เจาะลึก " เคนเน็ธ บรานัค" ผู้กำกับ JACK RYAN: SHADOW RECRUIT

เจาะลึก " เคนเน็ธ บรานัค" ผู้กำกับ JACK RYAN: SHADOW RECRUIT

เจาะลึก " เคนเน็ธ บรานัค" ผู้กำกับ JACK RYAN: SHADOW RECRUIT
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

เจาะลึก " เคนเน็ธ บรานัค" ผู้กำกับ JACK RYAN: SHADOW RECRUIT

 

สำหรับเรื่อง JACK RYAN: SHADOW RECRUIT ก็ได้เข้าฉายไปแล้วเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา และเรียกได้ว่าได้การตอบรับที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว โดยการขึ้นถึงอันดับ 2 ใน BOX OFFICE ไทยและอันดับที่ 4 ใน US BOX OFFICE โดยเรื่องราวจะเล่าเกี่ยวกับ แจ็ค ไรอัน รับบทโดย คริส ไพน์ (Chris Pine) อดีตนาวิกโยธินทำงานเป็นนักวิเคราะห์ให้ซีไอเอ ถูกสั่งให้ไปเป็นสายลับในรัสเซีย

หลังพบว่ามหาเศรษฐีวิกเตอร์ เชเรวิน รับบทโดย เคนเน็ธ บรานัค (Kenneth Branagh) มีแผนจะล่มเศรฐกิจของสหรัฐ แต่เรื่องกลับยุ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อแคธี่ รับบทโดย เคียร่า ไนท์ลี่ย์  (Keira,Knightley) ภรรยาแสนสวยของแจ็คตามไปเซอร์ไพรส์ที่มอสโกและรู้ความจริงเข้า หนังมีเควิน คอสเนอร์ (Kevin Costner) ร่วมแสดงในบทของวิลเลียม ฮาร์เปอร์ เจ้านายและผู้ฝึกสอนของแจ็ค ไรอัน

 

ดูจากเนื้อเรื่องแล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่า แจ็ค ไรอัน ในเรื่องนี้ก็คล้ายๆกับบทบาทของสายลับเจมส์ บอนด์ จาก 007 หรือ อีธาน ฮันท์ จาก MISSION : IMPOSSIBLE เลยล่ะสิ ในความรู้สึกผู้ชมอาจจะใช่แต่ตัว เคนเน็ธ บรานัค ผู้กำกับเรื่องนี้ก็จะขอมาชี้แจงแถลงไขให้แฟนๆได้รู้รายละเอียดที่ลึกไปกว่านั้น จะได้รู้กันสักทีว่า JACK RYAN: SHADOW RECRUIT มีความโดดเด่นต่างจากหนังสายลับเรื่องอื่นยังไง

 

 

อะไรทำให้คุณตัดสินใจรับกำกับภาพยนตร์ตระกูล Jack Ryan?

 เคนเน็ธ บรานัค: พอบทมาถึงมือผม มันไม่สามารถวางลงได้เลย ผมรู้จักหนังภาพก่อนๆ อยู่แล้วด้วย ผมได้อ่านหนังสือมาบ้าง ทั้งหมดก็แค่นั้น มันเกิดขึ้นทันทีทันใด ผมมีคิวจะต้องสร้างหนังเรื่องอื่น แต่มันพับไป และเรื่องนี้ก็เข้ามา ผมได้อ่านบทและรู้สึกว่าเป็นหนังที่ผมอยากชม โลกของหนังเรื่องนี้มีกลิ่นไอของหนังยุค 70 ด้วยสไตล์ยอดเยี่ยมในแบบที่ผมชื่นชอบมาก ทั้งเรื่องคนของประธานาธิบดี มุมมองแบบเหลื่อม อะไรทำนองนั้น มันเป็นแนวจารกรรมลุ้นระทึกในโลกที่บิดเบี้ยว ไม่มีมุมกล้องแบบดัตช์ ไม่ต้องห่วง (หัวเราะ) แค่ผมกับ แฮริส แซมบาร์ลูกอส อีกครั้ง แต่เราค้นพบระดับจิตวิญญาณในกล้อง

 

ผมไม่รู้ว่าคุณได้คุยกับ คริส ไพน์ หรือยัง เขาพูดจาได้คล่องแคล่วเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมก็ชอบ (เจมส์) บอนด์ และชอบ (เจสัน) บอร์น และชอบ Mission: Impossible เรื่องนี้แตกต่างอย่างชัดเจนกับเรื่องเหล่านั้น เพราะเขาไม่ใช่นักฆ่ารับจ้าง เขาไม่ใช่คนที่มาจากโปรแกรมการฝึก เราไม่มีความโก้หรูแบบ บอนด์ และเราไม่มีความสุดโต่งอย่าง Mission: Impossible ตราบเท่าที่เทคโนโลยีและสิ่งต่างๆ ยังดำเนินไป และในแง่แปลกๆ แม้ว่า แจ็ค ไรอัน จะสดใสและเก่งที่สุด เขาจะออกแนวนักวิเคราะห์ที่มีทักษะสูง มีปฏิภาณไหวพริบ เขายังเข้าถึงได้ง่ายๆ เขาเป็นเหมือนคนทั่วๆไป เขาไม่ได้มีความสามารถหลากหลายอย่างที่ เลียม นีสัน กับผมชอบสร้างขึ้นมา เขาไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นอะไรมากมาย แต่เขามีสมอง มีความมุ่งมั่นที่จะทำบางอย่าง เพื่อจะบรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นเป็นเครื่องมือที่มีค่า

   

ด้วยบางอย่างที่คล้าย ธอร์ มิติของความเป็นมนุษย์ในโลกที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบแฟนตาซี และองค์ประกอบแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงที่มักทำให้รู้สึกเหมือนคุณกำลังสร้างหนังที่แตกต่างกันมากมาย และด้วยสิ่งนี้ มันมีองค์ประกอบที่สำหรับผม ถ้าคุณทำให้มันถูกต้อง มันจะนำไปสู่ประสบการณ์น่าสนใจสำหรับผู้ชม คุณประหลาดใจ มีจุดหักมุมที่คาดไม่ถึง ตัวบทสามารถเหนี่ยวรั้งผมไว้ได้เพราะมันทำให้คุณต้องพลิกหน้าไปเรื่อยๆ แต่เรื่องราวนี้คุณต้องลงทุนไปที่ใจกลางของเรื่อง

 

 คุณสร้างสมดุลให้กับส่วนดราม่าและส่วนแอ็คชั่นอย่างไร?

  เคนเน็ธ บรานัค: มันเป็นคำถามที่เกิดขึ้นได้ตลอด เรารู้สึกขอบคุณนักแสดงมาก ทั้ง คริส ไพน์, เควิน คอสต์เนอร์, เคียร่า ไนท์ลี่ย์ และอีกหลายคนมีความแข็งแกร่ง เรามีคนอย่าง เดวิด เพย์เมอร์ ที่เป็นส่วนเล็กๆของหนัง เขายอดเยี่ยมในส่วนของเขา ผู้คนเหล่านี้เป็นคนที่เมื่อคุณดูอย่างใกล้ชิด คุณจะเจอเรื่องราวที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณ วิธีคิดของพวกเขามันเยี่ยมมาก และแน่นอน ขอบเขตของการดูอย่างใกล้ชิด การเรียบเรียงของเรื่องนั้น เจอกับแอ็คชั่นอย่างที่เราทำ มันเป็นเรื่องความคล่องแคล่วของมือเมื่อเขากระโดดจากพาหนะหนึ่งไปยังอีกพาหนะหนึ่ง เขาถูกติดตาม เขาอยู่ในศูนย์บัญชาการของคนที่อาจจะกลายเป็นศัตรูของเขา นี่จึงเป็นเรื่องของการใช้มุมกล้องหลากหลาย และการครอบคลุมจำนวนมาก คุณจึงสามารถเร่งความเร็วมันและสับสน จากนั้นบางครั้งมันแค่เป็นสิ่งที่คุณหวังว่าจะวางเฟรมให้ถูกต้องกับตัวละครที่น่าสนใจมาก แสดงโดยนักแสดงที่น่าสนใจมาก เดินและคิดสักหน่อย และสำหรับผมมันดูเหมือนจะเป็นกระบวนการหลังการผลิตที่น่าหลงใหลมากในการพยายามเรียบเรียงระหว่างทั้งสองอย่าง ผมหวังว่าเราทำได้เยี่ยมทั้งสองส่วน

   

ผมคิดว่าเราทุกคนประหลาดใจ รวมถึง ลอเรนโซ่ (ดิ โบนาเวนทูร่า) และ เมซ นอยเฟลด์ เรามีฉากแอ็คชั่นมากกว่าที่เราคิดไว้ตอนแรก แต่เรามีมิติอื่น ผู้ชายเจ้าความคิดเป็นส่วนหนึ่งของมัน และผู้หญิงเจ้าความคิดก็เป็นส่วนหนึ่งของมัน เพราะบทของ เคียร่า ไนท์ลี่ย์ เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเรื่องราวอย่างมาก เรามีทรัพยากรที่จะเรียบเรียงทั้งคู่ตามที่ผมคิดในวิธีที่เข้าใจได้

 

 ในจุดไหนที่คุณตัดสินใจว่าคุณต้องการเล่นเป็นตัวร้าย และคุณตีความตัวละครนี้อย่างไร?

 เคนเน็ธ บรานัค: เรื่องนี้เข้ามาหาผมในฐานะผู้กำกับฯแต่มันชัดเจนสำหรับผมว่าพาราเมาต์สนใจอย่างมากที่จะให้ผมแสดงเป็น เชเรวิน และผมบอกว่า โอ้ วางเรื่องนี้ไว้ข้างๆ ก่อน ขอผมคุยกับ คริส และดูว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นอย่างไร และดูว่าเราจะคัดเลือกตัวละครสำคัญต่อไปอย่างไร นั่นคือ เคธี่ ภรรยาของเขา จากนั้น เคียร่า ก็เข้ามา และเราโชคดีมากที่ได้ เควิน ด้วย และจากจุดนั้น เมื่อผมเห็นทุกคนนั่งรวมกันอยู่ คริส กับผมพูดคุยกันเกี่ยวกับภาพที่กว้างขึ้น มันจึงเป็นเหมือน เก่าเจอใหม่ อาณาจักรเก่าเจออาณาจักรใหม่ ในภาพขัดแย้งแบบแปลกๆ ที่คุณอาจจะบอกว่าอเมริกาเป็นอาณาจักรเก่า และเงินทุนใหม่คือรัสเซียยุคหลังเปิดประเทศ และทุกอย่างอื่นๆ คืออาณาจักรใหม่ นั่นมันเหวี่ยงออกไปจากรูปแบบทางประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้ มันคือตะวันออกกับตะวันตกในทัศนคติทางวัฒนธรรม และจากนั้นก็เป็นตัวบุคคลที่ตรงข้ามกันของ แจ็ค กับ เชเรวิน ในความสัมพันธ์ที่กลายเป็นเรื่องของชาติ

  

ถ้ามีคำบรรยายขึ้นในตอนนี้สำหรับพัฒนาการของเรื่อง มันควรเป็นส่วนที่ว่า "อะไรกลายเป็นเรื่องของความรักชาติ?" คุณจะนำเสนออย่างไรไม่ให้เป็นเรื่องของสัญชาติ แต่เป็นเรื่องของหัวข้อที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับความรักชาติที่อาจมีความหมายเมื่อนั่นเป็นแนวคิดที่ผู้คนสามารถเข้าใจได้ในบางครั้ง แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะในแง่กองทัพหรือบางครั้งในแง่การเมือง การใช้ชีวิตที่เล็กลงของเรา คุณอาจบอกอย่างนั้น เราแทบจะตีความผ่านการปฏิบัติกับผู้คน กับตัวบุคคล และคุณเชื่อมโยงกับทหารของคุณ หรือคนงานของคุณ หรือคนรักของคุณในชีวิตอย่างไร เรามีสิ่งเหล่านี้ผุดขึ้นมา ผมหวังว่าผมจะมีเส้นด้ายที่ดีเพื่อให้ถักทออีกด้านออกมา เพื่อทำให้ด้านนั้นของเรื่องเป็นตัวบุคคลมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แล้วผมตีความมันอย่างไร? เหมือนการทำให้เป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่ใช่วายร้ายในเกมกระดาน ผมไม่เคยใช้คำว่าวายร้ายในการเชื่อมโยงกับเขา เพราะถ้าคุณแสดงมัน คุณไม่สามารถมองมันเป็นแบบนั้นได้ มีคนคนหนึ่งชื่อ วิคเตอร์ เชเรวิน ซึ่งทรงอิทธิพลมาก และเขามีความคับแค้นและความเจ็บปวดมากในระบบของเขา และเขาต้องการทำบางอย่างกับมัน เขามีจินตนาการที่จะไปเผชิญหน้าอเมริกา ซีไอเอ และ แจ็ค ไรอัน ในคราวเดียวกัน ผมหวังว่าความขัดแย้งเหล่านั้นจะเป็นเรื่องราวดราม่าที่ดีได้

 

 

 คุณช่วยเล่าหน่อยว่าทำไมต้องการถ่ายทำเรื่องนี้ที่ลอนดอนมากกว่าที่อื่น?

 เคนเน็ธ บรานัค:นั่นเป็นคำถามที่ดี เดิมทีมีความคิดที่จะถ่ายทำในหลากหลายที่เหมือนกัน มันดูราวกับว่าส่วนประกอบสามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันสามารถเป็นเมืองใหญ่ที่ไหนก็ได้ แต่เค้าโครงเรื่องอาจบ่งชี้ว่าเป็นอย่างนั้น เพราะมันเป็นเศรษฐกิจโลกและวิกฤติเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับศูนย์กลางของเรื่องนี้ แต่ผมรู้สึกว่าสัญชาตญาณแรกของบทและสิ่งที่ผมได้รับจาก เดวิด ค็อปป์ (ผู้เขียนบท) มีความหมายว่ารัสเซียอยู่ทางตะวันออก และอเมริกาอยู่ทางตะวันตก มีความสำคัญในแง่ของตัวละครและวัฒนธรรมที่ออกมาจากเรื่อง จริงๆ การถ่ายทำในที่เหล่านี้มีความยุ่งยากและซับซ้อน มอสโกเป็นเมืองที่มหัศจรรย์ แต่มันท้าทายในการทำงานเพราะมันใหญ่และกว้าง บางสิ่งที่เราต้องการก็คืองานสถาปัตยกรรมที่อึกทึกในมอสโก สิ่งก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย และสัมผัสของเมืองเปลี่ยนแปลงไป เรารู้สึกว่าเราสามารถได้บางส่วนของลอนดอน และได้สเกลกับภาพบางส่วนซึ่งให้เราสร้างสิ่งที่เราต้องทำได้ ตึกของ วิคเตอร์ เชเวริน ถูกดัดแปลงจากสถานที่จริง

  

คุณสร้างหนังสักเรื่องในทุกวันนี้ และแน่นอนว่าทุกคนจะมาเคาะประตูคุณ ตั้งแต่นิวออร์ลีนส์ไปถึงมอนทรีอัล ที่ลอนดอนมีสภาวะเอื้อกว่า แถมมีดีเอ็นเอของมหานคร และนั่นสำคัญต่อเรา เราสามารถไปที่เมืองลิเวอร์พูลเพื่อหาสิ่งก่อสร้างเก่าๆ ลิเวอร์พูลเคยเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดของโลกในยุคที่มีการขนส่งสินค้าทางเรือ นั่นทดแทนบรรยากาศเก่าๆ ของมอสโกที่สูญหายไปแล้ว เรารู้สึกว่าเราจะได้ภูมิทัศน์ใหญ่เมื่อเราเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ และเสริมด้วยเทคนิคภาพพิเศษ

 

คุณพูดติดสำเนียงตอนรับบทเป็น เซอร์ ลอเรนซ์ โอลิเวียร์ ใน My Week with Marilyn ซึ่งมันตลกขบขันดี คุณขัดเกลามันสักหน่อยเพื่อให้มันไม่หยาบเกินไปหรือเปล่า?

  เคนเน็ธ บรานัค:นั่นมันออกแนวรูริทาเนียน คุณจะเห็นว่าแสงตกลงมาเหมือนหิน เราเหมือนอยู่ในแคนยอนที่นี่ ใช่ มันยิ่งดูเหมือนรูริทาเนียน ออกแนว Prisoner of Zenda สำเนียงที่เขาปรับเพื่อ The Sleeping Prince ที่นี่เรามีเพื่อนชาวรัสเซีย 2 คน ซึ่งคอยฟังผมทุกวัน ผมต้องพูดภาษารัสเซียจริงๆ และพวกเขาพยายามทำให้ผมพูดคล่อง ผมชอบทำมัน มันเป็นภาษาที่น่าทึ่ง สำเนียงทำให้มันดูแตกต่างชัดเจน แต่มันสามารถหลุดไปอีกทางหนึ่งได้ง่ายมาก หนึ่งในสิ่งที่เราพยายามทำกับการแสดงทั้งหมด และ เควิน แสดงได้ยอดเยี่ยมมาก เช่นเดียวกับ เคียร่า และ คริส ก็เป็นหัวใจสำคัญ ผมจึงดูและเรียนรู้จากพวกเขาทั้ง 3 คน ผมต้องบอกว่าพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญการแสดงบนจอภาพยนตร์จริงๆ มันน่าหลงใหลมากที่ได้ชม พวกเขาเรียบง่าย แต่เรียบง่ายนี่แหละที่ทำได้ยาก และผมคิดว่าพวกเขาทำมันได้หลังฝึกฝนมามากมาย ผมจึงพยายามเรียบง่ายกับสำเนียงและเป็นธรรมชาติ นั่นเป็นแผนอันหลักแหลมของเรา

 

พอจะเห็นรายละเอียดของหนังเรื่องนี้กันบ้างหรือยัง เอาเป็นว่าแม้จะเป็นหนังสายลับที่มีหลายคนเคยทำมาแล้วมากมาย แต่จากที่ได้ฟัง เคนเน็ธ บรานัค พูดแบบนี้ ทาง Sanook! Movie ก็คิดว่าเป็นหนังที่น่าติดตามอีกเรื่องนึงเลยล่ะว่ามั้ย ?

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.siamdara.com/

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ เจาะลึก " เคนเน็ธ บรานัค" ผู้กำกับ JACK RYAN: SHADOW RECRUIT

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook