จ้องตา ฉากซ้ำๆ แต่ก็ยัง ฟิน เว่อร์
ไม่รู้เพราะ "ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ" หรือเปล่า เหล่าพระ-นางในละครถึงขยันจ้องเพื่อสื่อความนัยกันจังอย่างล่าสุดเรื่อง "แรงปรารถนา" พอ "พิทยา" (ณเดชน์ คูกิมิยะ) พบ "สุอาภา" หรือ "คุณหนูกระแต" (คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส เทียมศิริ) เมื่อใด คนดูอย่างเราๆ เหมือนจะหลุดเข้าไปในฟาร์มปลากัดซะทุกทีแต่ถึงจะบ่น ก็ใช่ว่าจะไม่ชอบ เพราะการจ้องตาและอีกสารพัดฉากหวานที่ไม่ว่าอยู่เรื่องไหน หรือฉายซ้ำอีกกี่รอบ ก็ยังต้องจิกหมอนแสดงความเขิน หรือเรียกง่ายๆ ว่า "ฟิน" เสียทุกรอบไป
"บทแบบนี้สาวๆ ชอบ ดูแล้วเอ็นโดรฟินหลั่ง" ป้าแจ๋ว-ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผู้กำกับ "แรงปรารถนา" ว่าพลางยิ้มกว้าง
พลอยให้เข้าใจได้แล้วละว่าทำไมจึงมีให้เห็นบ่อยจังบ่อยจนบางครั้งคนทำยังออกปาก "มันเยอะ" แต่..."เคยตัดออกไป แล้วมันทำให้ละครไม่ต่อเนื่อง ขาดสีสัน"
"ถ้าเปรียบก็คงเหมือนผงชูรส ที่รู้ว่าอาจไม่ค่อยดี แต่ต้องใส่เพื่อให้อร่อยขึ้น"
ดังนั้นแทนที่จะตัดทิ้ง บรรดาผู้ผลิตเลยต้องเปลี่ยนเป็นสรรหามุขใหม่ๆ มาใส่ให้คนดูหัวใจเต้นแรง อย่างที่อำไพพร จิตต์ไม่งง ผู้กำกับคนดังที่เคยฝากผลงาน ทั้ง"สูตรเสน่หา", "สวรรค์เบี่ยง", "เกมร้ายเกมรัก" ล่าสุดก็ "ปัญญาชนก้นครัว" บอกเล่า
"มันหนีไม่พ้น ทุกเรื่องต้องมี เพราะฉากหวานจะเป็นจุดประทับใจของคนดู หน้าที่เราเลยต้องหาวิธีใหม่ๆ ให้แตกต่าง" อย่างสมัยก่อนแค่จับมือถือแขนกัน คนดูก็ชอบ ดูไปเขินไป สมัยนั้นแค่พระ-นางที่หอบของพะรุงพะรังเดินชนกันตามมุมตึก แล้วระหว่างที่ก้มลงเก็บของ มือบังเอิญสัมผัสกันก็ต้องรีบปล่อยราวกับถูกกระแสไฟฟ้าชอร์ต คนดูก็ชอบไปถึงไหนๆ
ก่อนจะพัฒนามาเป็นนางเอกอยู่ๆ ก็ล้มทับพระเอก แล้วจ้องตากันค้างไว้ 3 วินาทีจึงรู้สึกตัว หรือทั้งคู่เกิดชนกัน แต่ไม่ทันล้ม เพราะวงแขนฝ่ายชายโอบรับ พร้อมกับจ้องตากันหวานซึ้งแล้วจึงเป็นฉากหันหน้าเข้าหากันโดยไม่ตั้งใจ แต่จมูกเขาดั๊นมาชนแก้มเธอ ชนจมูกเธอ หรือปากเกือบชนปากนั้น ค่อยมีมาให้เห็น
เห็นบ้างแต่ไม่มากเท่าตอนนี้ "ฉากแบบนั้นจะใช้เป็นจุดเริ่มต้นของพระเอกนางเอกเพื่อให้ได้รู้จัก จดจำกันได้ ซึ่งถ้าตัดออกละครก็ไปต่อไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้พอคนชอบเลยมีเยอะเกินไปหน่อย" ผู้กำกับสาวยอมรับตรงๆและเพราะ "เยอะเกิน" นี่ละ เลยเริ่มเกรงกันว่าคนดูจะเบื่อเลยต้องมีมุขใหม่ อย่างให้ฝ่ายชายคุกเข่าเพื่อใส่รองเท้าให้ฝ่ายหญิง ที่เริ่มเห็นมากขึ้นในละครหลายเรื่อง
ใน "ปัญญาชนก้นครัว" เธอจึงจัดการเปลี่ยน (บ้าง) โดยให้นางเอกนั่งตักพระเอก แล้วชายหนุ่มค่อยบรรจงใส่รองเท้าให้แทนแล้วเชื่อไหมล่ะว่าแค่เปลี่ยนมุม สาวๆ ก็กรี๊ดสนั่น น่าเสียดายที่อีกหลายฉากปรับได้ไม่มาก เลยต้องทนเห็นมุขเดิม (แต่ขายได้) กันต่อไปทั้งฉากเข้าไปหลบในกระท่อมตอนหลงป่าท่ามกลางฝนตกหนัก และด้วยอากาศหนาวชายหนุ่มจึงยอมสละเสื้อให้หญิงสาวห่ม แต่ตื่นเช้ามาทั้งคู่ดันกอดกันกลมจนคนมาเห็นเข้าใจผิดหรือการปฐมพยาบาลช่วยชีวิต
ก็เป็นอีกฉากที่ถูกบรรจุไว้ในทุกเรื่องไม่ว่าจะด้วยวิธีปากต่อปากผายปอดตอนจมน้ำ ให้นางเอกขี่หลังเพราะขาเจ็บจนเดินไม่ไหว หรือทำแผล เช็ดตัว ป้อนยายามไข้ขึ้น แถมผู้ป่วยต้องมีการเพ้อเรียกความเห็นใจ ซึ่งใช้ได้ผลมากจนหลายคนแอบเอามาใช้ตามในชีวิตจริง แล้วถ้ายิ่งอีกฝ่ายทำท่ากลบเกลื่อนไม่อยากให้รู้ถึงความห่วงใย ทั้งที่คอยดูแลทุกอย่าง คนดูร้อยทั้งร้อยเป็นต้องเขินแทน
นี่ยังไม่นับรวมฉากกระเซ้าเย้าแหย่ ซึ่งเห็นชินตาในละครทุกเรื่อง แต่ดันอดยิ้มตามไม่ได้สักครั้ง อย่างที่ "กระแต" กับ "พิท" โต้เถียง ตีหมอนกันไปมา จนขนเป็ดกระจุย หรือในฉากช่วยกันทำความสะอาดบ้าน รดน้ำต้นไม้ สุดท้ายก็แกล้งฉีดน้ำใส่กันจนเปียกปอน
ส่วนช็อตเด็ด คือ หลังจากนั้นต้องเผลอตัวแสดงอาการห่วงใย โดยการหยิบขนเป็ดออกจากเส้นผม หรือเช็ดดินที่เปื้อนใบหน้า ก็ว่ากันตามสะดวกน่าเสียดายที่พอกำลังซึ้งๆ นางร้ายต้องเข้ามาขัดจังหวะซะทุกทีแต่ถ้าจะยกให้เป็นฉากฮอตสุดๆ ต้องตอนปะทะคารมรุนแรงของพระ-นาง พอเธอด่าพร้อมตบ เขาเลยตั้งท่าจะจูบ และถ้าให้ดีต้องทำให้ได้ลุ้นว่าฉากนั้นจะให้จูบ นัวเนีย ได้เสีย หรือแค่เกือบๆ
ซึ่งหากฉากร้อนๆ นี้มาจากอารมณ์หึงหวงของพระเอก รับรองว่าคนดูได้จิกหมอนขาดกระจุยแล้วถ้ายิ่งโปรดักชั่นเลิศ นักแสดงเล่นดี ผู้กำกับฝีมือเยี่ยม ฉากซ้ำๆ มุขเดิมๆ แบบนี้ ไม่ว่าไปอยู่ในละครเรื่องไหน คนดูก็ยัง "ฟิน" ได้เสมอ