วิจารณ์หนัง The Dark Knight Rises
ก็กลายเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อมีคนร้ายบ้าระห่ำบุกกราด ยิงถล่มผู้ชมในโรงภาพยนตร์ ขณะชมหนังเรื่อง "มนุษย์ค้างคาว ภาค 3" รอบปฐมทัศน์ แถบชานเมืองเขตออโรรา เมือง เดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา คมกระสุนกระจายไปโดนผู้ชมเสียชีวิตทันที 12 ศพ และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 50 คน
ภายหลังทางตำรวจได้จับกุมคนร้านได้ โดยคนร้ายยอมรับสารภาพว่า ชื่นชอบตัวละคร "โจ๊กเกอร์" ศัตรูตัวฉกาจของ "มนุษย์ค้างคาว" เป็นอย่างมาก งานนี้ทำให้หลายประเทศต้องยกเลิกรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นที่ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเม็กซิโก ขนาดเดียวกัน ทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ตัดภาพยนตร์ตัวอย่างในช่วง แก็งสเตอร์ สควอด จอมโจรใน ทศวรรษ 1940 ที่นำแสดงโดย ฌอน เพ็นน์, เอ็มม่า สโตน และ โจช โบรลิน ออกไปด้วย ซึ่งเป็นฉากการกราดยิงผู้ชมในโรงหนังเหมือนกันครับ
วันนี้เรากำลังจะมาพูดคุยกันถึงภาพยนตร์เรื่อง "แบทแมนภาค 3 เดอะ ดาร์ค ไนต์ ไรส์" (The Dark Knight Rises) หรือชื่อในภาษาไทยว่า "แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด"
ถ้าจะให้พูดถึงเรื่อง The Dark Knight Rises แล้วละก็ จะเป็นภาพยนตร์ในตอนที่ 3 ของซีรี่ส์ "แบทแมน" ซึ่งก่อนหน้านี้ ทาง วอร์เนอร์ บราเธอร์ เจ้าของภาพยนตร์ในชุดนี้ ได้ออกภาพยนตร์เรื่อง ฺฺBatman Begins ในปี 2005 และ The Dark Knight ในปี 2008 มาก่อนหน้านี้แล้ว โดยผู้กำกับคนเดียวกันทั้ง 3 ภาค คือ Christopher Nolan (คริสโตเฟอร์ โนแลน) และถ้าจะให้พูดถึงผู้กำกับท่านนี้ละก็ คริสโตเฟอร์เป็นทั้งผู้สร้างภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลและเป็นที่ยอมรับสำหรับผลงานของเขาในฐานะผู้กำกับการแสดงและผู้เขียนบทภาพยนตร์ โดยผลงานที่โนแลนกำกับฯ, ร่วมเขียนบท, และอำนวยการสร้าง เรื่อง "The Dark Knight" ซึ่งทำรายได้กว่า $1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก
ก็สมกับการที่ต้องรอคอยถึง 4 ปีเต็มๆ กับภาพยนตร์แนวซูปเปอร์ฮีโร่ ที่มีคุณภาพมากที่สุด ไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวังเลยสักครั้ง ล้ำเลิศ และยอดเยี่ยมมาก เป็นภาพยนตร์ไตรภาคที่สมบูรณ์ที่สุด อารมณ์ของหนังก็ตรงกับคอนเซ็ปต์ของเรื่อง Rises สิ้นหวัง ศรัทธา ผงาด และ บทสรุป แต่หนังค่อนข้างยาวไปสักหน่อย 2.40 ชั่วโมงบวกกับโฆษณาก่อนเข้าหนังอีก 25 นาที รวมแล้ว เราต้องนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์เกือบ 3 ชั่วโมง
ในส่วนของเนื้อเรื่องคงไม่ต้องพูดถึง โนแลน คุณเป็นสุดยอดของผู้เขียนบทอยู่แล้ว ไร้ที่ติ สร้างภาพยนตร์ฮีโร่ด้วยมาตราฐานไว้ดีสุดๆ ทั้ง 3 ภาคเลย สำหรับคู่ปรับของพระเอก ถ้าใครเคยดูภาคที่แล้วมา คงจะชอบและสะใจกับบทบาทของ ตัวร้ายที่ชื่อว่า "โจ๊กเกอร์" สำหรับภาคนี้ "เบน" ถึงแม้ความโหดเหี้ยม หรือความแรงและความแกร่งของบทจะสู้โจ๊กเกอร์แทบไม่ได้เลย แต่ เบน ก็มีจุดเด่นอยู่มาก การต่อสู้ในภาคนี้เน้นสมจริงสมจัง ไม่ค่อยเน้นเอฟเฟกส์เท่าไหร่นัก ส่วนมากแล้วจะเป็นฉากหักมุม หน่อยๆ ส่วนนางเอกอยางนางแมวป่า ภาคนี้เจ๋งจริงๆ ครับ ชอบตอนขี่มอเตอร์ไซต์ เท่ห์ดี
แต่ส่วนที่ตัวภาพยนตร์ทำได้ดีนอกจาก บท มุมกล้อง และเอฟเฟ็คต์ต่างๆ แล้ว ตัวหนังยังได้แสดงถึงก้นบึ้งจิตใจของตัวละครแต่ละตัวอีกด้วย แม้แต่ตัวร้ายอย่างเบน ที่ตอนแรกคนดูจะรู้สึกไม่ดีกับ เบน แต่ตอนจบพอรู้ความจริงแล้ว น้ำตาของเบนที่ไหลออกมา แสดงถึงความรู้สึกลึกๆ ได้ ดูแล้วกลับกลายเป็นการสงสารในตัวเบนและชีวิตเขามากกว่า สำหรับส่วนลึกๆที่ถูกซ่อนไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมว่าผู้ชมอาจจะเห็น
แค่ภาพ แบทแมน สู้กับ เบน หรือฉากยานลำใหม่ของแบทแมนที่ดูสวยดูเท่ห์ แต่สิ่งที่ถูกซ่อนไว้ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป นั้นก็คือ "วิธีการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด" รวมไปถึง "การต่อสู้กับจิตใจของตนเอง" อย่างนางแมวป่าเจ้าเสน่ห์นั้น
ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว ผมว่าเป็นความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นตอนที่ปิดฉากของอัศวินรัตติกาลได้อย่างมีสมศักดิ์ศรี เป็นบทสรุปที่แฟนๆ หรือสาวกแบทแมนไม่ควรพลาด หรือคนที่เริ่มจะสนใจหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้ เพราะว่าไม่ใช่เป็นหนังประเภทเอาคนมาใส่ชุดแบทแมนเหมือนในหนังสือการ์ตูน แล้ววิ่งไปวิ่งมาต่อสู้ไปต่อสู้มา แต่ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นตั้งแต่ต้นเรื่องยังท้ายเรื่อง ถึงแม้ว่าหนังจะยาวเกือบ 3 ชั่วโมงแบบดูจนเมื่อย ถึงแม้ว่าตัวร้ายในภาคนี้จะสู้ตัวร้านในภาคที่แล้วไม่ได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างของเรื่องนี้ เมื่อเอามารวมกันแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ดูผิดหวังแน่
และผมคิดว่าต้องมีภาคต่อแน่ๆ เพราะว่าในภาคนี้ถูกทิ้งเชื้อเอาไว้แล้วว่า "นายโรบิน" กำลังจะมา "ให้ตายเถอะโรบิน" ถ้านายจะมาจริงๆ ก็อย่าเอาปืนไปเที่ยวไล่ยินคนดูในโรงภาพยนต์เลยนะ พวกเขากำลังสนุกกับการชมภาพยนตร์เรื่อง แบทแมน อยู่...
บทวิจารณ์โดย ทชากร
tck05@sanook.com