วิจารณ์หนัง The Place Beyond The Pines
แรกทีเดียว เราก็คิดว่ามันจะเป็นหนังของพ่อที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปปล้นแบงค์เพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูลูก แต่ต้องถูกจับ ไม่สิ มันไม่ใช่แค่นั้น เป็นอีกเรื่องที่หนังเต็มมันไปไกลกว่าหนังตัวอย่างอยู่มากโข “The Place Beyond The Pines” คือหนังดราม่าชีวิตผสมอาชญากรรมจากผู้กำกับฯ “Blue Valentine”
วิจารณ์หนัง The Place Beyond The Pines
หลังเคยร่ำไห้กับชีวิตคู่ที่ดูแสนจริงในเรื่องนั้นมาแล้ว ก็ได้มาทำความรู้จักกับหนังดราม่าเรื่องของพ่อกับลูกที่ดูแล้วเชื่อได้อย่างไม่ต้องบังคับใจกันเรื่องนี้ มันคือหนังที่มีฉากอาชญากรรมมาเป็นส่วนประกอบของการเล่าเรื่องเท่านั้น เพราะใจความหลักมันเทไปกับเรื่องดราม่าแบบเน้นๆ ซะแล้วนี่
แต่ “The Place Beyond The Pines” ไม่ได้เล่าถึงพ่อคนเดียว หากเลือกเล่าถึงพ่อสองคนที่ต่างสร้างตัวเองให้เป็นฮีโร่เหมือนกัน แต่ต่างก็ล้มเหลวในการเป็นพ่อเหมือนๆ กัน
พ่อคนแรก มีอาชีพบึ่งมอเตอร์ไซค์วิบากหาเลี้ยงชีพ ร่อนเร่ไปทั่วจนมาพบว่าตนเป็นพ่อของเด็กน้อยเจสัน แต่เด็กน้อยมีพ่อใหม่ไปแล้ว เขาหยุดทุกอย่างเพื่อทวงคืนความเป็นพ่อ แต่เขากลับใช้ความพิเศษของตนในทางที่ผิด ปล้นธนาคารเอาเงินมาให้ มันใช่หรือ?
พ่ออีกคน มีอาชีพเป็นตำรวจจับผู้ชายมาได้ไม่นาน นี่คือครั้งแรกที่เขายิงผู้ร้าย แม้สิ่งที่เขาทำไปจะส่งผลให้เขากลายเป็นฮีโร่ในสายตาของใครต่อใคร แต่ก็หลายคนที่กังขาว่าเขาทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ และในที่สุด สิ่งนั้นก็ยังคงอยู่และพร้อมจะกลับมาทำร้ายเขาทุกเมื่อเชื่อวัน
Luke Glanton (ไรอัน กอสลิ่ง) เปลี่ยนสถานะตัวเองจะฮีโร่ที่คนชื่นชมกลายเป็นตัวร้ายที่พร้อมจะถูกทำลาย ขณะที่ Avery Cross (แบรดลี่ย์ คูเปอร์) คือคนดีที่ถูกสังคมชั่วๆ พัดพาให้กลายเป็นฮีโร่ที่มีแผลเป็น
หนังมันเครียด มันกดดัน มันอึมครึม แต่มันก็ “จริง”
หนังมีสัญลักษณ์บางอย่างที่ทำให้เราเฝ้าสงสัย อาจไม่ทันได้คิดในทีแรกที่ได้ชม นั่นเพราะเราต้องตามเนื้อเรื่องให้ทัน แต่เมื่อมีคนบอกข้อสังเกตนั้นแก่เรา ก็บังเกิดอาการ “บางอ้อ” ขึ้นมาทันที สัญลักษณ์ของความ “พิเศษ” ที่ทำให้บางคนกลายเป็น “ฮีโร่”
ตัวละครหลักทำหน้าที่ได้อย่างน่าชื่นชม ตัวละครรองก็ทำหน้าที่ได้ไม่แพ้กัน คนดูก็เลยเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งนั้นโดยไม่อาจต้านทานได้ การเดินทางของ “พ่อ” ที่เป็นครั้งเดียวที่เลือกผิดทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล และสุดท้าย กลายเป็นว่า “ลูก” คือผู้รับชะตากรรมนั้นต่อ
วิจารณ์หนัง The Place Beyond The Pines
ในแง่ของการทำให้หนังดูจริงนั้น ผมว่า ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ ก็ทำได้ดีทั้ง “Blue Valentine” และ “The Place Beyond The Pines” แต่ถ้านึกถึงหนังที่ทำเราน้ำตาไหลร้องไห้ให้กับตัวละคร เรื่องแรกทำสิ่งนั้นได้แต่เรื่องหลังไม่ ความยาว 140 นาทีของหนัง ดูยืดยาวแต่ไม่มีช่วงไหนทำให้น้ำตาริน หากแต่สร้างความกดดันหดหู่เกือบตลอดเรื่อง
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งคงต้องยกประโยชน์ให้กับซาวด์ดนตรีประกอบที่ปูมาตั้งแต่ต้นยันจบ
หนังเหมือนจะบอกเราว่า ฮีโร่ที่เป็นคนดีไม่มีชั่วไม่มีแผลนั้นไม่มี ฮีโร่มีแต่สีเทาๆ ที่อาจปกปิดสิ่งผิดๆ ไว้ข้างใน แถมยังอาจสร้างวายร้ายขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัวและอาจไม่มีพลังใดจะแก้ไขได้
และสุดท้ายที่เขาบอก ถึง “พ่อ” จะเป็น “ฮีโร่” แต่ก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!
Credit: PatSonic ( http://www.patsonic.com/movie/the-place-beyond-the-pines/ )