ทำไม? ดาราหนังไม่อยากทวีต
คงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์เท่าไหร่นัก เมื่อคนดังที่มียอดฟอลโลว์ในทวิตเตอร์สูงสุดในปี 2012 คือศิลปินแคแร็กเตอร์จัด เลดี้กาก้า (31.8 ล้านคน) และ จัสติน บีเบอร์ (31 ล้านคน) ตามติดมาด้วยเซเลบริตี้เจ้าของเรียลิตี้โชว์สุดฮิตของอเมริกา คิม คาร์เดเชียน (16.8 ล้านคน) และเจ้าแม่รายการทีวี โอปรา วินฟรีย์ (15.1 ล้านคน) แต่ถ้าพูดถึงนักแสดงจอเงินที่มีฟอลโลเวอร์สูงสุด ไม่นับคนที่มีงานหลายรูปแบบอย่างเช่น แอชตัน คุทเชอร์ (13.2 ล้านคน) หรือ เจนนิเฟอร์ โลเปซ (13.2 ล้านคน) จะมีใครเดาออกไหมว่าเป็น... จิม แคร์รีย์ (9.5 ล้านคน) ซะอย่างนั้น!
ดูเหมือนว่าบรรดานักแสดงหนังจะเก็บเนื้อเก็บตัวจากโลกออนไลน์มากกว่าคนในแวดวงเดียวกัน ตัวอย่าง ง่าย ๆ ก็เช่น เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ หมาป่าซิกซ์แพ็กแน่นที่ต้องมีฐานแฟนคลับวัยใสจากแฟรนไชส์ Twilight มากมายทั่วโลก แต่กลับมีคนกดไลค์แฟนเพจทางการในเฟซบุ๊คเพียง 20.6 ล้านคน ที่ใช้คำว่า 'เพียง' ก็เพราะเมื่อเทียบกับ เอค่อน แร็พเปอร์ที่ขนาดงานไม่ค่อยเปรี้ยงมาตั้งแต่ปี 2008 จำนวนยังต่างกันถึง 2 เท่า (43.1 ล้านคน)
หรือที่ชัดเจนที่สุดก็นักแสดงและผู้กำกับสุดฮอตแห่งปีอย่าง เบน แอฟเฟล็ค ที่ทวีตเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ Argo และโปรเจกต์การกุศลมาเป็นระยะตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว แต่มีแฟน ๆ ฟอลโลว์ในทวิตเตอร์แค่ 136,000 คนเท่านั้นเอง น้อยกว่า โซเลล์ มูน ฟราย หรืออดีตนักแสดงเด็กจากซิทคอม Punky Brewster อยู่หลายขุม (1.5 ล้านคน)
แม้จะเห็น ๆ อยู่ว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้ชี้วัดตัวเลขในบ็อกซ์ออฟฟิศสักเท่าไหร่ (เป็นไปไม่ได้ที่ แอชลีย์ ทิสเดล จาก High School Musical ที่มีคนฟอลโลว์ 8.3 ล้านคน จะดึงคนดูได้มากกว่า ทอม ครูซ ที่มีคนฟอลโลว์ 3.5 ล้านคน) แต่มันบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างนักแสดงกับโซเชียลมีเดีย ซึ่งเริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์กัันหนาหูในเวลานี้ว่า แอคเคาท์ของนักแสดงตามทวิตเตอร์ อินสตาแกรม หรือเฟซบุ๊ค ได้กลายเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์หลักไปเสียแล้ว
"คำถามพื้น ๆ ข้อหนึ่งที่สตูดิโอจะถามนักแสดงก่อนคือพวกเขาเล่นโซเชียลมีเดียหรือเปล่า เพราะถ้าเขาเล่น สตูดิโอก็อยากจะหาทางโปรโมทงานทางนั้นด้วย" มาร่า บักซ์โบม พีอาร์ระดับแถวหน้าที่มีลูกค้าอย่าง ฌอน เพนน์ และ มิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ กล่าว "แต่มันยากที่จะทำสำเร็จสำหรับนักแสดงเกรดเอ"
ริค ซอร์กิ้น รองประธานฝ่ายศิลปินและกลยุทธ์จาก WhoSay ที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาลูกค้าอย่าง ริอานน่า (ที่มีคนกดไลค์เฟซบุ๊ค 63.3 ล้านคน และฟอลโลว์ทวิต เตอร์ 27 ล้านคน) กล่าวว่า ใช่ว่านักแสดงจะสามารถประชันความนิยมกันในโซเชียลมีเดียได้ง่าย ๆ ในเมื่อแฟน ๆ มักจะเข้าหานักแสดงที่โพสต์รูปและวิดีโอเบื้องหลัง ซึ่งศิลปินและนักแสดงจอแก้วทำได้ง่ายกว่า เพราะนักแสดงหนังจะต้องรักษาความลับเยอะกว่า
"ถ้านักแสดงโพสต์รูปตัวเองตอนสวมคาแรกเตอร์ในกองถ่าย สตูดิโอก็จะแตกตื่น" ซอร์กิ้นอธิบาย "มันมีช่วงเวลาที่นักแสดงไม่สามารถพูดถึงงานที่กำลังทำได้" นักแสดงจอเงินยังกังวลกับการโพสต์เรื่องงานมากเกินไป เพราะไม่อยากให้คนติดภาพคาแรกเตอร์เดิมไปตลอด ในขณะที่นักดนตรีแสดงตัวตนผ่านงานของตัวเองได้โดยธรรมชาติ และไม่เคยเหนียมอายเลยด้วย "นักแสดงต้องเปลี่ยนบุคลิกไปตามตัวละครทุกครั้ง"
แองเจลิกา ค็อบ-เบห์เลอร์ ผู้บริหารค่ายเพลงที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้านักทวีตอย่าง เคที่ เพอร์รี่ (29.7 ล้านคน) กล่าว "ขณะที่นักดนตรีเป็นตัวของตัวเอง และทำให้ผู้คนรู้สึกผูกพันได้ง่ายในโลกออนไลน์" และยังอาจมีมุมมองซับซ้อนของความเป็นนักแสดงหนังที่ทำให้แฟน ๆ ไม่อยากเจอเรื่องยุ่งเหยิงที่เปิดเผยออกมามากไป ลองคิดดูว่าถ้า มาริลีน มอนโร ทวีตแบบที่นักร้องสาว เคช่า ชอบโพสต์ เช่น "@MMonroeOfficial: โอ้มายก้อด ไม่รู้เลยว่ากระโปรงจะบานออกแบบนั้น! #อุ๊ปส์ :P" เธอจะยังเป็นไอคอนตลอดกาลเช่นทุกวันนี้หรือเปล่า?
