วิจารณ์หนัง Looper
เพียงได้เห็นหน้าหนังเราก็รู้ได้ว่า LOOPER นั้น เป็นภาพยนตร์ที่มีความพิเศษและแตกต่างเพียงใด
เริ่มจากแค่การเล่าถึงอาชีพลูปเปอร์ นักฆ่าที่สังหารคนที่ส่งมาจากอนาคตโดยไม่เว้นใครหน้าไหนทั้งนั้นนอกจากตนเอง และเมื่อตนเองหนีไปได้ก็ถึงเวลาที่ตัวเองอีกคนจะต้องตามล่าจัดการ
ใช่แล้ว นั่นคือข้อมูลเบื้องต้นของหนังที่เรารู้มากที่สุด และเพียงแค่ช่วงต้นเมื่อหนังได้ดำเนินเรื่องไปเราก็พบว่ามันไปไกลกว่าที่เรา คิดมากนัก จนเรียกได้ว่าแตกต่างจากภาพที่เราคิดหวังไว้จนยากที่จะคาดเดาได้ว่าหนังจะ ดำเนินไปด้านไหน
ต่างจากหนังแอคชั่นไซไฟเรื่องอื่น LOOPER มีการปูพื้นเรื่องที่แน่นหนาแต่ไม่ยัดเยียด ความฉลาดในการอธิบายเรื่องที่ช่วยสร้างความสมเหตุสมผล การเลือกที่จะเล่าเรื่องในส่วนที่ควรจะเล่า ละเว้นในส่วนที่ยุ่งยาก ทำให้ผู้ชมไม่สับสนงงงวย แต่ถึงกระนั้นเรื่องราวก็มีความลึกและซับซ้อนในระดับที่น่าจดจำ แม้ว่าสำหรับบางคนอาจจะดูว่าย่อยง่ายเกินความจำเป็น แต่ในอีกทางหนึ่งหนังเรื่องนี้มันก็มีจุดอื่นและประเด็นที่น่าจดจำให้ผู้ชม ได้สัมผัสแม้กระทั่งจะจบเรื่องไปแล้ว
LOOPER นั้นเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในมาตรฐานสูง ทั้งแง่ของงานสร้าง นักแสดง บทภาพยนตร์ ดนตรี การเล่าเรื่อง แม้ในแง่มุมของแอคชั่นอาจจะไม่ได้พุ่งทะยานถึงขีดสุด แต่ในกลับกันฉากแอคช่นของเรื่องนี้กลับกลายเป็นว่าเป็นฉากที่สะท้อนจิตใจของ ตัวละครได้มากกว่าฉากไหน ๆ
เพราะเช่นนี้ LOOPER นอกจากจะโดดเด่นในแง่ของความเป็นภาพยนตร์แล้ว เนื้อหาประเด็นของมันก็มีส่วนที่น่าจดจำและสามารถสร้างความประทับใจได้ไม่ ยากนักหากผู้ชมสามารถที่จะสัมผัสถึงประเด็นของหนังได้ และถึงกระนั้นเราก็ได้รู้ว่า LOOPER ไม่ได้เป็นแค่ชื่อหนังเท่ ๆ แต่รวมทั้งเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของหนังที่แสดงให้เราเห็นตั้งแต่แรก สิ่งที่วงเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หาทางออกไม่ได้จนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากวงโคจร เดิม ๆ
แต่เราไม่อาจรู้ได้ว่าการที่เราหลุดพ้นนั้น มันเป็นเรื่องที่ดีจริงหรือไม่
ต่อจากนี้จะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง หากไม่ต้องการเสียอรรถรสในการรับชมไม่ควรอ่านต่อจากนี้
หากพิจารณาแล้ว นับจากวงจร (ต่อไปของเรียกว่าลูป) แรก สิ่งที่ทำให้ตัวละครในเรื่องหลุดจากลูปและวัฏจักรของลูปเปอร์มีอยู่อยู่สามอ ย่าง โจ ภรรยาของโจ และ ซิด
และทั้งสามคนนี้เชื่อมโยงกันด้วยใจความหลักเพียงหนึ่งเดียวก็คือความเคียดแค้นจากการเสียสิ่งที่รักไป
อาชีพของลูปเปอร์ที่หนังได้กล่าวเอาไว้คือ เมื่อใดที่ลูปเปอร์ นักฆ่าที่สังหารคนจากอนาคต ตัดสินใจหยุดลูปหรือเลิกที่จะทำอาชีพลูปเปอร์แล้ว เมื่อครบสามสิบปีผ่านไป ตัวลูปเปอร์เองจะต้องกลับมาถูกสังหารด้วยน้ำมือของตนเอง และในอนาคตดูเหมือนว่าลูปเปอร์ทุกคนจะโดนหยุดลูปโดยมหาอำนาจคนหนึ่งที่มี ชื่อเรียกว่า เรนเมกเกอร์
แรกเริ่มนั้นโจเองนั้นก็ดำเนินชีวิตไปตามลูปที่ได้รับการกำหนดไว้ แต่ชีวิตของโจนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเดิมมากนัก อันที่จริงเราก็เห็นตั้งแต่ช่วงแรกของหนังแล้วว่าชีวิตของโจนั้นซ้ำซาก จำเจ เป็นเหมือนเดิมและไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ตลอดวันสิ่งที่เขาทำคือฆ่าคนตามเวลางานที่กำหนดมาให้ ได้เงิน ใช้เงิน ไปเที่ยว ฉลอง เล่นยา แล้ววนเวียนอยู่อย่างนั้น และไม่มีวี่แววของความหวังที่อะไรจะดีขึ้น แม้แต่กับโสเภณีหญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและโจคิด ที่จะเดินหน้าต่อไปด้วยกัน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าผู้ให้บริการกับ ลูกค้า
แม้ไม่ต้องมองไปถึงเบื้องลึกแต่กพอสังเกตออกว่า โจ นั้นเป็นตัวละครที่โหยหาความรักจากเพศแม่เป็นหลัก เหมือนว่าเขาจะชอบขอให้ ซูซี่ ผู้ให้บริการคนโปรดคนเสยผมให้เหมือนกับที่แม่ของเขาทำให้บ่อย ๆ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นก็เหมือนกลายเป็นว่าเขาสูญเสียที่ยึดเหนี่ยวอีก อย่างหนึ่งในชีวิตของเขาไป ตั้งแต่แรกแล้ว ดูเหมือนความต้องการของจัน้นคือความรักจากเพศแม่ และเมื่อสูญเสียความหวังเดียวที่จะมีชีวิตดีขึ้นแล้ว ทุกอย่างของเขาก็กลับมาวนเวียนเหมือนเดิม ที่จริงแล้วโจเองก็เหมือนกับคนทั่วไป ที่ชีวิตต้องการมีความหมาย มีจุดหมายและความหวัง แต่ว่าดูเหมือนนับตั้งแต่ช่วงเวลานับจากที่เขาฆ่าเขาจากอนาคตไปแล้ว ช่วงเวลานับจากนั้น 30 ปี ทุกอย่างก็แทบไม่แตกต่างจากเดิม แรกเริ่มเงินจำนวนมหาศาลดูเหมือนจะเพียงพอ แต่พอระยะเวลาผ่านไปทุกอย่างก็ร่อยหรอจนเขาเองก็ต้องกลับมาสู่วัฏจักรเดิม อีกครา
แต่ดูเหมือนผู้หญิงมีคนหนึ่งที่จะสามารถทำให้โจในอนาคตหลุดออกมาจากลูปน รกได้ เธอเป็นผู้หญิงที่เป็นภรรยาของเขาและเธอเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาให้ไม่เหมือน เดิมตลอดกาล และด้วยเหตุผลนั้นมันก็มีพลังมากเพียงพอที่จะทำให้เขาคิดจะฝืนเปลี่ยนชะตา กรรม แก้ไขวงจรเดิม ๆ แม้ว่าจะต้องเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม
และนั่นก็คือการหลุดลูปครั้งที่หนึ่ง
โจในอนาคตมีเป้าหมายที่จะตามล่า เรนเมกเกอร์ ผู้ที่บังคับหยุดลูปของลูปเปอร์ทุกคน เขาคิดว่ามีเพียงเท่านี้เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเขาได้ แต่สามสิบปีที่แล้ว เรนเมกเกอร์นั้นเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็ก ๆ และหนังเรื่องเองก็ไม่ประณีประนอมที่จะบิดเบือนวิธีการของโจร่างอนาคตแต่ อย่างใด
เพราะพื้นฐานของหนังที่ได้รับการปูอย่างหนักแน่น ทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างราบรื่น โจปัจจุปันต้องการตามล่าโจอนาคตเพราะหากปล่อยเอาไว้แล้ว เขาเองก็จะสูญเสียชีวิตในอีก 30 ปีข้างหน้าตามกระบวนการขององค์กรเป็นแน่แท้ ส่วนโจอนาคตก็ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตที่แสนเจ็บปวดเพื่อเรียกร้อง ความรักที่เราเพรียกหาทั้งชีวิตกลับคืนมา
ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าตัวละครในเรื่องนี้อย่างโจปัจจุปันและโจอนาคตจะ เป็นตัวเอกในแต่ละด้านแล้ว พวกเขาเองก็กลายเป็นศัตรูซึ่งกันและกันด้วย ดังนั้นการปะทะทางคารมในด้านแนวคิดในแบบเด็กกับผู้ใหญ่ครั้งใหญ่ครั้งเดียว ในเรื่องเป็นฉากที่รุนแรงและดีมาก
พูดตามตรงแล้ว มันก็เป็นความรู้สึกที่ประหลาดอยู่เหมือนกัน เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าถ้าหากเป็นเราแล้วเราจะเลือกทางเดินไหนดี กับคนที่เคียดแค้นที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นกับคนที่ยอมทุกอย่างเพื่อให้ ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ ที่จริงแล้วโจอนาคตช่างเจ็บปวด ด้วยความสัตย์จริงแล้วบ่อยครั้งที่เราเห็นถึงความรวดร้าวของเขา ชายหนุ่มผู้ที่เรียกร้องหาความสุขมาทั้งชั่วชีวิตแต่กลับถูกพรากชิงไปอย่าง ง่ายดาย จะมีฉากหนึ่งที่ตัวละครถามกับโจปัจจุปันว่า "ถ้าคุณในอนาคตสามารถแก้ไขอดีตได้แล้วเขาจะเป็นอย่างไร" ข้อมูลที่ผู้ชมรับรู้ได้มากที่สุดก็คือ "เขาก็คงจะหายไปมั้ง แบบหายวับ" จากนั้นมันจึงกลายเป็นว่าช่วงเวลาที่คงอยู่ของโจอนาคตที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ คือความเจ็บปวด ทุกครั้งที่เขาเหนี่ยวปืนยิงกระสุนกลับกลายเป็นความรวดร้าว เมื่อเขาปลิดชีพผู้อื่นมากมายเท่าไหร่แต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วต้องมากมายเท่าไหร่เขาถึงจะพอ
จุดที่ทำให้หลุดออกจากลูปครั้งที่สองนั้นอยู่ที่ ซิด เจ้าเด็กน้อยในบ้านปลายทุ่งที่โจปัจจุปันไปเจอโดยบังเอิญ และที่นี่เป็นสถานที่ที่เป็นเป้าหมายของโจอนาคตเช่นกันเพียงแต่เขายังมาไม่ ถึง สิ่งที่น่าสนใจคือหนังบอกใบ้เราตั้งแต่แรกว่าซิดนี้คือเรนเมกเกอร์ตั้งแต่ การไม่แสดงภาพของซิดตรง ๆ พฤติกรรมก้าวร้าวและประหลาด รวมถึงการบอกใบ้ทีละน้อย ๆ กลายเป็นว่าผู้ชมต้องมาลุ้นระทึกว่าโจอนาคตจะรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ และเพราะอะไรที่ทำให้เด็กคนนี้กลายเป็นเรนเมกเกอร์ เพราะในขณะที่หนังกำลังเดินเรื่องอยู่นั้น มันก็แสดงให้เราได้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ โจปัจจุปัน ซาร่าผู้เป็นแม่ และซิด รวมถึงการเปิดเผยปมในจิตใจของตัวละคร และเป็นการแสดงเหตุผลว่าอะไรทำให้ชายหนุ่มผู้ที่คิดถึงแต่ตัวเองคนนี้ตัดสิน ใจที่จะมาปกป้องครอบครัวนี้ในตอนท้ายได้
การต้องการความรักจากเพศแม่กลายเป็นแกนกลางที่มองไม่เห็นใน LOOPER แม้จะไม่มีตัวละครที่เป็นพ่อแน่ชัด แต่ก็ได้รับการแสดงในรูปแบบของ "เจ้านาย" แทน อย่างฉากของ "คิดบูล" ที่แสดงความต้องการความรักจากบอสใหญ่เอปอย่างชัดเจนก็เป็นตัวอย่างที่ดี มันกลายเป็นการแสดงให้เราเห็นว่าความสัมพันธ์กับพ่อของลูกในหนังเรื่องนี้ เป็นอะไรที่แข็งกระด้างและเย็นชา และกลายเป็นว่าไม่ก่อให้เกิดความเติบโตหรือก้าวหน้า และในทางกลับกันความรักจากเพศจริงเป็นความอ่อนโยนนุ่มนวลที่สามารถสร้างความ หวังและสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อหนังเรื่องนี้จบแล้วแม้จะไม่มีอะไรบอกกล่าวแต่เราก็พอที่จะ เชื่อได้ว่าความหวังจะสามารถบังเกิดได้ในอนาคต
แม้ว่าปัญหาของอย่างหนึ่งใน LOOPER จะอยู่ในช่วงท้ายที่ก่อให้เกิดกระแสในหลายทาง หลายคนคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะสมเหตุสมผลแต่ไม่สามารถสร้างอารมณ์ได้สูง สุด อาจจะเรียกว่าเป็นการตัดอารมณ์เสียด้วยซ้ำ รวมถึงในหลายจุดทีหากเราพิจารณาดูดี ๆ จะพบกับความคลุมเครือในหลายอย่าง (แม้ตัวละครในเรื่องจะออกปากเองว่า "เรื่องย้อนเวลาพวกนี้อย่าคิดมาก มันทำลายสมองของพวกนาย") แต่เราก็คิดว่าหนังเรื่องนี้อาจหาญที่จะดำเนินเรื่องเช่นนั้นเพราะนี่คือการ ตอบรับกับประเด็นที่หนังต้องจะพุดถึงตลอดได้สูงสุด นั่นก็คือการหยุดวัฏจักรทุกสิ่ง การให้อภัย การมอบความรักการได้รับความรับ เราเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะทำได้ง่าย ๆ ในแง่ของเรื่องเล่าตัวละคร แต่หากเราเอาตัวเราไปซ้อนกับตัวละครแล้ว เราเชื่อว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเช่นนั้น
ไม่ใช่เพียงแค่เนื้อหาที่น่าสนใจเท่านั้นที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้ แต่รวมถึงการสร้างเซตติ้งและฉากที่น่าสนใจอีกทั้งยังน่าเชื่อถือและอยู่ใน ระดับที่เหมาะสมกับสเกลของเรื่อง แม้ว่าในสายตาของผู้เขียนฉากแอคชั่นนั้นอาจจะไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจและน่า จดจำมากมาย แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงเป็นรสชาติที่ดีที่สามารถคอยกระตุ้นผู้ชมให้ตื่นตัว อยู่เสมอ
และเราเชื่อว่า LOOPER เองก็ไม่ได้จะดีงามหรือน่าสนใจเพราะพล็อตเรื่องที่แปลกแหวกใหม่เท่านั้น แต่มันเป็นเพราะสามารถเล่าออกมาได้อย่างสมคุณค่าและน่าสนใจยิ่งนัก