วิจารณ์ Vampire Academy

วิจารณ์ Vampire Academy

วิจารณ์ Vampire Academy
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิจารณ์ Vampire Academy

ในบ้านเรานวนิยายของ Vampire Academy อาจจะไม่ได้เปรี้ยงปร้างเป็นกระแสเหมือนเมืองนอกเท่าไหร่นัก ด้วยความที่ตัวนิยายเองก็จัดได้ว่าเป็นเนื้อหา "สุภาพสตรี" ค่อนข้างสูง ประกอบกับหมวดหมู่ของตัวเรื่องเองก็ถูกจัดอยู่ในประเภทวรรณกรรมเยาวชนที่มีเนื้อหาเข้าใจง่าย ภาษาไม่ยากต่อการทำความเข้าใจ ผลงานการเขียนของ "ริเชลล์ มี๊ด" จึงสร้างปรากฏการณ์ทำยอดขายติดอันดับของ New York Times จนมีเล่มต่อมาเรื่อยๆ ส่วนในประเทศไทยนั้นทาง สำนักพิมพ์เพิร์ล ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลและวางจำหน่ายในชื่อ องค์รักษ์คืนชีพ เล่มที่สองใช้ชื่อว่า มหัศจรรย์พลังจิต

หลายคนอาจจะเกิดข้อกังขาว่า ถ้านี่เป็นเรื่องราววัยรุ่นที่มีความเชื่อมโยงกับแวมไพร์แล้ว ตัวหนังจะไปคล้ายคลึงกับนิยายของ สเตฟานี่ เมเยอร์ อย่าง Twilight หรือเปล่า จากการที่ได้ชมมาแล้วเรียบร้อยคงจะต้องบอกว่า Vampire Academy นั้นแตกต่างจากความรักของเบลล่าและเอ็ดเวิร์ดอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเนื้อหาของเรื่องไม่ได้ถูกโฟกัสไปที่เรื่องรักข้ามสายพันธุ์ หากแต่เป็นเรื่องราวแนววัยรุ่นผสมกับหนังแนวสืบสวนสอบสวน

เหตุการณ์ในหนัง Vampire Academy ภาคแรกเล่าถึง โรส แฮทธาเวย์ (โซดี้ ดัช) แวมไพร์เดมเพียร์ ซึ่งบทบาทหน้าที่ของแวมไพร์ประเภทนี้จะมีหน้าที่เป็นองค์รักษ์ที่ต้องคอยปกปักษ์รักษาแวมไพร์ในสายพันธุ์โมรอย เธอเป็นเพื่อนสนิทกับ ลิสซ่า ดราโกเมียร์ (ลูซี่ ฟราย) แวมไพร์โมรอยที่เป็นถึงทายาทคนสุดท้ายของราชวงศ์ดราโกเมียร์ แต่แล้วเมื่อโรสอายุ 15 ปีและประสบอุบัติเหตุรถคว่ำทำให้เธอเสีชชีวิตทันที ลิสซ่าจึงตัดสินใจชุบชีวิตโรสขึ้นมาและความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้นี่เองที่ทำให้โรสสาบานตนว่าเธอจะปกป้องลิสซ่าด้วยชีวิต

วิจารณ์ Vampire Academy

โรสเป็นแดมเพียร์ที่มีความกล้าหาญแต่ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นคนใจร้อนหุนหันพลันแล่น ความสามารถพิเศษของเธอคือการที่สามารถสื่อสารพลังจิตกับลิสซ่าได้ ทำให้ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์คับขันกับลิสซ่า โรสจะรับรู้ได้ถึงอันตรายดังกล่าว แม้กระทั่งฝันร้าย

หลังจากที่โรสกับลิสซ่าได้กลับเข้ามาอยู่ในโรงเรียน เซนต์ วลาดิเมียร์ สถานที่สำหรับการฝึกฝนแวมไพร์เผ่าโมรอยและแดมเพียร์ให้มีความแข็งแกร่งและสามารถออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอกได้อย่างปกติ ซึ่งแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อย่างโมรอยก็จะได้เรียนรู้ถึงธาตุพิเศษของตัวเอง ขณะที่ลูกครึ่งอย่างแดมเพียร์จะถูกฝึกฝนการใช้อาวุธและการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เพื่อไว้ต่อสู้กับแวมไพร์สายพันธุ์ร้ายกาจอย่างสไตรกอย

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลก็เกิดขึ้นกับตัวลิสซ่าเมื่อมี "ใครสักคน" ในโรงเรียนแห่งนี้หมายปองจะเอาชีวิตเธอ ทำให้เพื่อนสนิททั้งสองคนต้องพยายามสืบหาความจริงให้ได้ว่าใครกันที่วางแผนร้ายดังกล่าวกันแน่ เมื่อยิ่งสืบลึกเข้าไปแค่ไหนก็ตาม ความจริงที่ปรากฏออกมาก็ยิ่งพลิกผันไปเรื่อยๆ ความสนุกของ Vampire Academy จึงอยู่ที่ตัวละครหลักของเรื่องได้ค้นพบความจริงอันดำมืดของราชวงศ์แวมไพร์

วิจารณ์ Vampire Academy

ความโดดเด่นประการหนึ่งของ Vampire Academy คือการวางตัวละครหลักของเรื่องอย่างลิสซ่าและโรสให้มี "จริต" ของความเป็นผู้หญิงสมัยใหม่อย่างชัดเจนนั่นคือ การบอกรักหรือตกหลุมรักผู้ชายอย่างเปิดเผยด้วยไม่ต้องมานั่งแอ๊บเป็นสตรีตกยุคแบบเบลล่าที่ต้องเก็บงำความในใจเสียจนเรื่องราวบานปลายกลายเป็นมหากาพย์ยาวยืด พวกเธอเลือกจะแสดงตัวตนความเป็นหญิงออกมาอย่างชัดเจน

น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ผลงานชิ้นนี้ของผู้กำกับ มาร์ค วอเทอร์ ซึ่งเคยทำผลงานหนังตีแผ่ชีวิตไฮสคูลอย่าง Mean Girls นั้นไม่สามารถดึงความโดดเด่นของนักแสดงนำออกไม่ได้เฉิดฉายเท่าไหร่นัก ประกอบกับบทหนังที่ค่อนข้างกระพร่องกระแพร่ง ไม่ค่อยน่าเชื่อถือในบางสถานการณ์ ประกอบกับงบการสร้างที่ดูจำกัดจำเขี่ย ทำให้บางช่วงหนังก็ดูถ่ายทำออกมาแย่มากไฟสลัวมืดดำประหนึ่งหนังเกรดบีที่ถูกส่งลงแผ่นดีวีดีไปเลย

ภาพรวมๆของหนังอาจจะดูแก้เบื่อ ฆ่าเวลาได้บ้าง แต่ถ้าคาดหวังชั้นเชิงการเล่าเรื่อง และความแซ่บของบรรดานักแสดงแล้วอาจจะต้องผิดหวังไปตามๆ กัน

ยกให้ 2 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ วิจารณ์ Vampire Academy

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook