วิจารณ์หนังผี 9-9-81 บอก-เล่า-9-ศพ

วิจารณ์หนังผี 9-9-81 บอก-เล่า-9-ศพ

วิจารณ์หนังผี 9-9-81 บอก-เล่า-9-ศพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บอกเล่า9ศพบอกเล่า9ศพมันเป็นช่วงเวลากลางวันแสก ๆ หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเจ้าสาวสีขาว เขียนจดหมายอำลามารดาของตนในห้องพักในตึกเก่า ก่อนจะทิ้งสารสุดท้ายเอาไว้แล้วเธอก็พาร่างของตนเองในชุดเจ้าสาว คราบน้ำตานั้นทำให้มัสคาร่าเปรอะเปื้อน เธอค่อย ๆ เดินก้าวข้ามบันไดไปจนชั้นดาดฟ้า ก่อนที่จะทอดกายทิ้งดิ่งลงมาโดยมีพื้นแข็งข้างล่างรองรับเธออยู่

และเหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดใน 9-9-81

9-9-81 หรือ บอกเล่าเก้าศพ เป็นหนังยาวที่นำเสนอเรื่องราวสยองขวัญทั้ง 9 ตอน ตอนละ 9 นาที โดยแต่ละตอนนั้นต่างเชื่อมโยงด้วยเหตุการณ์การฆ่าตัวตายของเจ้าสาว โดยการตายของเธอครั้งนี้ก่อให้เกิดความเรื่องสยองขวัญที่แตกต่างกันไป และเรื่องราวแท้จริงที่ซ่อนอยู่นั้นก็จะได้รับการเล่าผ่านตัวละครหลักทั้ง 9 คนจากหนังสั้น 9 ตอนนี้

แน่นอนว่ามันแนวคิดที่น่าสนใจเป็นที่สุดและก็เหมาะกับหนังสยองขวัญเป็น อย่างดี เพราะหนังสยองขวัญที่ไม่สามารถเดินเรื่องด้วยความแข็งแกร่งเพียงพอมันจะกลาย เป็นมหกรรมจำอวดไปอย่างรวดเร็ว การที่ลดย่นเวลาให้เหลือเพียง 9 นาทีก็เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดไม่น้อย แม้ว่าจะมีข้อเสียเช่นกันอย่างไม่สามารถเล่าเรื่องในระยะเวลาที่พอเหมาะหรือ ไม่สามารถดึงอารมณ์ของผู้ชมออกมาให้สุดได้

แต่อย่างไรก็ตามใน 9-9-81 นั้นก็มีผลงานที่เรียกได้ว่าใช้เวลา 9 นาทีได้อย่างคุ้มค่าจนถึงระดับที่เรียกได้ว่า 9 นาทีนั้นยังมากเกินไป อีกทั้งแนวคิดหลักที่น่าสนใจของเรื่องนี้ก็ไม่สามารถทำออกมาได้อย่างที่หวัง และยิ่งหนำซ้ำมันกลับทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยการที่พยายามจะเล่า เรื่องของตัวเองมากไป

บอกเล่า9ศพบอกเล่า9ศพ

ในความหมายหนึ่งแล้ว การให้ผู้กำกับแต่ละคนมาเล่าเรื่องที่แตกต่างกันโดยมีเส้นเรื่องเส้นเดียว กัน มันน่าจะดูเป็นอิสระ แต่บางทีเราก็เห็นชัดว่ามันดูอิสระมากเกินไปจนหลายต่อหลายครั้งผู้กำกับบาง ตอนใช้วิธีการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ไม่เหมาะกับหนังสยองขวัญ รวมทั้งตัวละครในเนื้อเรื่องหลายตัวที่ไร้ซึ่งความลึกตื้นหนาบางต่อเนื้อ เรื่อง จนกลายเป็นการสร้างความดาดดื่นให้กับเนื้อเรื่องของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนบางครั้ง ในบางตอน เราอยากจะเรียกว่าเป็นหนังสั้นนักศึกษามาก เพราะนอกจากโปรดักชั่นงานภาพที่มีคุณภาพแล้ว การเล่าเรื่องหรือเนื้อหาในแต่ละตอนนั้น ปล่อยเปลี้ยราวกับเรื่องสยองขวัญของเด็กประถมเลยทีเดียว

 

และปัญหาต่อมาของเรื่องนี้ก็คือ การเล่าเรื่องต่างมุมมองนั้น บางตอนนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไร้ประโยชน์ใด ๆ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยในการส่งเสริมเนื้อหาหรือบรรยากาศแล้ว บางครั้งมันกลับยังทำลายแง่มุมในความน่าสนใจของตัวละครและความลึกลับของ เนื้อเรื่องด้วย เพราะในช่วงแรกของเรื่อง หนังก็ได้ปล่อยเนื้อหาสำคัญอย่างรวดเร็ว และมาในช่วงท้ายของหนังมันก็ไม่สามารถรั้งไว้ด้วยเนื้อเรื่องได้อีกต่อไป จนกระทั่งมันถูก"บีบบังคับ"ให้เดินเรื่องตามที่เส้นเรื่องได้กำหนดเอาไว้ ตั้งแต่แรก และด้วยเหตุนี้ เสน่ห์ของการเล่าเรื่องโดยตอนละผู้กำกับ ตัวละครแต่ละคนก็ค่อย ๆ ถูกบ่อนทำลายไปเรื่อย ๆ

รวมทั้งการเล่าเรื่องที่หลายตอนละม้ายคล้ายคลึงกันจนเราแทบจะไม่เห็นความ แตกต่าง แม้ว่าบางคนจะกำกับตอนของตัวเองได้ออกมาอย่างโดดเด่นมีเอกลักษณ์แต่เมื่อตัว เนื้อหาของมันไม่มีอะไรน่าจดจำแล้ว มันก็เท่านั้น

บอกเล่า9ศพบอกเล่า9ศพ

ที่จริงอาจจะเป็นเพราะเราหวังมากเกินไปในการที่จะได้เห็นเรื่องราวในแง่ มุมที่น่าสนใจ เพราะหนังสยองขวัญบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจในเหตุผลมากมาย และหนังเรื่องนี้ที่มีเวลาให้แต่ละส่วนโดย 9 นาทีนั้นก็เป็นแนวทางที่เหมาะเจาะ แต่มันกลับกลายเป็นว่า เดิมทีเนื้อหาหลักของมันนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอ หนำซ้ำยังถูกเฉลยไปอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในตอนหลังก็คือการเล่าเรื่องซ้ำโดยใช้ฟุตเตจจาก เรื่องอื่นมาตัดต่อเข้าไปหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้มันเสียความเป็นส่วนตัวในหนังแต่ละเรื่อง และเราก็รู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่หนังยาวเนื้อเรื่องจืด ๆ ที่เรารู้ปมแล้วก็ "อ๋อเหรอ" เท่านั้นเอง

การที่มันเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะเนื้อหาไม่แข็งแรง แต่เป็นเพราะการเพิ่มตอนที่ไม่จำเป็นมากเกินไป รวมถึงการเรียงลำดับของตอนและเนื้อหาที่เรียกได้ว่าผิดพลาดมาก จนไป ๆ มา ๆ เราก็ไม่รู้ว่าหนังมีอะไรเล่าให้ฟังอีก เพราะเรารู้เนื้อหาหมดแล้ว เพียงแต่ว่าหนังหยิบเอามาเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนกับว่ากลัวคนดูไม่เข้าใจ เนื้อเรื่องหรือว่าเสียดายก็ไม่อาจทราบได้ และยิ่งไม่นับตอนสุดท้ายที่ปิดอย่างร้ายกาจที่เรียกได้ว่าความรู้สึกที่มี ต่อหนังนั้นพังลงครืนจนไม่เหลือชิ้นดี

บอกเล่า9ศพบอกเล่า9ศพ

อย่างไรก็ดี หนังเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เป็นหนังเลวชั้นต่ำแต่อย่างไร ทางด้านคุณภาพของหนังก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่มากนัก และเวลา 9 นาทีที่หนังให้มาก็กำลังพอเหมาะพอดี เรียกได้ว่าเสมอตัวเสียมากกว่า เพราะก่อนที่หนังมันจะเลวร้ายไปกว่านี้ พอหมดเวลา 9 นาที ทุกอย่างก็จบลงแล้วไม่ต้องทนทุกข์ทรมานใด ๆ ให้มากมาย

และดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ท่ามกลางกองหนังที่มีงาน ดีงานร้ายปน ๆ กัน จะต้องมีตอนใดตอนหนึ่งที่โดดเด่นออกมาเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับใน 9-9-81 ก็มีหลายตอนที่มีคุณภาพเหนรือมาตรฐานรวมถึงงานที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในเรื่อง

"ทหารเก่า" ซึ่งเป็นตอนลำดับที่ 8 นั้นเป็นหนึ่งในนั้น สิ่งที่โดดเด่นในเรื่องนอกจากจะเป็นบรรยากาศที่ชวนขนลุกขนพองแล้ว มันยังสื่อเนื้อหาได้อย่างดีเยี่ยมและน่าสนใจ มีประเด็นและแนวคิดที่ชัดเจน ในตอน ทหารเก่า เป็นเรื่องราวที่เล่าผ่านมุมมองของพ่อเจ้าสาว หลังจากผ่านตอน "แม่เจ้าสาว" ในตอนที่ 6 มาแล้ว หากมองในเนื้อเรื่องแล้วมันเองก็ไม่ได้มีอะไรที่เฉลยให้เราเพิ่มเติมมากนัก อีกทั้งยังเป็นหมือนตอนต่อจาก "แม่เจ้าสาว" มากกว่าเป็นเรื่องในตัวเอง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังแข็งแกร่งเพียงพอจนสามารถที่จะเป็นตอนสุดท้ายของ เรื่องนี้ได้เลย

ส่วนอีกตอนที่น่าประทับใจที่สุดก็คงจะเป็นเรื่อง "เจ้าบ่าว" ที่ว่าด้วยอพาร์ตเมนท์แห่งนี้ตัดสินใจทำพิธีขับไล่ดวงวิญญานของผีเจ้าสาวออก ไปโดยการจัดงานแต่งหลอก ๆ ให้ โดยเจ้าบ่าวอาสาสมัครนั้นคือเพื่อนร่วมอพาร์ทเมนท์ของเจ้าสาวซึ่งเขาเองก็ แอบชอบมานานแล้ว

บอกเล่า9ศพบอกเล่า9ศพ

นอกจากบรรยากาศและการเล่าเรื่องที่ชวนขนลุกโดยไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดัง ตูมตามในการเร้าอารมณ์ กลับกันผู้กำกับค่อย ๆ ปูพื้นอารมณ์ของตัวละครอย่างช้า ๆ องค์ประกอบแปลกประหลาดที่ชวนสะพรึงและฉากสยองขวัญที่เรียกได้ว่าเป็นฉากที่ น่ากลัวและดีที่สุดในเรื่องก็คือฉากระเบียงทางเดิน ที่ไม่จำเป็นต้องการบทพูดหรือเสียงใด ๆ เพียงแค่ความเนิบนาบเชื่องช้าของมันพร้อมกับแสงไฟกระพริบสลัวมันก็ทำให้ภาพ ที่เราพอจะคาดเดาได้ไม่ยากนั้น มีพลังมากมายเหลือเกิน

แต่น่าเสียดายที่ทั้งหมดนั้นกลับปิดท้ายได้ไม่สวยนักกับ "หมาแก่" ที่เรียกได้ว่าหลุดแหกแหวกโค้งมากที่สุด มันไม่ได้ผิดที่ดำเนินเรื่องในรูปแบบการสืบสวนสอบสวน แต่มันอาจจะผิดที่สุดที่มันเป็นเรื่องปิดท้าย เพราะมันเลือกที่จะเล่าเรื่องที่เรารู้อยู่แล้วเหมือนกับว่าต้องการบทสรุป ซึ่งผู้ชมไม่คิดที่จะต้องการ อีกทั้งองค์ประกอบในหนังเรื่องนี้ยังหงุดหงิดน่ารำคาญและซ้ำซากจนน่าเบื่อ ที่จริงหาตัดต่อเเรื่องที่ 9 ใหม่แล้วนำไปเป็นเรื่องแรกแทนแล้วมันอาจจะเข้าเค้ามากกว่านี้

เพราะฉะนั้นจนเราเองก็อดคิดไม่ได้ว่าหากมีการคิดใหม่ทำใหม่ของแกนเรื่อง ที่มีอิสระและมีแง่มุมหรือมิติที่น่าสนใจมากกว่านี้ พลังของหนังคงจะเพิ่มขึ้นอย่างมากล้นและคงจะไม่จบลงโดยที่ผู้ชมนั้นไม่ รู้สึกอะไรเลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook