วิจารณ์หนัง The Bay
จริงอยู่ที่ว่าภาพยนตร์แนว found footage นั้นมีอยู่ดาษดื่นและกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของภาพยนตร์ต้นทุนไม่สูงไปแล้ว The Bay เองก็เช่นนั้น มันเป็นภาพยนตร์ทุนต่ำที่ฉายในโรงสั้น ๆ แค่สองอาทิตย์พร้อมกับวางขายใน iTunes Store
ถึงกระนั้นการที่มันได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ภาพเราก็ไม่ใช่เรื่องที่เลว ร้ายแต่อย่างใด เพราะถึงแม้ว่าตัวหนังเองไม่อาจจะดำเนินไปได้ถึงจุดที่เรียกได้ว่าตราตรึง ประทับใจ และพึงพอใจ แต่มองกลับกันอีกด้าน The Bay เองก็ประกอบด้วยส่วนผสมต่าง ๆ ที่น่าสนใจรวมถึงประเด็นหลายอย่างที่ค่อนข้างเด่นชัดจนทำให้บางคนเผลอสะดุ้ง
ในขณะที่หนังแนว found footage ทั่วไปจะเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองแบบบุคคลที่หนึ่งเพียงคนเดียว (ผู้ชมรู้เท่ากับตัวละคร) แต่ในที่นี้ The Bay นำเสนอด้วยมุมมองจากบุคคลที่หนึ่งหลายบุคคล หลายด้าน หลายเวลามาผสมกันโดยพยายามอยู่ในเงื่อนไขของเรื่องราวภาพที่ถูกบันทึกไว้ใน กล้องต่าง ๆ
ดังนั้น The Bay จึงมีความก้ำกึ่งอยู่ระหว่างความเป็นภาพยนตร์และสารคดีอยู่สูง เพราะนอกจากภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้วมันยังมีผู้เล่าอย่างดอนน่า หญิงสาวนักข่าวสมัครเล่นที่รอดออกมาจากเหตุการณ์ในวันนั้น รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ ดังนั้นหนังจึงแทรกภาพเหตุการณ์ของ "ตัวละคร" คนอื่นเข้าไปในเรื่องด้วย เพื่อที่จะสร้างเส้นเรื่องขึ้นมาให้ชัดเจนขึ้น มิฉะนั้นแล้วหนังเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นสารคดีเต็มตัว ถึงกระนั้นเส้นเรื่องบางอันก็ไม่ได้น่าสนใจมากนักหรือทำไม่ถึง โดยเส้นเรื่องมีทั้งของตัวดอนน่า คู่สามีภรรยา ทีมนักวิทยาศาสตร์ หรือ นายแพทย์ แต่บางอย่างก็ไม่ได้จำเป็นมากนัก
ในตอนแรกต้องยอมรับว่าความเป็นปริศนาของ The Bay เป็นอะไรที่น่าสะพรึง เพราะผู้ชมอย่างเราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และ เพราะอะไรที่ร้ายแรงจนถึงขนาดทำให้เมืองทั้งเมืองหายนะภายในพริบตาดั่งที่ ตัวหนังเคยอวดตัวเองไว้ในตอนต้น
แต่ว่าข้อมูลที่หนังเตรียมมานั้นกลับกลายเป็นว่าไม่น่าเชื่อถือ บางครั้งก็ดูสับสนหรือนำผลมาเฉลยให้เราก่อนเหตุ อีกทั้งการที่พยายามอยู่ในกรอบของคำว่าสมจริงเกินไป จนทำให้ความสมจริงนั้นดูเป็นเรื่องโกหกที่ไม่น่าเชื่อถือ จนบ่อยครั้งสิ่งเหล่านี้เองจึงทำให้ตัวหนังผลักผู้ชมออกมาเพราะรู้สึกไม่ เชื่อใจ หากยกตัวอย่างได้ก็คือหนังนั้นพยายามที่จะยกสารพัดฟุตเตจมาเล่าเรื่องราวและ นำมาใช้อ้างอิงจนบางทีสามัญสำนึกของผู้ชมเองมันก็เตือนเราว่า เฮ้ย มันเป็นไปไม่ได้นะ ภาพมันจะบันทึกตอนไหนกัน รวมถึงคำถามอื่น ๆ ที่ตามมาอีกเป็นกระบวน
ส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะเซตติ้งที่หนังพยายามสร้างขึ้นมาแต่แรกว่านี่คือ ข้อมูลที่รัฐบาลปกปิดแต่ทุภาพที่ถูกบันทึกไว้มันก็หลุดรอดออกมาได้แทบ ทุกอย่างตั้งแต่ภาพจากกล้องวงจรปิดจนถึงโทรศัพท์มือถือของใครไม่รู้ที่ตกน้ำ และกู้ข้อมูลคืนมาได้ ประกอบกับการที่หนังต้องการพยายามที่จะอธิบายทุกอย่างให้ผู้ชม ทุกอย่างต้องมีสาเหตุ ต้องมีที่มา แต่ว่าการที่ข้อมูลเหล่านั้นไม่ได้มีพื้นฐานที่แข็งแรงหรือมั่นคงตั้งแต่แรก มันจึงทำให้ความน่าเชื่อถือและอารมณ์ร่วมของผู้ชมหายไป
ที่น่าเสียดายไปอีกอย่างหนึ่งก็คือการที่หนังขาดจุดกระแทกรุนแรงทั้งที่ มันสามารถเล่าหรือนำเสนอได้ อาจจะเป็นเพราะหนังต้องการเสนอตัวเป็น "ข้อมูล" มากกว่า มันจึงตัดฉากหายนะที่สามารถสร้างความพีคให้กับเรื่องให้อย่างสูงสุด เหลือเพียงแค่ฉากหลังหายนะที่ก็ไม่ได้ทำให้เราสะพรึงมากมายเท่าไหร่นัก สาเหตุส่วนหนึ่งหากไม่ใช่เรื่องของงบประมาณก็เป็นการที่เส้นเรื่องที่กำหนด เอาไว้แต่แรกบีบบังคับให้เรื่องราวต้องดำเนินไปเช่นนั้น
แม้ว่าด้วยส่วนผสมต่าง ๆ อาจจะทำให้ The Bay ดูไม่สมบูรณ์หรือสร้างความพึงพอใจได้ไม่ดีนัก แต่ทั้งวิธีการเล่าเรื่องสอดคล้องกับประเด็นบางอย่างที่น่าสนใจมันก็สามารถ โอบอุ้มค้ำชูเรื่องราวให้มีคุณค่ามากขึ้น
ไม่ว่าเป็นเพราะเหตุผลใดก็ตาม แต่ตามท้องเรื่องแล้วเรื่องราวการระบาดปริศนาใน The Bay นี้เป็นความลับของสาธารนะชน ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ตามเหตุผลของความมั่นคงพื้นฐาน การปิดกั้นแทรกแซงข้อมูลทางสื่อโดยรัฐบาล ไม่ต้องมองไปทางไหนไกล เพียงแค่เมืองนี้ก็มี ประชาชนผู้อยู่อาศัยตาดำ ๆ ก็ไม่มีใครสังเกตหรือเอะใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดเลย และไม่เพียงแค่นั้น ข้อกังขาที่เคยเกิดขึ้นหรือความห่วงใยของคุณภาพการใช้ชีวิต ประชาชนเองด้วยซ้ำที่ไม่คิดจะรับรู้ ดังการอภิปรายที่เราได้เห็นช่วงต้นของเรื่อง มันมากจากปากของประชาชนเองว่า "มลภาวะที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นไร ไว้เมืองเราร่ำรวยและเจริญแล้วค่อยเอาเงินมาบำบัดทีหลังก็ได้"
กลายเป็นว่าสิ่งที่ทำให้เกิดหายนะเหล่านี้ไม่ใช่เพราะคนใหญ่คนโตบีบ บังคับให้เกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอย่างที่เราเคยชิน แต่เป็นทั้งประชาชนที่ยินดีให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเพื่อชีวิตที่อยู่ดีและสะดวกสบาย
อีกประการหนึ่งคือเรื่องราวในหนังเรื่องนี้เหมือนเป็นการแสกหน้าความคิด ที่เชื่อว่าหากเรามีสื่ออยู่ในมือเราก็มีสิทธิและเสรีภาพ แต่สำหรับ The Bay หลายหลายคนมีสื่ออยู่ในมือทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ แต่จากเนื้อหาของเรื่องการที่มันถูกปกปิดเอาไว้ร่วมสามปีตั้งแต่ปี 2009 - 2012 นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ตื่นตะลึง มันยังตอกย้ำความเป็นจริงที่ว่าถึงจะเป็นยุคสมัยไหนเราก็สามารถถูกปิดกั้น และแทรกแซงได้ตลอดเวลา ไอ้โทรศัพท์ที่เราถ่ายวีดีโอได้ที่ถืออยู่สุดท้ายเมื่อเจออำนาจแม้กระทั่ง "หายนะ" สุดท้ายมันก็ทำได้แค่เพียงบันทึกภาพความวายวอดเพียงเท่านั้น
และไม่มีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย