วิจารณ์ Gravity
'อวกาศ' อาจเป็นความฝันในวัยเยาว์ของใครหลายๆ คน... แต่ในความเป็นจริงแล้ว อวกาศ คือสถานที่อันน่าสะพรึงกลัวที่ใครหลายคนหลงลืมไป มันไม่มีทั้งอากาศให้หายใจ ไร้แรงดันอากาศ รังสีมากมาย จนเป็นไปไม่ได้เลยที่คนจะอาศัยอยู่ในอวกาศหากไม่ได้สวมใส่ชุดอวกาศป้องกันตัวเอง!
ผลงาน Gravity เป็นการกลับมาอีกครั้งของผู้กำกับ อัลฟองโซ่ ควารอน ที่ห่างหายจากผลงานล่าสุดนั่นคือ Children of Men (2006) ครั้งนี้เขาเล่นท่ายากกับการถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้วงอวกาศ ที่พยายามจะถ่ายทอดทุกอย่างออกมาให้ดูสมจริงที่สุด ซึ่งโดดเด่นด้วยการถ่ายทำแบบลองเทค (Long Take) หรือการถ่ายทำแบบต่อเนื่องโดยไม่มีการตัดฉาก ที่ครั้่งนี้ก็ปล่อยของออกมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน และที่สำคัญมันเข้ากันได้ดีกับหนังอวกาศเป็นอย่างยิ่ง ที่ช่วยให้รู้สึกถึงความสมจริงของเหตุการณ์จนบางครั้งคล้ายกับว่าเรากำลังอยู่ในเหตุการณ์จริงก็ไม่ปาน!
หนัง Gravity เล่าเรื่องราวของ ทีมนักบินอวกาศที่นำโดย ดร. สโตน (แซนดร้า บูลล็อค) และ แม็ตต์ โควาสกี้ (จอร์จ คลูนี่ย์) ซึ่งมีหน้าที่ในการซ่อมแซมดาวเทียม แต่ปรากฎว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิด ทำให้นักบินอวกาศชุดนี้ต้องเผชิญกับนาทีวิกฤตที่โอกาสในการรอดชีวิตเป็นไปได้ยาก!
สิ่งที่ดึงดูดให้เราติดตามชม ไม่ใช่เพียงเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเพียงเท่านั้น ยังมีงานด้านภาพที่ถ่ายทอดภาพอวกาศเหนือชั้นบรรยากาศของโลกออกมาได้อย่างงดงามเกินคำบรรยาย ที่ให้ความรู้สึกถึงมุมมองของนักบินอวกาศที่มองมายังโลก รวมไปถึงการแสดงของนักแสดงนำอย่าง แซนดร้า บูลล็อค ที่เรื่องนี้เธอเปล่งประกายความยอดเยี่ยมอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยวเหงาของชีวิต หากพิจารณาตัวละคร ดร. สโตนแล้ว จะเห็นว่าเป็นตัวละครที่น่าสงสาร มีลูกแต่ก็เสียลูกไป จนชีวิตเคว้งคว้างและเลือกมาทำงานเป็นนักบินอวกาศ สถานการณ์ที่ดร. สโตน เผชิญที่จริงแล้วเธอไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรนในการเอาชีวิตรอดแต่อย่างใด แต่เพราะพลังใจและแรงขับเคลื่อนในการที่จะเอาชนะทำให้เธอพยายามมีชีวิตรอดอย่างถึงทีสุด! ซึ่ง แซนดร้า บูลล็อต สามารถทำหน้าที่ได้ดีในการแบกหนังทั้งเรื่องไว้บนบ่าตั้งแต่นาทีแรกจนนาทีสุดท้าย
เช่นเดียวกันกับ จอร์จ คลูนี่ย์ ที่ถึงแม้จะมีบทไม่เยอะแต่ก็ทำหน้าที่ได้ดี แสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพของนักบินอวกาศ ที่ย่อมรู้อยู่ตลอดเวลาว่าหน้าที่ของตนเองนั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยงและพร้อมจะยืดอกรับทุกสถานการณ์ ทั้งถ่ายทอดความหวังในการมีชีวิตรอดให้กับผู้อื่นอย่างน่านับถือ และยังเป็นตัวที่ช่วยสร้างสีสันและอารมณ์ขันให้กับหนังเครียดๆ เรื่องนี้!
Gravity คือ หนังที่ถ่ายทอดสภาพความเป็นจริงของอวกาศ ออกมาได้อย่างน่ากลัว กับการที่ตัดสิ่งต่างๆ ในการเอาตัวชีวิตรอดของตัวละครออกไปให้เหลือน้อยที่สุด เงื่อนไขเวลาอันจำกัดที่คอยบีบคั้นเร่งเร้าสถานการณ์ กับความเงียบที่สลับกับดนตรีประกอบที่ชวนอึดอัด ทำให้เกือบตลอดการดูหนังทำให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ทั้่งกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ และลุ้นเอาใจช่วยตัวละครให้อยู่รอด! นอกจากนี้ยังรวบรัด ไม่เยิ่นเย้อในการเล่าเรื่อง ทำให้หนังในภาพรวมกลมกล่อม!
อย่างไรก็ตามหนังก็เดินทางไปตามสูตรสำเร็จ และจบลงอย่างให้ความหวังตามแบบฉบับหนังแนวเอาชีวิตรอดทั่วไปที่ใครก็เดากันได้ ซึ่งตัวศักยภาพของ Gravity เอง ที่ทำออกมาได้ขนาดนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินตามสูตรอีกต่อไป หากผู้กำกับ อัลฟองโซ่ ควารอน เลือกวิธีจบในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ จะทำให้หนังเรื่องนี้น่าจดจำและเป็นที่กล่าวถึงมากยิ่งขึ้น จนอาจเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์โลกเหมือนดังเช่นหนังอวกาศคลาสสิคหลายๆ เรื่องก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี เท่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็นับเป็นงานที่น่าพอใจ กับความบันเทิงเปี่ยมคุณภาพที่ Gravity มอบให้ และจะเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ถูกกล่าวถึงในอันดับต้นๆ เมื่อพูดถึงภาพยนตร์ที่ยอดเยี่่ยมที่สุดประจำปี 2013
Gravity - ผมให้ 4 / 5
@Chaman13