วิจารณ์หนัง THE LEGO MOVIE
วิจารณ์หนัง THE LEGO MOVIE
เพราะความเป็นเด็กหลับใหลอยู่ในตัวคุณ ทุกคน THE LEGO MOVIE เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวให้เราได้หวนคิดถึงยุคสมัยที่เราเติบโตขึ้นมากับของเล่นชิ้นเล็กๆที่ช่วยเสริมสร้างจินตนาการของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี ตัวต่อหลากสีนี้ทำให้เราออกแบบสถาปัตยกรรมบ้านและตึกอันหลากหลาย ช่วยพัฒนาความคิดให้เด็กๆอยากจะออกแบบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวต่อเลโก้ถูกดัดแปลงให้เป็นภาพเคลื่อนไหวซึ่งมันถูกเรียกว่าเป็น Brickfilm โดยนำของเล่นต่างๆนำมาทำเป็นภาพแบบ Stop Motion เพื่อทำให้เกิดการเคลื่อนไหว เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1973 และถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อยๆจนกระทั่งกลายเป็นหนังขนาดยาวที่ถูกส่งตรงลงดีวีดีเพื่อเป็นการ์ตูนฉบับครอบครัว แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนยิ่งใหญ่ที่สุดเท่ากับการขึ้นจอใหญ่ของ THE LEGO MOVIE
THE LEGO MOVIE เล่าเรื่องราวของ เอ็มแมต (คริส แพตต์) ช่างก่อสร้างเลโก้ที่มีวิถีชีวิตอันแสนธรรมดา เขาตื่นเช้าขึ้นมาทุกวันทำกิจวัตรซ้ำซากไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เขาก็ถูกเข้าใจผิดว่า เป็นบุคคลสำคัญในการที่จะช่วยกอบกู้โลกจากวายร้ายอย่าง ลอร์ดบิสสิเนส(วิลล์ เฟอร์เรลล์) ทำให้เอ็มแมตต้องร่วมผจญภัยไปกับ ไวด์สไตล์(อลิซาเบธ แบงค์) ฮีโร่สาวสุดเท่, วิทรูเวียส(มอร์แกน ฟรีแมน) พ่อมดชราที่ก้าวเข้ามาเพื่อทำนายชีวิตของแอ็มแมต, แบทแมน(วิลล์ อาร์เน็ตต์) ซูปเปอร์ฮีโร่จอมกวนประสาท จนเป็นที่มาของเรื่องชวนหัวปวดประสาทและเสียงฮา
แม้จะเข้าฉายในประเทศไทยค่อนข้างช้า แต่กระแสจากต่างประเทศนั้นคงอาจจะต้องกล่าวได้ว่า THE LEGO MOVIE ได้รับเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ดีมาก ประกอบกับการทำเงินบนตารางบ๊อกซ์ออฟฟิศอย่างถล่มทลาย ทำให้ความน่าสนใจของตัวหนังพุ่งสูงขึ้นไปอีก จะว่าไปแล้วกลวิธีในการเล่าเรื่องนั้นถ้าใครเติบโตมากับของเล่นชิ้นนี้จะรู้สึกผูกพันกับเรื่องราวได้ไม่ยาก อีกทั้งแฟนการ์ตูนอย่างดีซีคอมมิกส์ก็คงจะตลกไปกับการที่ซูเปอร์ฮีโร่ในดวงใจของพวกเขาอาทิ แบทแมน,ซูเปอร์แมน, วันเดอร์วูแมนและกรีนแลนเทิร์น โดนจับมาล้อเลียนจนหมดความเก๋าเท่แบบในภาพยนตร์ ก็นับได้ว่าเป็นการสร้างเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี
เสน่ห์อีกประการหนึ่งของ THE LEGO MOVIE คือการทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึง "ความผูกพันระหว่างคนกับของเล่น" ซึ่งจุดพลิกผันของเรื่องถูกนำเสนอแบบหักมุมมากๆในตอนท้ายจนคนดูเกิดอาการอึ้งกิมกี่ไปตามๆกัน (สปอยล์ไม่ได้จริงๆครับต้องติดตามจากภาพยนตร์เท่านั้น) ซึ่งเป็นจุดเกื้อหนุนสำคัญที่คลายปมปริศนา รวมถึงการสร้างเหตุผลรองรับให้กับเหตุการณ์พิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งเรื่อง
นอกเหนือไปจากนี้เพลงอย่าง Everything is Awesome จึงกลายเป็นบทเพลงสำคัญที่มีนัยยะของการร่วมมือร่วมใจ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม แค่เพียงเราเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะบางครั้งการเป็นคนที่พิเศษที่สุดก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะขาดคนอื่นๆในชีวิตไปได้ เพราะทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ยกให้ 4 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด