วิจารณ์หนัง The Wolverine

วูล์ฟเวอรีน คือตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่โด่งดังระดับต้นๆ ของ Marvel แต่เชื่อว่าตัวละครตัวนี้คงไม่สามารถถูกสร้างออกมาเป็นหนังที่ตัวเองเป็นพระเอกได้ หากไม่ได้ผู้สวมบทบาทวูลฟ์เวอรีนอย่าง ฮิวจ์ แจ็คแมน และใน The Wolverine ด้วยเนื้อเรื่องประกอบกับฝีมือทางการแสดงของฮิวจ์ แจ็คแมน ก็ช่วยส่งให้ The Wolverine เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ยกระดับหนังซูเปอร์ฮีโร่ขึ้นไปอีกขึ้น

หลายคนเมื่อนึกถึงหนังซูเปอร์ฮีโร่อาจจะนึกไปถึง ความเป็นหนังแอ็คชั่นต่อสู้กับเหล่าร้ายด้วยพลังพิเศษ แต่เอาเข้าจริงแล้ว หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มาจากคอมมิกนั้น พัฒนาเรื่องราวและสร้างตัวละครให้มีเลือดมีเนื้อ ทำให้ดูมีความเป็นคนมากกว่าซูเปอร์ฮีโร่ผู้ไร้พ่ายมานานแล้ว The Wolverine คือหนังที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลงลึกในรายละเอียดของจิตใจวูล์ฟเวอรีนหรือโลแกนหลังจาก X-Men: The Last Stand

The Wolverine กำกับโดย เจมส์ แมนโกลด์ ที่เคยทำหนังที่มีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนแต่ยอดเยี่ยมมากๆ อย่าง Identity (2003) การมากำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ครั้งแรกจึงมีความน่าสนใจในส่วนของการกำกับด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเป็นหนังวูล์ฟเวอรีนเท่านั้น

The Wolverine เล่าชีวิตที่เปล่าเปลี่ยวของโลแกน (ฮิวจ์ แจ็คแมน) ที่ล้างมือและใช้ชีวิตสันโดษไปวันๆ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องทวงถามความยุติธรรม! แต่นั่นกลับทำให้เขาได้พบสาวผมแดงชาวญ๊่ปุ่นที่ตามหาเขามานานนาม ยูคิโอะ (ไรล่า ฟูกุชิม่า) เพื่อพาตัวเขาไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อพบกับ อิจิโร่ ยาชิดะ (ฮารุฮิโกะ ยามานูชิ) อดีตนายทหารที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าของจักรวรรดิด้านเทคโนโลยีในญ๊่ปุ่นที่กำลังรอคอยความตาย การพบกันของทั้งสองจะนำมาซึ่งจะเป็นครั้งสำคัญในชีวิตของโลแกน

หนัง The Wolverine มีความเกี่ยวข้องกับ X-Men: The Last Stand ค่อนข้างมาก เพราะคนรักของเขาที่เสียชีวิตไปแล้วอย่าง จีน เกรย์ (แฟมเก้ เจนเซ่น) ยังคงตามหลอกหลอนตอกย้ำถึงความจริงที่เขาต้องการข้ามผ่านอยู่ ฉะนั้นหากใครจำเนื้อหาใน The Last Stand ไม่ได้ หรือ ไม่เคยดูมาก่อน อาจทำให้รู้สึกต่อต้านเนื้อหาในส่วนนี้อยู่พอสมควรเพราะว่าไม่เข้าใจที่มาที่ไป แต่หากไม่ใช่คุณก็จะเข้าใจว่าเหตุใดโลแกนถึงเลือกเก็บชีวิตวูล์ฟเวอรีนไว้และรู้ว่าเขากำลังต่อสู้เพื่ออะไร

การดำเนินเรื่องใน The Wolverine จะมีความแตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่แนวเดียวกันอยู่พอสมควร เพราะหนังให้เวลากับการสำรวจจิตใจของโลแกนมากกว่าฉากแอ็คชั่นอันเป็นจุดขายทั่วไปของหนังแนวนี้ หนังเรื่องนี้จึงอุดมด้วยบทสนทนามากกว่าเตะต่อย แต่มันก็เป็นบทสนทนาที่มีความลึกจนอาจจะกล่าวได้ว่า The Wolverine มีบทสนทนาที่แหวกแนวที่สุดตั้งแต่มีหนังซูเปอร์ฮีโร่เลยก็ว่าได้

ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะว่าบทสนทนาในเรื่องไม่ใช่มาพร่ำพูดกันในเรื่องของความดีชั่ว หรือการผดุงความยุติธรรม แต่มันพูดถึงคุณค่าของชีวิต การชีวิตอมตะคือพรหรือคำสาป การดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตยืนยาว ที่แฝงไว้ด้วยเรื่องราวแนวหักหลัง แก้แค้นในแบบหนังฮ่องกง ที่ทั้่งหมดทำให้ The Wolverine เป็นหนังที่มีรสชาติที่แปลกแต่อร่อยพอตัว!

ด้วยพื้นฐานความสามารถของวูล์ฟเวอรีน ทำให้การคาดหวังในเรื่องของฉากแอ็คชั่นที่อลังการหรือยิ่งใหญ่ดูจะเป็นอะไรที่น่าตลก และกับฉากแอ็คชั่นที่มีในเรื่องก็ถือว่าทำได้ดี น่าประทับใจพอสมควร ซึ่งเราคงเรียกร้องอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะสิ่งที่หนังต้องการเล่าคือ การปลดเงื่อนปมในจิตใจของโลแกนให้กลับมาเป็นวูล์ฟเวอรีนต่างหาก

The Wolverine มีนักแสดงหญิง 4 คนที่น่าสนใจ ทั้่ง ไรล่า ฟูกุชิม่า, แฟมเก้ เจนเซ่น, ทาโอะ โอกาโมโตะ และสเว็ทล่าน่า โคดเชนโคว่า มีส่วนเสริมที่ทำให้หนังมีเสน่ห์ดึงดูดและน่าสนใจ ที่แต่ละคนต่างก็ทำหน้าที่ได้ดี

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องของหนังซูเปอร์ฮีโร่ให้มีความดราม่ามากกว่าแอ็คชั่น ก็ดูจะยังไม่กลมกล่อมมากนัก บางช่วงยังดูเร่ง บางตอนกลับเนิบนาบเชื่องช้า ขาดความพอดีที่ส่งผลให้ภาพรวมที่ออกมาของ The Wolverine เป็นหนังที่ไม่ได้เหมาะกับผู้ชมทุกคน

หนัง The Wolverine คือการตอกย้ำให้เห็นว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เล่าเรื่องราวที่ใส่เรื่องราวความเป็นมนุษย์นั้น คือเทรนด์ในทุกวันนี้ และเป็นการยกระดับหนังซูเปอร์ฮีโร่ให้มีความลึกในส่วนของเรื่องราวตามต้นฉบับของมัน ไม่ไปพยายามพัฒนาเชิงกว้างในเรื่องของระดับพลังการต่อสู้ และท้ายที่สุดมันยังให้คุณค่าบางอย่างแก่ผู้ชมเมื่อชมจบ เฉกเช่นเดียวกับหนังแนวดราม่าชั้นดีเรื่องหนึ่งมีให้

The Wolverine ผมให้ 4 /5 

@Chamanz13

 

**4 สาว 4 สไตล์ใน The Wolverine

**เกร็ดหนังและคลิปเจาะลึกตัวละครใน The Wolverine

รับส่วนลด 100 บาท สำหรับ 2 ที่นั่ง แค่มี WeChat แล้วตาม Official Account "Major Group"