วิจารณ์หนัง Noah
วิจารณ์ Noah
Noah เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญคำหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังสือปฐมกาลหรือในชื่ออังกฤษว่า Book of Genesis อันเป็นการเล่าเรื่องของ การเกิดหรือที่มาของมนุษย์ โลก และชาวอิสราเอลอันเป็นชนชาติแรกเริ่้มที่พระเจ้าได้เลือกเอาไว้ โดยหนังสือปฐมกาลนั้นเป็นหนังสือเล่มแรกของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาคพันธสัญญาเดิม (โทราห์) และเป็นหนังสือเล่มแรกในหมวดเบญจบรรณ ซึ่งชาวยิวเชื่อกันว่าผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ก็คือ "โมเสส" เนื้อหาหลักในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงประวัติการสร้างโลกของพระยาห์เวห์ไปถึงลูกหลานของชาวอิสราเอล
เรื่องราวของเรือโนอาห์ในหนังสือปฐมกาลบอกเล่าถึงการที่มนุษย์นั้นเหินห่างจากพระเจ้า บาปของมนุษย์จึงมีมากมายเต็มไปหมด พระเจ้าจึงคิดจะทำการกวาดล้างมนุษย์ไปจากโลกนี้ แต่เนื่องด้วยโนอาห์เป็นที่โปรดปรานมากในสายตาของพระเจ้า เนื่องจากเขาเป็นที่มีความดีพร้อม พระองค์จึงบอกเหตุการณ์น้ำท่วมโลกให้โนอาห์ทราบ พร้อมกับวางแผนในการสร้างเรือให้ โนอาห์ได้สร้างขึ้นมา โดยพระองค์ให้โนอาห์นำสิ่งมีชีวิตบนโลกขึ้นไปบนเรืออย่างละคู่ เมื่อถึงกำหนดวันของพระเจ้าฝนก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง 40 วัน 40 คืนจนน้ำท่วมโลก ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนแผ่นดินนั้นตายไปจนสิ้น กว่าเวลา 150 วันที่น้ำท่วม เมื่อพระเจ้านึกถึงโนอาห์ ก็ได้มีบัญชาให้น้ำลดและทำให้โนอาห์ได้และครอบครัวได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่บนผืนแผ่นดินอีกครั้ง ซึ่งพระเจ้าได้ให้คำมั่นไว้ว่า "จะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดยให้น้ำท่วมอีก และจะไม่ให้มีน้ำมาท่วมทำลายโลกอีกต่อไป เราตั้งรุ้งของเราไว้ที่เมฆ และรุ้งนั้นจะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาของเรา" ฉะนั้นตราบใดที่ยังเห็นรุ้งกินน้ำ ก็เป็นเหมือนคำสัญญาของพระเจ้าว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลกอีก
ขณะที่ Noah ของผู้กำกับ ดาร์เรน อาโรนอฟสกี้ ซึ่งมีลายเซ็นในการทำภาพยนตร์ในแนว "วิเคราะห์" สภาพจิตใจของตัวละครอย่างเช่น Black Swan และ The Wrestler ยังคงเลือกจะวิเคราะห์สภาพจิตใจของโนอาห์ (รัสเซลล์ โครว์) โดยหลายครั้งหลายคราตัวละครนี้จะได้เห็นภาพนิมิตของพระเจ้า ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้อยู่เช่นกันว่าสิ่งที่เขาเห็นในภาพความฝันนั้นเป็นการ "มโน" เอาเอง ความซ้อนทับระหว่างเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ของพระเจ้า กับความบังเอิญในหนังเรื่อง Noah ถูกซ้อนทับกันอย่างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน มันเป็นหนังวิเคราะห์สภาพจิตใจของตัวละคร ในขณะที่งานโปรดักชั่นของเรื่องก็เต็มไปด้วยงานด้านภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งแผ่นดินในยุคโบราณ สภาพความเป็นอยู่ของผู้คนและสรรพชีวิต เรือโนอาห์ และภาพแห่งความล่มสลายของมนุษย์ในฉากน้ำท่วมโลก
ตัวละครสำคัญที่ทำให้ Noah ในเวอร์ชั่นนี้เกิดจุดเหลื่อมล้ำระหว่างจินตนาการของโนอาห์และการมีอยู่จริงของพระเจ้า ก็คือตัวละครผู้พิทักษ์ที่พระเจ้าเคยส่งพวกเขามายังโลกใบนี้ แต่ด้วยการเวลาที่ผันเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขากระทำความผิดพระเจ้าจึงบันดาลในรูปกายของพวกเขากลายเป็นหิน การร่ำร้องขอโทษต่อพระเจ้าให้ช่วยรับวิญญาณของพวกเขากลับคืนสู่สวรรค์จึงเป็นความปรารถนาสูงสุด การขับเคลื่อนในกระบวนการสร้างเรือโนอาห์จึงได้ตัวละครผู้พิทักษ์มาคอยช่วยเหลือให้เขาสามารถทำงานนี้ได้สำเร็จ ท่ามกลางเวลาที่สั้นงวดเข้ามาทุกที และทูบอล-คาอิน (เรย์ วินสโตน) คือผู้นำของกลุ่มคนที่พยายามจะยึดเรือโนอาห์ก็เพื่อเอาชีวิตรอดและเชื่อว่านั่นคือความเป็นมนุษย์
เหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นในหนังสามารถแบ่งแยกย่อยออกได้เป็น 2 ช่วงใหญ่ๆนั่นคือ ครึ่งแรกและครึ่งหลัง เมื่อมหากาพย์โชว์งานด้านภาพและซีจีในช่วงต้นผ่านพ้นไป ช่วงหลังของเรื่องในก็เริ่มทำการวิเคราะห์สภาพจิตใจของมนุษย์ที่อยู่บนเรืออันประกอบไปด้วยโนอาห์ นาอาเมห์(เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่) ลูกชายทั้งสามเชม(ดักลาส บูธ), ฮาม(โลแกน เลอร์แมน) และจาเฟธ(ลีโอ แมคฮอช คาร์รอล) อิลา(เอ็มม่า วัตสัน) และทูบอล-คาอิน(เรย์ วินสโตน) ซึ่งบรรยากาศของเรื่องก็มุ่งหน้าเข้าสู่ความมืดหม่นทันทีเมื่อ "ความเป็นมนุษย์" ของตัวละครเริ่มถูกเผยออกมาในขณะที่โนอาห์ยังพยายามจะรักษาซึ่งคำมั่นที่เขาได้ให้ไว้กับพระเจ้าเพื่อจำทำภารกิจของตนให้สำเร็จ [และเพื่ออรรถรสในการรับชม ตรงจุดนี้เราขอไม่พูดถึงความเป็นมนุษย์ที่กล่าวเอาไว้]
อย่างไรก็ตาม Noah ของดาร์เรน อาโรนอฟสกี้ก็ยังคงไว้ซึ่งมุมมองที่เขายังคงเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นตำนานโบราณของหนังสือปฐมกาลจะกล่าวเอาไว้เช่นได้ แต่การ "ตีความ" และมองโนอาห์ในมุมที่ต่างออกไปก็นับว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ เอาเข้าจริงๆแล้วหนังเก่าที่ดาร์เรนกำกับเรื่อง The Fountain ที่นำแสดงโดยฮิวจ์ แจคแมนนั้นก็เคยพูดถึงประเด็นการเวียนว่ายตายเกิดในแนวคิดเชิงศาสนาพุทธ ซึ่งเขาก็ทำออกมาได้น่าสนใจและกลายเป็นหนังที่ชวน "ตึกผลึก" ต่อหลังหนังจบ เช่นเดียวกันกับใน Noah
แล้วคุณละครับมองในมุมเดียวกับไบเบิ้ลหรือมองในมุมที่มีความเป็นมนุษย์มากกว่า ลองมาถกมาเปิดประเด็นกันดีกว่าครับ ^^
ยกให้ 4 ดาวจาก 5