเรียกว่า แอ็คชั่นดราม่าก็คงไม่ผิดอะไร นั่นก็หมายความว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุก และน่าประทับใจ

the amazing spider-man

ในเรื่องของการแสดงนั้นนักแสดงนำทั้งคู่ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ และ เอ็มม่า สโตน แสดงได้ดีทั้งคู่ ทั้งสองคนเล่นได้เข้าขากันดี ทั้งสองคนสามารถแสดงอย่างผสมผสานระว่างความหวานของความรักและเรื่องเศร้ากับเหตุการณ์ที่ได้รับได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในบทของเอ็มม่า ที่อาจจะดูเป็นแค่เพียงคนรักธรรมดาๆ แต่ในหลายๆ ด้าน เธอจะเป็นตัวละครหลักที่ช่วยสร้างมุมมองในช่วงที่เป็นดราม่าของตัวซูเปอร์ฮีโร่ นอกจากความสัมพันธ์แบบรำพึงรำพันกัน ซึ่งนั้นก็มีความหมายและความสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว นอกจากตัวละครหลังทั้งสองตัว นี้แล้ว ตัวละครอื่นๆก็เล่นได้ดีไม่แพ้กันไม่ว่าจะเป็นบทของ มาร์ติน ชีน ในบทบองคุณลุงผู้พิทักษ์ของปีเตอร์ หรือบทของ เดนิส เลียร์รี่ ในมาดนายตำรวจและพ่อที่หวงแหนลูกสาวจนเกินเหตุ และที่ขาดไม่ได้เลย กับบทของ ไรส์ ไอแฟนส์ ในบทนักวิทยาศาสตร์บ้าคลั่งพร้อมมนุษย์กิ้งก่าศัตรูตัวเอกของ สไปเดอร์แมนในภาคนี้ ซึ่งในเรื่องนี้ เขายังเป็นภัยคุกคามสำคัญไม่แพ้ตัวร้ายในสไปเดอร์แมน ภาคก่อนๆเลย

the amazing spider-man

สรุปแล้ว The Amazing Spider-Man น่าจะสอบผ่านสำหรับหนังประเภทต้นทุนสูงอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังแอ็คชั่นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีหัวใจแห่งความรัก และความอบอุ่น จะต้องชื่นชอบหนังเรื่องนี้แน่นอน แม้ว่าตัวหนังยังไม่มีจุดไหนเลยที่จะทำให้คนดูอ้าปากค้างได้ หรือฉากที่น่าตื่นเต้นแบบสุดๆ แม้ฉากแอ็คชั่นที่ใช้ CG อย่างในตอนที่มนุษย์กิ้งก่าเริ่มออกมาแสดงบทบาทของตัวเอง ก็ยังดูแค่สนุกเท่านั้น มันเป็นภาพยนตร์ที่สามารถดูได้เรื่อยๆ ดูแล้วไม่ทรมานเหมือนหนังบางเรื่อง...ก็เท่านั้นเองครับ....

บทวิจารณ์โดย ทชากร
tck05@sanook.com