ป๋าเต็ด เผย ทำไม "Bodyslam นั่งเล่น" ต้องเป็นหนัง
ปกติ FilmZick เราจะนำเสนอข่าว และบทความเกี่ยวกับภาพยนตร์ ดังนั้นเพื่อนๆ ที่อย่างน้อยติดตามเรามาสักพักอาจแปลกใจที่ได้เห็นบทความพิเศษนี้ซึ่งดูจะ อยู่ในอีกโลกอันกว้างใหญ่ของดนตรี แต่นั่นก็เป็นเพราะเรื่องราว "ดนตรี" ในครั้งนี้ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร เป็นการนำเอาคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของไทยของวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของยุคนี้อย่าง บอดี้สแลม ที่นำมาถ่ายทอดในรูปแบบ "ภาพยนตร์คอนเสิร์ต" ซึ่งมี คุณย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์ ผู้กำกับที่ชาวไทยรู้จักกันดีมาร่วมเป็นผู้กำกับบันทึกการแสดงสด และมี คุณยุทธนา บุญอ้อม เป็นผู้อำนวยการสร้าง และเป็นที่มาของบทสัมภาษณ์ในวันนี้
จุดเริ่มต้นของ ภาพยนตร์คอนเสิร์ต บอดี้สแลม นั่งเล่น
เริ่มต้นพร้อมๆ กับคอนเสิร์ตเลย เนื่องจากว่าคอนเสิร์ตนี้รูปแบบของการแสดงจะแตกต่างไปจากการแสดงของบอดี้สแล มทุกครั้ง เราก็เลยคุยกันไว้ตั้งแต่ต้นเลยว่า รูปแบบของการบันทึกการแสดงสดครั้งนี้ก็ควรจะแตกต่างไปจากทุกครั้งด้วย เริ่มจากการที่เราชวนคนทำหนังมาเป็นผู้กำกับการบันทึกภาพการแสดงสด ซึ่งก็คือ คุณย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์
เหตุผลที่เลือกคุณย้งนี่มาจากการที่ผมเพิ่งได้ข้อมูลช่วงที่กำลังเตรียม งานบอดี้สแลมนั่งเล่นว่า ทุกเช้าก่อนที่คุณย้งเขาจะเดินทางออกจากบ้านไปที่กองถ่ายวัยรุ่นพันล้านนี่ เขาจะเปิดเพลงอัลบั้ม คราม ของบอดี้สแลมฟังขณะอาบน้ำทุกวัน แล้วเรารู้สึกว่าคนที่เราจะชวนมากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ควรเป็นคนที่อินกับเพลงบอดี้สแลมด้วย ก็เลยลองโทรไปถามคุณย้งดูก็ได้ความว่า เขาอินจริง บอดี้สแลมเป็นวงโปรดของเขาวงหนึ่ง
พอเราเล่าให้ฟังว่า เราอยากให้การบันทึกภาพการแสดงสดครั้งนี้แตกต่างไปจากการแสดงสดอื่นๆ ย้งเขาก็สนใจทันที แล้วก็มานั่งคุยกันในรายละเอียด
เรารู้แล้วล่ะว่าการถ่ายทำจะเป็นรูปแบบของการถ่ายทำภาพยนตร์ ก็เลยเกิดไอเดียต่อมาว่า ถ้างั้นก็ทำเป็นภาพยนตร์ด้วยเลยสิ แล้วก็ฉายในโรงด้วย เพราะว่าการดูดีวีดีสู้มาดูสดไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยถ้าได้ดูภาพและเสียงในโรงหนังซึ่งจอใหญ่ ระบบเสียง 5.1 ก็น่าจะให้อารมณ์ที่ถึงจะไม่เหมือนแต่ก็ใกล้เคียงที่สุด
จึงเป็นที่มาที่เราคิดไว้ตั้งแต่ก่อนคอนเสิร์ตแล้วว่า เราจะทำหนังของบอดี้สแลมนั่งเล่น เป็นหนังที่บันทึกคอนเสิร์ต เหมือนกับมานั่งดูคอนเสิร์ตในโรงหนัง ไม่ใช่หนัง ไม่ใช่เบื้องหลัง ไม่ใช่สารคดี คือคอนเสิร์ตนั่นแหละ ยกมาไว้ในโรงหนัง ก็เลยทำให้เรารู้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่า การตัดต่อเพื่อเป็นภาพยนตร์ซึ่งจะต้องมีความยาวจำกัดต่อรอบการฉายภาพยนตร์ มันไม่เหมือนกับการตัดต่อเพื่อเป็นดีวีดี นี่คือเบื้องต้นนะฮะ
แล้วก็เริ่มถ่ายทำกันไป ซึ่งในระหว่างการถ่ายทำ ก็จะมีเรื่องที่ซับซ้อน เยอะแยะไปหมดเลย เช่น กล้องที่ใช้ถ่ายทำ ก็เป็นกล้องดิจิตอลที่ปกติใช้ถ่ายหนังกัน ซึ่งรูปแบบการทำงานก็แตกต่างจากการถ่ายทำดีวีดีคอนเสิร์ตทั่วไป ที่ทุกอย่างจะผ่าน Switching Board ผู้กำกับก็สั่งตากล้องทุกคนได้ แต่คราวนี้พอต่างคนต่างแยก แล้วใช้ตากล้องเยอะมาก (12 คน 14 กล้อง) เยอะกว่าการถ่ายทำคอนเสิร์ตทั่วไป แล้วทุกคนแยกกันหมด ดังนั้นต้อง
บรีฟกันก่อนที่จะเริ่มแสดงว่าวันนี้ รอบนี้ คุณเต๋อ นวพลรับหน้าที่จับคนดูอย่างเดียว คุณย้งจับพี่ตูนอย่างเดียว น้องเต้ย จรินทร์พร จับตรงนี้อย่างเดียว ก็ว่ากันไป พออีกรอบหนึ่ง เขาก็จะสลับที่กันอีก เพื่อให้จับภาพกันได้ครบทุกมุม ทุกอารมณ์ของการแสดง แล้วการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นรูปแบบการแสดงที่เป็นอคูสติก ดังนั้นอารมณ์ในการแสดงจึงมีส่วนสำคัญมาก ก็ทำให้ในแต่ละรอบ เพลงๆ เดียวกัน เล่นไม่เหมือนกัน จังหวะช้าเร็วไม่เท่ากัน รายละเอียดของดนตรีก็แตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งก็ส่งผลให้พอถึงขั้นตอนการตัดต่อนี่ โห เป็นงานมหาหินเลย ซึ่งเป็นเหตุผลให้การตัดต่อล่าช้ามาก มาเป็นเวลาปีกว่าๆ เหตุผลที่มันยากก็เพราะว่า เราแสดงสามรอบ กับรอบซ้อมใหญ่ 1 รอบ เท่ากับมีการถ่ายทำทั้งหมด 4 รอบ มุมกล้องแตกต่างกันไป เพลงเล่นในรายละเอียดไม่เหมือนกัน พอเอามาตัดต่อรวมกัน คือ ลำพังการเอาภาพจากแต่ละกล้องด้วยฟุตเทจขนาด 2 เทราไบต์ (เท่ากับ 2,000 GB) ก็มหาศาลอยู่แล้ว แล้วคอนเสิร์ตยาว 4 ชั่วโมง กว่าจะตัดออกมา กว่าจะเลือกภาพ เลือกเสียงกันเสร็จ ใช้เวลานานมาก เวอร์ชั่นดีวีดีนี่ตัดไปทั้งหมด 7 เวอร์ชั่นด้วยกัน เวอร์ชั่นหนังก็ประมาณ 5 เวอร์ชั่น
ตอนแรกเรานั่งดูเวอร์ชั่นดีวีดีจนเราพอใจเรียบร้อยไปแล้ว ดีวีดีก็เข้าสู่กระบวนการมิกซ์เสียงอะไรกันไป แล้วก็มานั่งดูเวอร์ชั่นหนังกัน ปรากฎว่าทุกคนลงความเห็นพ้องต้องกันว่าเวอร์ชั่นหนังซึ่งสั้นกว่า ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งนี่ กลับเป็นเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์แบบมาก ทุกคนชอบหมด โดยเฉพาะตัววงบอดี้สแลมเอง ก็เลยมีการเปลี่ยนใจว่า ถ้างั้นเวอร์ชั่นหนังจะไปอยู่ในดีวีดีด้วย และในดีวีดี Box Set จะมีส่วนขยายอีกมากมาย มีสารคดีเบื้องหลัง 191 วัน มีเพลงที่ถูกตัดออกไป ส่วนเวอร์ชั่นหนัง ก็จะมีความสมบูรณ์ในแบบของหนัง
เหตุผลที่ภาพยนตร์คอนเสิร์ตฉายก่อนดีวีดีวางจำหน่าย
เหตุผลที่หนังฉายก่อนดีวีดีเพราะมันเป็นคอนเสิร์ตที่ตั้งใจถ่ายให้เป็น ภาพยนตร์เลย ไม่ใช่ถ่ายเป็นดีวีดีแล้วก็เอามาฉายในโรงก่อนดีวีดีฉาย นี่คือตั้งใจถ่ายให้เป็นภาพยนตร์เลย แล้วเราถ่ายภาพยนตร์เกี่ยวกับคอนเสิร์ต ดังนั้นเลยเหมือนกับหนังที่ต้องเข้าโรงก่อนแล้วเป็นดีวีดี
และที่สำคัญ เราอยากให้เห็นคุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบ การมิกซ์แบบ 5.1 ในดีวีดีก็ 5.1 แต่ระบบเสียงในโรงหนัง ลำโพงมันคุณภาพเสียงดีกว่า ที่สำคัญที่สุด การดูในโรงหนังเราไม่ได้นั่งดูคนเดียว หรือนั่งดูกับเพื่อน 4-5 คน เหมือนที่บ้าน เราดูกับคนเต็มโรง แล้วหนังเรื่องนี้ก็เราสนับสนุนให้ทุกคนส่งเสียงกันให้เต็มที่ ร้องตามได้ ลุกขึ้นเต้นก็ยังได้ ปรบมือได้ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ต่างจากการนั่งดูดีวีดีอยู่ที่บ้าน ในขณะที่ดีวีดีก็มีข้อดี คือ คุณดูซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณ pause ดูได้ ก็เป็นข้อดีในแบบของดีวีดี แล้วก็ยังมีสเปเชี่ยลฟีเจอร์ มีอะไรอีกมากมายที่มากกว่าในหนัง และในขั้นตอนการทำงานจริงๆ เวอร์ชั่นดีวีดียังไม่เสร็จ ฟีเจอร์ต่างๆ การมิกซ์เสียงอะไรก็ยังไม่เสร็จ แล้วกระบวนการผลิตตัวดีวีดีอีก การพิมพ์แผ่น การทำแพ็กเกจจิ้งทั้งหลาย ดังนั้นเราเลยอยากให้ได้ประสบการณ์จากโรงหนังก่อน แต่อย่างที่บอกก็คือ ไม่ดูครบทั้ง 2 อย่างก็ไม่เป็นไร เลือกดูอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เราไม่ได้บังคับกัน เราแค่รู้สึกตื่นเต้น วงก็ตื่นเต้น ทุกคนก็ตื่นเต้น เอาง่ายๆ ศิลปินทุกคนไม่เคยนั่งดูคอนเสิร์ตตัวเอง คือนั่งดูดีวีดีที่บ้าน ก็ไม่ได้ความรู้สึกแบบนั่งดูในโรงหนังที่มีคนดูเยอะๆ ด้วย นี่ก็จะเป็นครั้งแรกที่บอดี้สแลมได้ดูการแสดงสดของตัวเองกับคนดูที่เป็นแฟน ของบอดี้สแลม
และเป็นครั้งแรกของการถ่ายทำคอนเสิร์ตด้วยเทคนิคแบบภาพยนตร์ ไม่เหมือนกับเราถ่ายคอนเสิร์ตเพื่อทำดีวีดี แล้วเอาดีวีดีแผ่นนั้นมาฉายในโรง มุมกล้องก็จะไม่เหมือน วิธีการตัดต่อ คุณภาพของภาพ ซึ่งถ้าได้เห็นแล้วจะเห็นเลยว่า เป็นภาพยนตร์ที่สวยมาก
สิ่งที่คาดหวังให้ผู้ชมได้รับจากภาพยนตร์เรื่องนี้
อย่างแรกเลย คือ การทำบอดี้สแลมนั่งเล่นที่บัตรคอนเสิร์ตมันต้องแพงเพราะต้นทุนสูงมาก และสถานที่เล่นก็ค่อนข้างเล็ก เลยทำให้หลายคนที่เป็นแฟนบอดี้สแลมหลายคนก็ไม่สามารถมาดูได้ คราวนี้เราจัดฉายในโรงภาพยนตร์ ขายบัตรตามราคาตั๋วหนังเลย เราอยากให้คนได้ดูคอนเสิร์ตนี้มากกว่าเดิม ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มากขึ้น
แล้วด้วยเหตุผลง่ายๆ เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นนะ ได้ดูหนังคอนเสิร์ตในโรงภาพยนตร์น่ะ อาจจะเป็นเหตุผลส่วนตัวก็ได้ แต่ว่าพอเราประกาศออกไป เราก็รู้สึกได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกแบบเดียวกับเรา มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นน่ะ ได้ไปนั่งดูบอดี้สแลมในโรงหนัง
ฝากอะไรถึงแฟนๆ บอดี้สแลมที่รอคอย ดีวีดี บันทึกการแสดงสดคอนเสิร์ตบอดี้สแลมนั่งเล่นมาปีกว่าแล้ว
สำหรับแฟนๆ บอดี้สแลมที่รอดีวีดีคอนเสิร์ต ผมในฐานะผู้ควบคุมการผลิตการบันทึกภาพคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็ต้องขอโทษในความ ล่าช้า แต่อยากจะบอกว่า เราตั้งใจทำสุดฝีมือจริงๆ และมีกระบวนการที่ซับซ้อนมากที่ทำให้ล่าช้า ไม่มีใครคิดเลยว่าจะล่าช้าขนาดนี้ แต่ขอให้เชื่อว่า จนถึงตอนนี้ ณ ตอนนี้ที่ผมให้สัมภาษณ์อยู่นี่ (ปลายเดือนมีนาคม 2556) ขั้นตอนโพสต์โปรดักชั่นก็ยังนั่งทำงานกันอยู่ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมานี่ นั่งทำงานกันอยู่ตลอดจริงๆ เลย ไม่มีการพยายามยื้อให้ล่าช้าเลย แต่กระบวนการซับซ้อนจริงๆ แล้วด้วยความที่ยังไม่เคยมีใครทำแบบนี้ อย่างที่บอกคือตั้งใจถ่ายทำให้เป็นภาพยนตร์ แล้วเอามาตัดต่อให้เป็นภาพยนตร์แบบนี้ก็เลยทำให้เราก็ไม่คาดว่าจะช้าขนาดนี้ ต้องขอโทษจริงๆ แต่เชื่อว่าเมื่อได้สัมผัสทั้งในโรงหนังและในดีวีดีนี่ เราก็เชื่อว่าคุ้มค่ากับการรอคอย กับการที่เราได้เห็นมันแล้ว ก็หวังว่าแฟนๆ บอดี้สแลมที่รอคอยอยู่จะรู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน