วิจารณ์ 3 Day to Kill
ทุกวันนี้ในบ้านเราชื่อเสียงของเควิน คอสเนอร์ก็ดูจะไม่เรียกแขกกันอีกต่อไป จะว่าไปแล้วตัวเควิน คอสเนอร์เองในบ้านเรานั้นหนังที่ทำให้ผู้ชมจดจำเขาก็ได้แก่ บทคาวบอยใน Dances with Wolves, เจเอฟเคใน JFKและบทบาทบอดี้การ์ดที่เขาเคยแสดงกับศิลปินผู้ล่วงลับอย่างวิทนีย์ ฮูสตันใน The Bodyguard น่าเสียดายที่ในช่วงปี 1990s หนังของเควินไม่ค่อยได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีเท่าไหร่ ประกอบกับรายได้ในอเมริกาที่ไม่เข้าเป้านัก บ้านเราเลยไม่ค่อยมีโอกาสจะได้ชมกันสักเท่าไหร่
โชคยังดีดูเหมือนแววของเควิน คอสเนอร์จะกลับมาอีกครั้งตั้งแต่ที่เขารับบทพ่อบุญธรรมของคลากซ์ เคนท์(ซูเปอร์แมน) ใน Man of Steel รวมไปถึงบทบาทหัวหน้าสายลับใน Jack Ryan: Shadow Recruit เมื่อต้นปีที่ผ่านมา การได้มารับบทนำอีกครั้งใน 3 Days to Kill จึงเหมือนเป็นการคืนฟอร์มในมาดพระเอกของเควินกันเลยทีเดียว
ตัวอย่างหนังของ 3 Days to Kill อาจจะทำให้เรานึกไปถึงหนังแอ็คชั่นทวงสมาชิกในครอบครัวกลับคืนสู่อ้อมอกแบบ TAKEN ที่นำแสดงโดยเลียม นีสัน แต่เอาเข้าใจแล้วตัวหนังจริงๆค่อนข้างเป็นหนังแอ็คชั่นกึ่งครอบครัวและแทรกอารมณ์ขันตลกร้ายเอาไว้ในเรื่อง เมื่อเนื้อหาสาระของมันพูดถึงอีธาน รันเนอร์ สายลับจาก CIA ที่กำลังจะต้องปลดเกษียณตัวเองจากอาชีพเพราะตรวจพบว่าตัวเขาเองเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายและจะเสียชีวิตในไม่ช้า เขาจึงเลือกจะเดินทางกลับมาที่ปารีสเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับเมียและลูกสาว แต่แล้วหญิงสาวลึกลับนามว่าวีวี่ (แอมเบอร์ เฮิร์ท) ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้เขาทำภารกิจลับบางอย่างเพื่อแลกกับยาที่อยู่ในขั้นทดลอง ซึ่งอาจจะเป็นทางรอดและต่ออายุให้กับอีธานมีชีวิตต่อไป
หนังมีฉากแอ็คชั่นในปริมาณประปราย ส่วนมากหนังจะทำให้เรามองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างอีธานและลูกสาวอย่างโซอี้(เฮลี สไตน์เฟลด์) เป็นส่วนใหญ่ ในช่วงแรกอีธานพยายามจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ของตัวเอง เขาพยายามจะโน้มน้าวให้ลูกสาวขี่จักรยานที่ตนซื้อให้เธอเป็นของขวัญ แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด กำแพงบางอย่างที่ถูกกั้นขวางระหว่างพ่อและลูกสาวนั้นถูกเริ่มกะเทาะออกเมื่อ อีธานได้เรียนรู้ว่าหน้าที่ของ "พ่อ" นั้นคือการพยายามเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะให้ลูกเป็นแบบที่ตัวเองต้องการ
พูดง่ายๆคือหนังเรื่องนี้คือมุมกลับของสายลับที่พยายามจะกลับไปมีชีวิตแบบปกติสามัญนั่นเอง แต่ด้วยความสามารถและหน้าที่ของเขา จึงทำให้ "งาน" ร้องเรียกอีธานตลอดเวลา การปรากฏตัวขึ้นของวีวี่ก็เปรียบเสมือนทางเลือกที่ทำให้อีธานต้องบริหารเวลาระหว่างงานกับครอบครัวให้ได้ หลังจากที่เขาเคยเลือกแต่ "งาน" จนทิ้งครอบครัวเอาไว้เบื้องหลัง สิ่งนี้เองที่สอนให้เขารู้จักที่จะจัดการและรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง
ผู้กำกับอย่างแม็คจี ที่เราคุ้นเคยชื่อของเขามาจาก Charlie's Angels, Charlie's Angels: Full Throttle (นางฟ้าชาร์ลี) ยังแทรกสอดอารมณ์ขันเข้ามาในเรื่องอย่างแนบเนียน ระหว่างที่ความสัมพันธ์ของตัวละครกำลังจะถึงจุดตึงเครียด เขาก็จะพยายามผ่อนคลายอารมณ์ด้วยการใส่มุกให้คนดูฮาไปกับจังหวะเช่น ระหว่างที่อีธานกำลังจะลงหมัดกับตัวประกัน เสียงริงโทรโทรศัพท์ของลูกสาวก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียดื้อๆ เป็นต้น
ภาพรวมของ 3 Days to Kill อาจจะไม่ใช่หนังระเบิดภูเขาเผากระท่อม แต่มันพยายามนำเสนอความงดงามของสถาบันครอบครัวออกมาได้น่าสนใจทีเดียวครับ
ยกให้ 3 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด