เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการไล่ผี จากหนัง "นรกเฮี้ยน 2"
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการไล่ผี
¥ ชาวอเมริกัน 42% เชื่อเรื่องปีศาจเข้าสิง
¥ อาร์คบิช็อปแห่งกัลกัตต้าเคยสั่งให้มีการไล่ผีแม่ชีเธเรซาก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต
¥ คาธอลิค เชิร์ช มีนักไล่ผีอาชีพอย่างน้อย 10 คนในอเมริกา
¥ ในการประมาณการคร่าวๆ มีบาทหลวงที่ทำพิธีไล่ผีอย่างน้อยๆ ห้าหรือหกร้อยคนในปัจจุบัน
¥ มีการอ้างถึงการที่พระเยซูขับไล่ปีศาจมากกว่าสิบครั้งในกอสเปล
¥ การไล่ผี (Exorcism) เป็นคำที่มาจากภาษากรีก คำว่า "exorkizein" หมายถึง "การผูกมัดด้วยคำสาบาน" วิญญาณชั่วร้าย (ปีศาจ) ที่สิงในร่างคนจะถูกไล่ (บังคับให้จากไป) ด้วยผู้มีอำนาจสูงกว่า เช่นพระเจ้าหรือพระเยซู การไล่ผีของคาธอลิคเริ่มต้นด้วยคำว่า ,Adjure te, spiritus nequissime, per Deum omnipotentem ซึ่งหมายความว่า "ข้าขอสั่งเจ้า วิญญาณชั่วร้าย ด้วยอำนาจแห่งพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์..."
¥ ระหว่างยุค 80s วิทยาลัยคริสตธรรมฟูลเลอร์ในพาซาเดนา ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนศาสนาลัทธิต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ได้เสนอคอร์สการไล่ผีให้กับผู้จะเป็นบาทหลวงในอนาคต แม้จะไม่มีการสอนคอร์สนี้อีกแล้ว แต่กำลังมีการดำเนินการเพื่อเปิดสอนหลักสูตรนี้ในอีกรูปแบบหนึ่ง
¥ มีการกล่าวว่าการถูกสิงสู่โดยวิญญาณร้าย (จินน์) หรือปีศาจ (ไชตัน) และการไล่ผีเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาอิสลามมาตั้งแต่เริ่มแรก เชื่อกันว่าจินน์สามารถควบคุมได้แต่ผู้ที่ไม่ยึดมั่นในพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง
¥ ในบรรดาชาวคริสเตียนเกือบ 1,600 คนที่มีการสำรวจ 57% มั่นใจว่าผู้มีศรัทธาจะมีพลังที่จะขับไล่ปีศาจในพระนามของพระเยซูได้
¥ ภาพยนตร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในแนวนี้ (ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ทั้งหมด) คือภาพยนตร์ปี 1973 ของวิลเลียม ฟรายด์คิน เรื่อง The Exorcist ที่อ้างว่าสร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริง
¥ ความสำเร็จอย่างไม่คาดฝันของภาพยนตร์เรื่องนี้ช่วยปลุกให้เกิดความสนใจในบทบาทของปีศาจในศาสนศาสตร์คริสเตียน และได้ทำให้เกิดกระแสการตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับซานตา มนต์ดำ และหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การสิงสู่ของปีศาจกลายเป็นเหมือนแฟชัน และนักบวชก็ได้รื้อฟื้นพิธีไล่ผีที่ถูกลืมไปนานแล้วกลับมาอีกครั้ง
¥ อย่างไรก็ดี คาธอลิค เชิร์ชในเยอรมนี ได้ทำให้การอนุญาตให้มีการไล่ผีเป็นเรื่องยากหลังจากการเสียชีวิตในปี 1973 ของแอเนลิส มิเชล เหยื่อการไล่ผีวัย 23 ปี ผู้ปรากฏอาการผิดปกติทางจิตครั้งแรกตอนอายุได้ 16 ปี เห็นได้ชัดว่าเธอทุกข์ทรมานจากอาการซึมเศร้า โรคลมชัก และการมองเห็นภาพหลอนต่างๆ
¥ การไล่ผีเวอร์ชันทางโลกเกิดขึ้นจากฝีมือของนักบำบัดบางคนที่มีความชำนาญในการเปิดเผยและกำจัด "สิ่งซ่อนเร้น" ในตัวคนไข้ ซึ่งนักบำบัดเชื่อว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหากับคนไข้ นักบำบัดที่ปลดปล่อยสิ่งซ่อนเร้าเหล่านี้ยังคงทำงานต่อไปแม้จะไม่มีหลักฐานในเรื่องของ "สิ่งซ่อนเร้น" นี้พอๆ กับหลักฐานของปีศาจที่ถูกขับไล่โดยนักบวชคาธอลิคและนักการศาสนาโปรเตสแตนท์
¥ ในช่วงยุค 80s การไล่ผีได้รับความสนใจอย่างมากภายในแวดวงศาสนจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพวกเพนเทคอสตอล
¥ ไม่ควรมีการไล่ผีหากไม่มีการได้รับอนุญาตจากบิช็อปในเขตปกครองนั้น และไม่ควรมีการไล่ผีจนกว่าจะมีการตัดความเป็นไปได้ในเรื่องของการป่วยทางจิตใจหรือร่างกายออกไปหมดเสียก่อน
¥ การไล่ผีถูกให้ความสำคัญมากขึ้นในโบสถ์แบบคาริสเมติค ที่ซึ่งมันถูกพูดถึงว่าเป็น "สมรภูมิแห่งจิตวิญญาณ"
เรียบเรียงข้อมูลโดย ดร.ซามูร์ เอ็ม. ฟลอเรส-เพนนา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โอทิส คอลเลจ ออฟ อาร์ต แอนด์ ดีไซน์ ลอสแองเจลิส, แคลิฟอร์เนีย