แน่นอนว่าก็ยังมีนักแสดงอีกหลายคนที่เพลิดเพลินกับการใช้โซเชียล มีเดีย เหมือนที่ ทอม แฮงค์ส เอ่ยปากว่าชอบทวีตอยู่เหมือนกัน ซึ่งเขามักจะ ทวีตรูปตัวเองตอนทำงานในกองถ่าย และมีคนฟอลโลว์กว่า 5.3 ล้านคน "แต่ผมไม่ทวีตอะไรแบบว่า 'กำลังกินซุปในวันฝนตกล่ะ' หรอกนะ ผมกระตือรือร้นมากขึ้นเมื่อมีอะไรให้โปรโมท"
น่าสังเกตว่านักแสดงรุ่นใหญ่มากประสบการณ์ไม่ว่าจะเป็น แฮงค์ส, ครูซ, รัสเซลล์ โครว์, และ เบน สติลเลอร์ นั้นสนุกกับการใช้ทวิตเตอร์ ในขณะที่นักแสดงรุ่นเด็กกว่านี้กลับอยู่ห่าง ๆ (ตัวอย่างก็เช่น แอนน์ แฮทธาเวย์, แดเนียล แรดคลิฟฟ์, ไรอัน กอสลิ่ง, มิล่า คูนิส และ เอ็มม่า สโตน ที่เผยว่า ไม่มีทั้งแอคเคาท์ทวิตเตอร์หรืออื่น ๆ) "นักแสดงที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับแล้วนั้นได้เห็นคนรุ่นเดียวกันมาแล้วก็ไป" ซอร์กิ้นอธิบาย "พวกเขาอยู่ในวงการมามากพอที่จะรู้ว่ามันสำคัญแค่ไหนที่จะเข้าหาฐานแฟน ๆ โดยตรง ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถทำได้ด้วยการแชร์เรื่องราวออนไลน์"
ฟากนักแสดงที่ยังไม่เต็มร้อยกับโซเชียลมีเดียก็มีเหตุผลที่รู้สึกเช่นนั้น ตามที่เลาท์เนอร์เผยว่า "ผมต้องคิดถึงมันให้มากขึ้น มันมีอะไรในชีวิตเยอะแล้วที่ไม่เป็นส่วนตัว ซึ่งผมจะคิดอย่างจริงจังก่อนจะทวีตอะไรออกไป แต่ผมไม่ได้คิดว่าทวิตเตอร์เป็นสิ่งไม่ดีนะครับ ผมว่ามันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก"
ส่วน แบรดลีย์ คูเปอร์ ที่เพิ่งสะเทือนออสการ์ครั้งล่าสุดจากบทบาทใน Silver Linings Playbook ก็เข้าข่ายเดียวกัน "มันมีประโยชน์ในการทำการตลาดหนัง โดยเฉพาะหนังเล็ก ๆ" เขาว่า "แต่มันยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่สำหรับผม ผมเลยไม่เคยแตะมันเลย"
ส่วนแนวโน้มในอนาคต บางทีนักแสดงอาจจะไม่สามารถออฟไลน์ได้เลยด้วยซ้ำ ซอร์กิ้นขยายความประเด็นนี้ว่า เขาเคยเห็นสัญญาที่ระบุจำนวนทวีตหรือรูปอินสตาแกรมจากนักแสดง ควบคู่ไปกับการเข้าถึงสื่อและปรากฏตัวในรายการของ เดวิด เลทเทอร์แมน แถมต่อจากนี้คงมีนักแสดงรุ่นใหม่ ๆ ที่ใส่ใจทวิตเตอร์มาก ๆ เพิ่มมากขึ้น "ทุกคนโตมากับโลกออนไลน์" บักซ์โบมเล่า "เดี๋ยวก็ต้องมีดาราหน้าใหม่ที่ใช้โซเชียลมีเดียตลอดเวลาแน่ ๆ" ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในฟอลโลเวอร์ของ จิม แคร์รี่ย์ ตอนนี้ก็เป็นได้!