Side Effects หนังเรื่องสุดท้ายของ "สตีเฟน โซเดอร์เบิร์ก"
หนังจอใหญ่เรื่องสุดท้ายของ "สตีเฟน โซเดอร์เบิร์ก" แด่ความซึมเศร้า SIDE EFFECTS
Side Effects หนังเรื่องใหม่ของผู้กำกับฯ มากฝีมือ สตีเฟน โซเดอร์เบิร์ก (Erin Brockovich, Traffic, Contagion, Magic Mike, Ocean 11 จนถึง Ocean 13) มาพร้อมกับการให้สัมภาษณ์ของเขาว่า นี่คือหนังจอใหญ่เรื่องสุดท้ายที่เขาจะทำ
น่าเสียดายสำหรับแฟนหนังจอใหญ่ที่ผู้กำกับฯ ซึ่งถือเป็นเจ้ายุทธจักรคนหนึ่งของวงการจะลาโรงไปแล้ว ฝากไว้แต่ฝีมือประดับวงการรวม 36 เรื่อง ก็ได้แต่หวังว่าด้วยวัยเพียงห้าสิบ เขาอาจจะเปลี่ยนใจกลับมาทำหนังใหญ่อีกเมื่อไหร่ก็ได้ใครจะรู้
หนังของโซเดอร์เบิร์กมักจะมีเนื้อหาสะท้อนสังคมหรือไม่ก็เป็นการวิพากษ์สังคมในระดับกว้าง โดยเสนอปัญหาน่าหนักใจในสังคมยุคโลกาภิวัตน์หรือเปิดโปงจริยธรรมของธุรกิจใหญ่ๆ ในสังคม
ทว่าโซเดอร์เบิร์กก็มีหนังเบาๆ มุ่งความบันเทิงอยู่เหมือนกัน เช่น หนังชุด Ocean สามเรื่อง ซึ่งเป็นสไตล์คอเมดี้แบบคมเฉือนคม
Side Effects มีองค์ประกอบหลากหลายอยู่ในเรื่อง ทำให้ระหว่างที่ดูนั้นคาดเดาไม่ถูกเลยว่าหนังจะออกมาในรูปไหนแน่ ขึ้นต้นเหมือนจะพาเราไปทางหนึ่ง แล้วก็หันเลี้ยวไปอีกทางหนึ่งอย่างไม่คาดคิด
ถ้าจะบอกว่าเป็นหัวมังกุท้ายมังกร ก็อาจฟังเหมือนคำวิจารณ์ในเชิงลบ แต่ Side Effects ก็วางเรื่องไว้อย่างนั้นจริงๆ ค่ะ แต่ก็เป็นหนังที่สนุกมากเรื่องหนึ่งนะคะ
สิ่งที่ดูเหมือนคำวิพากษ์สังคมเรื่องจรรยาบรรณของแพทย์และบริษัทยากลับหักมุมกลายเป็นเรื่องอาชญากรรมที่มีแรงจูงใจด้านเพศซึ่งมีเงินมหาศาลเป็นของล่อใจ
หนังเปิดฉากด้วยร่องรอยของอาชญากรรมในอพาร์ตเม้นต์หลังหนึ่ง มีรอยเลือดเป็นทางจากครัวไปสู่ห้องนั่งเล่น แล้วก็ย้อนกลับไปสามเดือนก่อนหน้านั้น
เอมิลี (รูนีย์ มารา ซึ่งพลิกโฉมจากสาวพั้งก์ทั้งเก่งและแกร่งที่มีรอยสักรูปมังกร ใน The Girl with the Dragon Tattoo มาเป็นสาวสวยอรชรบอบบาง) กำลังไปรับสามีกลับบ้าน หลังจากไปต้องโทษในคุกอยู่ 4 ปี โทษฐานซื้อขายหุ้นด้วยข้อมูลวงใน หรือ insider trading (แบบเดียวกับที่คนดังอย่าง มาร์ธา สจ็วต เคยโดนข้อหาเดียวกันนี้มาแล้วในชีวิตจริง)
เอมิลีเคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราร่ำรวยในฐานะภรรยาของ มาร์ติน (แชนนิ่ง เททัม) ก่อนที่เขาจะถูกตำรวจรวบตัวไปต่อหน้าต่อตาพร้อมกับโลกสวยงามที่พังครืนลงตรงนั้น
ผลก็คือเธอตกเป็นโรคซึมเศร้าต้องรับการบำบัดกับจิตแพทย์สาวดร.วิกทอเรีย ซีเบิร์ต (แคเธอรีน ซีตา-โจนส์) อยู่พักใหญ่
เมื่อมาร์ตินพ้นโทษออกมา สภาพจิตของเอมิลีก็ยังไม่ดีขึ้น เธอพยายามฆ่าตัวตายหลายหน จนต้องเข้ารับการบำบัดกับจิตแพทย์ชื่อ ดร.โจนาธาน แบงส์ (จู๊ด ลอว์) ซึ่งนอกจากจะบำบัดด้วยการพูดคุยแล้ว ยังสั่งยาระงับประสาทให้เธอ และเปลี่ยนยาให้จนมาถึงยายี่ห้ออะบลิกซา ซึ่งเป็นยาใหม่ที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง (ยาต่างๆ ที่ปรากฏในหนังเป็นยี่ห้อที่มีอยู่ในท้องตลาดทั้งนั้น นอกจากอะบลิกซา ซึ่งเป็นชื่อสมมติ ไม่ได้มีอยู่จริง)
แน่นอนว่ายากล่อมประสาทนั้น อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ได้ อาทิเช่น มีอาการมึนงงสับสน กระสับกระส่าย เฉยชาไร้ความรู้สึก หรือเกิดภาพหลอน
แต่ยาอะบลิกซานี้เกิดผลข้างเคียงอย่างหนึ่งคือ ทำให้เดินละเมอระหว่างหลับไปทำอะไรๆ โดยไม่รู้ตัวเลย เมื่อตื่นขึ้นก็จำไม่ได้เลยว่าตัวเองลุกขึ้นไปทำอะไรต่อมิอะไรตอนดึกๆ
จนกระทั่งเกิดเรื่องคอขาดบาดตายขึ้นระหว่างการเดินละเมอในคืนหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นภาพสถานที่เกิดฆาตกรรมขึ้นอย่างที่เราเห็นตอนเปิดเรื่อง
เอมิลีซึ่งอ้างว่าจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นถูกส่งตัวขึ้นศาล เนื่องด้วยหลักฐานทุกอย่างชี้ว่า เธอเป็นคนลงมือกระทำและเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในสื่อมวลชนทุกแขนง และแน่นอนว่าวงการยาได้รับความกระทบกระเทือนรวมทั้งปัญหาเรื่องจรรยาบรรณของแพทย์
จิตแพทย์สั่งยากล่อมประสาทให้คนไข้ เพื่อจัดการปัญหาทางด้านอารมณ์อย่างพร่ำเพรื่อ
ผู้คนในสังคมอเมริกันโดยเฉพาะคนทำงาน รู้จักยากล่อมประสาทอย่างดีแทบทุกยี่ห้อ เพราะใส่ปากกลืนกันเป็นว่าเล่นเหมือนเป็นลูกกวาดลูกอม และจิตแพทย์รับเงินเดือนจากบริษัทยา เพื่อทำการทดลองยายี่ห้อใหม่ๆ
ดูเหมือนว่าหนังกำลังจะก้าวไปสู่การวิพากษ์สังคมเกี่ยวกับวงการแพทย์และอุตสาหกรรมผลิตยา แต่แล้วเรื่องก็กลับหักมุมไปสู่เรื่องของแผนฉ้อฉลระดับบุคคล
เมื่ออาชีพของดร.แบงส์พังครืนลงแทบไม่เหลืออะไรแม้แต่ครอบครัวก็พังพินาศลงด้วย เขาก็พยายามหาทางกอบกู้ชื่อเสียงตัวเองด้วยการสืบสาวข้อมูลต่างๆ สำหรับคดีนี้ จนกระทั่งคลำไปเจอเงื่อนงำที่กลายเป็นความฉ้อฉลของบุคคลที่เกี่ยวข้องอยู่ในคดี
หนังเรื่องนี้มีตอนจบที่ลงเอยอย่างลงตัวทุกอย่างด้วยความยุติธรรมเที่ยงแท้ โดยไม่ยอมให้คนผิดลอยนวลไปได้ ดูจะเป็นตอนจบที่ลงตัวเป๊ะ แบบไม่ทิ้งอะไรไว้ให้เคลือบแคลงสงสัย ในสไตล์ของหนังเก่าๆ ที่ไม่ยอมทิ้งอะไรให้ลอยอยู่กลางอากาศ จะว่าดีก็ดีอยู่หรอก เพราะได้ความสะใจสมน้ำหน้าตัวละคร เสียแต่มันดูลงล็อกปิดประตูตีแมวยังไงก็ไม่รู้
จู๊ด ลอว์ กับ รูนีย์ มารา เล่นดีมากทั้งสองคน เราไม่รู้เลยว่าบทของสองคนนี้จะเดินไปทางไหนกันแน่ แชนนิ่ง เททัม ที่เคยเป็นพระเอกเรื่อง Magic Mike ของ โซเดอร์เบิร์ก ก็มีบทอยู่ไม่มาก ส่วน แคเธอรีน ซีตา-โจนส์ นั้นเล่นอย่างเผยไต๋มากไปหน่อย
รู้ตั้งแต่แรกเปิดตัวเลยว่าบทนี้ทะแม่งๆ พิกล เหมือนบทนางอิจฉาที่เปิดไต๋ให้เห็นโต้งๆ ไม่มีชั้นเชิงอำพรางไว้บ้างเลยเชียว